“เชื่อ” ฟู่จิ่นซีรับคำอย่างไม่ลังเล
เพื่อเปิดโปงคนบงการที่อยู่หลังม่าน หญิงสาวถึงขั้นลอบวางแผนเผาคุกของศาลยุติธรรมเพื่อปล่อยให้คนร้ายแหกคุก
เพื่อสืบค้นเรื่องของอารามเป่าหวาที่ราชสำนักให้ความสำคัญ นางถึงกับสั่งให้คนแอบล้อมวัดเพื่อฉวยโอกาสสร้างเรื่องใหญ่
ตอนอยู่ในห้องแสดงธรรมวันนั้น เพื่อบีบคนร้ายตัวจริงให้ปรากฏตัว และทำให้หยวนเต๋อต้าซือกับไทเฮาเชื่อ นางถึงกับใช้วาจาแฝงนัยยั่วแหย่ ‘เจ็ดกวนแห่งอารามเป่าหวา’ จนคนร้ายยอมเผยตัวออกมาเอง
“ข้าย่อมต้องเชื่อเจ้าอยู่แล้ว” เขาพูดซ้ำ น้ำเสียงเหมือนกำลังทอดถอนใจ
มู่ไคเวยเห็นชายหนุ่มกระถดตัวเข้ามาใกล้พร้อมผ้าห่มก็ห่วงว่าเขาจะพลาดหล่นลงพื้นจึงยื่นมือออกไปขวางไว้ “…ท่านอ๋อง?”
“เอิ่ม ไม่เป็นไร ข้าแค่…แค่…” เขาตัวสูงกว่านางแต่กลับเผลอเอนตัวเข้าหาหญิงสาว ยิ่งได้ยินประโยคที่นางพูดเมื่อครู่ มันทำให้หัวใจของเขาเต้นโลดไปกระแทกโพรงอกทั้งซ้ายและขวา จนเขานึกอยากโผเข้ากอดและรัดร่างนางให้หลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันอย่างรุนแรง ความคิดนี้เรียกร้องหนักจนชายหนุ่มถึงกับตัวสั่น
แต่ไม่ได้ ต่อให้ทนไม่ได้ก็ต้องทน เขายังต้องทนก่อน
เพราะหากเขากลายร่างเป็นหมาป่ากระโจนเข้าหาลูกแกะตอนนี้ ย่อมเป็นการเปิดเผยและหักหาญนางเช่นหมาป่าตัวจริงแล้ว และตัวเขามิต้องเปลี่ยนเป็นลูกแกะที่ถูกนางเตะโด่งไปแทนหรือ แต่ฟู่จิ่นซีก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้อย่างไร!
“ข้าหิวแล้ว อาหารเย็นน่าจะมาแล้วกระมัง”
ในที่สุด ชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมายาวเหยียด
แต่ไหนแต่ไรมากระดาษย่อมห่อไฟไม่มิด เรื่องที่เจ้าบ่าวไม่ออกไปต้อนรับแขกในงานเลี้ยงของจวนคังอ๋อง ไม่มีผู้ใดถือสา แต่หลังจากที่แขกสตรีที่เข้าไปป่วนห้องหอขึ้นรถม้าออกจากจวนคังอ๋องไปไม่นาน เรื่องที่องค์ชายห้าหลีอ๋องเมาสุราแล้วอาละวาดบุกเข้าไปในห้องหอจนถูกพระชายาคังอ๋องซัดด้วยกระบี่ลงไปนอนหมอบก็กระจายออกไปเหมือนไฟลามทุ่ง
แม้จะเป็นเรื่องที่มีการคาดการณ์เอาไว้แล้ว แต่ยิ่งมีการเล่าลือไปเรื่อย เนื้อหาก็ยิ่งเตลิดเปิดเปิงถึงขั้นที่ว่า สาเหตุที่คังอ๋องไม่ออกมาต้อนรับแขกเป็นเพราะหวาดกลัวฤทธิ์กระบี่จนโรคเก่ากำเริบ
บ้างก็บอกว่าอสุราหน้าหยกสามารถสยบดาวปีศาจนำเคราะห์ได้จริง จนถึงถึงขั้นสิ้นสภาพ ผู้อื่นเป็นมีดและเขียง ข้าพเจ้าเป็นเนื้อปลาบนเขียง ส่วนเรื่องที่ว่าด่านเข้าหอที่แสนยากลำบากนั้น ผู้ใดเป็นมีดเขียง ผู้ใดเป็นเนื้อปลา ผู้คนทั่วทั้งเมืองหลวงต่างรู้กันดี