“พระชายา” เหล่าเซวียรีบทำความเคารพ เขางอเอวลงต่ำกว่าเดิมแล้วรีบตอบแทนท่านอ๋องของตนว่า “เรียนพระชายา คือ…ท่านอ๋องไม่ชอบยาขมๆ เลยไม่ยอมกินยา ข้าพยายามปลอบ พยายามกล่อมจน…ท่านอ๋องคิดตกและเข้าใจแล้ว รู้ว่าต้องกินยาตามเวลาถึงจะดี ท่านอ๋องเลยบอกว่าเข้าใจแล้ว แต่…ยังไม่ยอมดื่มยา เรื่องมันเป็นเช่นนี้ล่ะขอรับ” สวรรค์ เหงื่อแตกเต็มหลังเขาแล้ว!
มู่ไคเวยผงกศีรษะ “เช่นนี้นี่เอง”
หญิงสาวมองยาสีดำมะเมื่อมก่อนช้อนสายตาขึ้นมองใบหน้าซีดเผือดของคังอ๋อง นางยกมือทั้งสองข้างขึ้นเท้าเอวแล้วยิ้มนิดๆ “ดื่มยาสิ”
“ได้” ฟู่จิ่นซีปฏิบัติตามอย่างรวดเร็ว เขายกถ้วยยากระเบื้องสีขาวขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด โดยไม่ใช้ช้อนตัก
อึกๆๆๆ…อึกๆๆๆ…นี่เป็นยาที่ผู้อาวุโสหญิงจัดให้เขาเพื่อบำรุงร่างกายให้แข็งแรง มีประโยชน์ต่อพลังปราณในการฝึกยุทธ์มาก ยาอุ่นๆ ไหลลงคอล่วงลงไปในกระเพาะของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
เวลาอยู่ต่อหน้าพระชายา คังอ๋องว่าง่ายมาก ไม่หือไม่อือแม้แต่น้อย
เหล่าเซวียที่ยืนมองอยู่ที่ด้านข้างรู้สึกมีเหงื่อเย็นๆ แตกเต็มแผ่นหลัง ในใจรู้สึกชื่นชมและยินดีไปกับท่านอ๋องจนหน้าแก่ๆ แดงเรื่ออย่างไม่อาจควบคุม
หนึ่งเค่อให้หลัง
พอฟู่จิ่นซีดื่มยาทั้งชามหมดก็ส่งชามกระเบื้องสีขาวที่ว่างเปล่าให้เหล่าเซวียนำไปเก็บ
เหล่าเซวียจึงถอยออกจากห้องโถงของเรือนหลักไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ฟู่จิ่นซีลุกตามมู่ไคเวยเข้าไปในห้องนอน
เห็นมู่ไคเวยนั่งลงบนเตียงแล้ว ชายหนุ่มก็นั่งลงบนเตียงด้วย
เมื่อนางมองมา เขาก็มองตอบ
“ท่านอ๋องรู้หรือไม่ว่าหลันกูกูของข้าไปที่ใด ข้านึกว่านางคอยข้าอยู่ที่เรือนหลัก แต่กลับไม่เห็นนางเลย” หญิงสาวถามพลางใช้หลังมือข้างหนึ่งเช็ดมุมปากให้เขา
ฟู่จิ่นซีจึงจับมือนางไว้ตามสัญชาตญาณและพบว่าหลังมือของหญิงสาวเปื้อนยา ทำให้เขาเข้าใจได้ว่านางช่วยเช็ดปากให้ หัวใจของชายหนุ่มพลันอ่อนยวบลง และมุมปากเผลอยกสูงขึ้น
เสียงนุ่มๆ ของฟู่จิ่นซีติดจะแหบพร่าเล็กน้อย “ดูเหมือนหลันกูกูของพระชายาจะมีความเห็นต่างกับหัวหน้าพ่อบ้านเซ่าจอมเย็นชาและเอาแต่ใจของจวนข้า หลายวันที่ผ่านมา พวกเขาคัดง้างกันตลอด ใครก็ช่วยพูดให้ไม่ได้…เมื่อครู่หัวหน้าพ่อบ้านเซ่ามา ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่ใด หลันกูกูเลยทำหน้าตึงตามเขาไป เวลานี้พวกเขาสองคนน่าจะไปประมือกันอยู่ที่เรือนด้านหน้ากระมัง”