น้ำเสียงของชายหนุ่มแหบพร่า “ไม่ผิด ข้าไม่ได้ทำผิด หรือต่อให้ทำผิดจริง ชีวิตข้าก็อยู่ในมือเจ้า ดีเหลือเกิน หากตายในมือเจ้าได้ย่อมดีกว่าวิธีอื่นมาก”
“ตายอะไรกัน ท่านอ๋อง อุ๊บ…” ริมฝีปากถูกปิดผนึกและบดเบียดด้วยริมฝีปากเย็นจัดแต่อ่อนนุ่มของเขาอย่างรุนแรง ฟู่จิ่นซีฉวยโอกาสตอนที่นางกำลังพูด จู่โจมอย่างกะทันหันซ้ำยัง…สอดลิ้นเข้ามาด้วย!
รสชาติของเขา…
มู่ไคเวยรู้สึกแปลกใจและอึดอัด เพราะโพรงปากของชายหนุ่มยังมีกลิ่นหอมของยาเหลืออยู่ นี่อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับคนที่จำเป็นต้องบำรุงดูแลร่างกายมาตั้งแต่เล็กจนโต ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี เพียงแต่ว่าดูเหมือนจะมีเพียงกลิ่นยาอย่างเดียว แต่กลับไม่มีกลิ่นกายของเขาอยู่เลย
มนุษย์ทุกคนย่อมมีกลิ่นเฉพาะเป็นของตนเอง ต่อให้บนตัวมีกลิ่นยา แต่กลิ่นนั้นก็ต้องผสมผสานเข้ากับกลิ่นยา ทว่าฟู่จิ่นซีกลับแตกต่างออกไป นี่เกิดจากสภาพร่างกายของเขา? หรือเพราะโรคประหลาดที่เขาเป็นเมื่อสมัยเด็ก?
มู่ไคเวยไม่มีเวลาคิดฟุ้งซ่าน เพราะคังอ๋องทำเหมือนคนที่อดอยากมาหลายมื้อ เขาเลยเอาแต่จูบสะเปะสะปะจนหน้านางเปียกไปครึ่งหนึ่ง และยังทำท่าเหมือนอยากจะกลืนลิ้นนางลงท้องไปด้วย
มือทั้งสองข้างของมู่ไคเวยเกาะอยู่ที่ต้นแขนของฟู่จิ่นซี การที่นางจะคว่ำเขาหรือผลักเขาออกห่างเป็นเรื่องง่ายดุจพลิกฝ่ามือ แต่เมื่อครู่นางไม่ได้หลบหลีกการขโมยจุมพิตของเขา แล้วจะมาหนีเอาตอนนี้ได้หรือ
การที่คนสองคนแต่งงานกันย่อมต้องใกล้ชิดสนิทสนมกันอยู่แล้ว หากนางปฏิเสธ เชื่อว่าฟู่จิ่นซีต้องได้รับความสะเทือนใจอย่างมากจนกลายเป็นความรู้สึกประดักประเดิดและวางหน้าไม่ถูก ดีไม่ดี เขาอาจกล่าวโทษตนเองจนไม่กล้าเป็นฝ่ายเข้าหานางอีก…มู่ไคเวยไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น เพราะนางไม่อยากเห็นความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจบนใบหน้าหล่อเหลาของเขา
คิดได้ดังนี้ มู่ไคเวยจึงเปลี่ยนมาใช้มือข้างหนึ่งโอบคอชายหนุ่ม และใช้มืออีกข้างกอดเอวเขาไว้
นางจูบตอบฟู่จิ่นซีอย่างหนักหน่วง ไม่ยอมให้เขาเป็นคนเสนอไมตรีฝ่ายเดียว
ฟู่จิ่นซีถูกหญิงสาว ‘โต้กลับ’ ด้วยการจับพลิกตัวลงบนเตียง เขารับรู้ได้ว่านางกอดเอวเขาแน่น ทั้งสองคนแนบชิดสนิทกันชนิดพลิกฟ้าคว่ำดินอยู่ในกลไกแหตาถี่จนทั้งมือทั้งเท้าและเส้นผมพันกับตาข่ายจนยุ่งเหยิงขยับไม่ได้ ทว่ากลับไม่มีใครยอมปล่อยใคร
ท่ามกลางอารมณ์เร่าร้อน ปั่นป่วน มู่ไคเวยรับรู้ได้ถึงลมหายใจหอบๆ ของคังอ๋องที่บริเวณซอกคอของนาง
แผ่นอกของชายหนุ่มสะท้อนขึ้นลงรุนแรง จนตัวเกร็งไปหมด กระทั่งมู่ไคเวยโถมกายเข้าใส่ เมื่อนั้นลมหายใจที่เฝ้าสะกดกลั้นอยู่ในอกถึงค่อยผ่อนออกมา ทำให้มีเสียงอึกอักหลุดออกมาจากคอว่า
“เวยเวย…” เสียงเรียกสั่นๆ กับขนตาสีดำดุจแพพัดสะท้านน้อยๆ ทำให้ท่านอ๋องที่เวลาปกติก็ดูน่าเห็นใจอยู่แล้วยิ่งน่าสงสารบาดจิตบาดใจมากยิ่งขึ้น
“ท่านอ๋องไม่ต้องกลัว ข้าจะเบามือ” นางแหย่อย่างอยากทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น
ฟู่จิ่นซีมองใบหน้าน่ารักปราดเปรียวของหญิงสาวตาไม่กะพริบ คล้ายอยากมองลึกเข้าไปให้ถึงภายในจิตใจของนาง น้ำเสียงทุ้มต่ำมีกระแสสั่งปนวิงวอน “เชิญพระชายา…ทำเต็มที่เลยเถอะ”
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็ม)