ชั่วขณะนั้น ฟู่จิ่นซีรู้สึกเหมือนได้รับพลังจนต้องพยายามกดมุมปากที่คอยแต่จะยกสูงขึ้นไว้อย่างสุดชีวิต “แค่ก…เช่นนั้นหรือ”
“อืม แต่ถ้าให้เทียบกันแล้ว ศิษย์พี่ใหญ่ข้ายังเก่งกว่าอยู่ดี”
“…” ฟู่จิ่นซีไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นพวกชอบเอาชนะ เพราะในใจของชายาเขา ไม่ว่าเขาจะเป็นคังอ๋องหรือเฮยซานก็ยังสู้ท่านมือปราบยอดอัจฉริยะไม่ได้เช่นนั้นหรือ
เขาแสนอัดอั้นตันใจที่ตัวเองไม่มีแม้แต่โอกาสจะส่งเทียบเชิญเพื่อท้าสู้กับเมิ่งอวิ๋นเจิงอย่างเปิดเผย
ฝ่ายมู่ไคเวย นางมองใบหน้าหล่อเหลาซีดขาวที่หลบเข้าไปในโปงผ้าห่มอีกครั้ง เมื่อเห็นชายหนุ่มหลุบตาลง ประกายตาคล้ายคนจิตใจแหลกสลาย ทำให้นางต้องเคลื่อนกายเข้าไปใกล้เพื่อวางมือลงบนหน้าผากของเขา ก่อนจะลูบเส้นผมนิ่มสลวยเบาๆ สองครั้ง
ทำให้ท่านอ๋องที่กำลังอยากตายกลับมามีชีวิตใหม่ได้อีกครั้ง
มู่ไคเวยตกใจที่ตนเผลอไปลูบศีรษะและตบศีรษะผู้อื่นอย่างไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง ซึ่งเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก ทว่าภาพสีหน้าเศร้าๆ ของเขาทำให้หัวใจของนางกระตุก
จังหวะที่นางกำลังจะดึงมือกลับมา ศีรษะอันสูงส่งของฟู่จิ่นซีกลับเป็นฝ่ายเข้ามาถูไถกับมือของนางก่อนที่เขาจะหันมาหาหญิงสาว
“ในสายตาข้า พระชายาคือคนที่เก่งที่สุด” น้ำเสียงนั้นแหบพร่า
“…เหตุใดจึงพูดเช่นนี้”
เขายิ้มแต่ไม่ตอบ เพียงกะพริบตามองนางปริบๆ นิ้วมือที่หญิงสาวนวดให้จนอุ่นขึ้นเปลี่ยนมากุมมือนางแล้วออกแรงบีบน้อยๆ ทำให้หัวใจของมู่ไคเวยสั่นสะท้าน ในสมองมีคำพูดประโยคหนึ่งผุดขึ้นมาอย่างอัตโนมัติว่า
ในสายตาของคนรักเห็นเป็นซีซือ
นางจ้องหน้าชายหนุ่มแล้วรู้สึกว่าใบหูร้อนผ่าว แต่หลังชะงักไปชั่วอึดใจนางกลับหลุดขำ
เพราะหากนางกับคังอ๋องจะพูดจาภาษารักกันก็น่าจะเป็นความรักเช่นสหาย หรือตามหน้าที่ของสามีภรรยา ส่วนความรู้สึกเช่นชายหญิง…เวลานี้นางยังไม่รู้สึกเช่นนั้น แต่ต่อไปทุกอย่างน่าจะดำเนินไปเองตามธรรมชาติ
“ขอบคุณท่านอ๋องที่ชม” มู่ไคเวยพูดเสียงกลั้วหัวเราะ ดวงตาของทั้งสองคนสบประสานกัน นางพลิกมือกุมมือชายหนุ่ม กล่าวเสียงเน้นหนักเหมือนให้คำมั่นว่า “ในเมื่อท่านอ๋องไม่รังเกียจและมองเห็นความสำคัญกันเช่นนี้ ต่อไปเราสองคนก็มาเป็นพวกเดียวกัน ใช้ชีวิตร่วมกันดีกว่า หากมีใครแกล้งท่านย่อมเท่ากับแกล้งข้า ข้าจะออกหน้าให้ท่านเอง แม้ไม่อาจทำอย่างโจ่งแจ้งแต่ก็สามารถทำอย่างลับๆ ข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใดคิดว่าสามารถดูหมิ่นจวนคังอ๋องได้ง่ายๆ” หญิงสาวนิ่งไปนิดทำให้คนฟังนึกว่านางพูดจบแล้ว แต่มู่ไคเวยกลับโพล่งออกมาอีก “ท่านน่าจะรู้ว่าข้าได้รับการสอนสั่งจากท่านพ่อมาเยอะ และทำงานอยู่ในหน่วยประตูหกบานมาหลายปี ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอุบายใต้โต๊ะ เพราะอุบายใต้โต๊ะต่างหากที่เรียกว่าเด็ดจริง ท่านเชื่อข้าหรือไม่”