แท้จริงแล้วที่ปีศาจตนนี้ทำตัวเย็นชาเย่อหยิ่งเพราะคร้านจะพูดกับหญิงสาวผู้นี้ หรือไม่รู้จริงๆ ว่าจะตอบเรื่องฐานะของนางกับหญิงสาวผู้นั้นอย่างไร
ส่วนจ้าวเสี่ยวเป่ย เมื่อจั่วหลิงไม่พูด เขาก็จับทางไม่ถูกเช่นกันว่าท่านแม่ทัพของเขาคิดจะทำอะไรกันแน่ จึงไม่กล้าบุ่มบ่ามเอ่ยอะไรออกมาก่อน
จะว่าไปนางถามจั่วหลิง เรื่องอะไรตัวเขาต้องรับเอามาเป็นธุระของตนเองด้วยเล่า
ดังนั้นบรรยากาศจึงกลายเป็นน่ากระอักกระอ่วนไปในทันใด
แก้มสองข้างของหญิงสาวนางนั้นมีสีแดงระเรื่อผุดขึ้นจางๆ สุดท้ายต้องหาทางลงให้ตนเอง จึงหันไปพูดกับเนี่ยชิงหลวน “ดูแม่นางสวมเสื้อผ้าแต่งกายหรูหรา มิได้อัตคัดเฉกเช่นชาวบ้านสามัญแถบชายแดนเหมือนพวกข้า คิดแล้วเป็นอย่างที่เขาว่ากัน คงจะเป็นคุณหนูจากจวนโหวที่ฮ่องเต้พระราชทานสมรสแก่ท่านแม่ทัพกระมัง”
หญิงสาวผู้นี้แม้พูดโดยเปิดเผยเหมือนชื่นชมเสื้อผ้าอาภรณ์ที่หรูหราของเนี่ยชิงหลวน แต่นางกลับไม่คิดว่าเป็นคำชมที่มาจากใจจริง
นอกจากนี้ยังรู้สึกได้ว่าหญิงสาวผู้นี้พูดจาแฝงนัยเสียดสีอย่างเห็นได้ชัด
เป็นการบอกอย่างชัดแจ้งว่านางเป็นคุณหนูใหญ่จากบ้านผู้ดีในเมืองหลวง ไม่เข้ากับพวกเขาที่เป็นคนชายแดนแม้แต่น้อย
เดิมทีเนี่ยชิงหลวนคิดจะตีฝีปากโต้ตอบไปบ้าง แต่เมื่อไม่รู้แน่ชัดว่าหญิงสาวผู้นี้กับจั่วหลิงมีความสัมพันธ์ใดต่อกัน ชั่วคราวจึงไม่กล้าจะทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง
หวนนึกถึงเมื่อคืนนี้ จั่วหลิงไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เอามีดสั้นอันแสนน่ากลัวมาจ่อคอนาง เนี่ยชิงหลวนก็เอามือถูจมูก ยิ้มแล้วพูดอย่างอ่อนโยน “ฮ่าๆ แหม พูดได้ดี พูดได้ดี”
จั่วหลิงเหลือบมองนาง รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง
อย่างไรเสียในภาพประทับจำ พวกคุณหนูจากสกุลผู้ดีในเมืองหลวงส่วนใหญ่มักเย่อหยิ่งและจุกจิก ไม่มีความอดกลั้น ขอเพียงใครกล้ามายั่วยุก็จะบันดาลโทสะทันที มักหลุดปากพูดไปโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา หรือไม่ก็วางตัวดีงามเกินเหตุ ถึงขั้นที่ใครมาถ่ายรดบนศีรษะก็จะยอมทนอดกลั้นอยู่เงียบๆ ไม่แน่ว่าอาจช่วยส่งกระดาษเช็ดก้นไปให้เขาอีกต่างหาก
ทว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ภรรยาแต่ในนามของเขา เผยรอยยิ้มที่ดูเสแสร้งมากไปหน่อยกระมัง
แต่จั่วหลิงก็ประหลาดใจอยู่เพียงครู่เดียว หลังจากนั้นก็ยังคงเงยหน้าหันไปมองทางอื่นอย่างทะนงตน
ผีผากลับรู้สึกว่าพอกันที
นางรู้สึกว่าการที่หญิงสาวผู้นี้ไม่มีอะไรมาประชันขันแข่งกับคุณหนูของตนได้นั้นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การที่นางมายั่วล้อคุณหนูก็เป็นอีกเรื่อง
ผีผาจึงโพล่งออกมาว่า “เจ้า”
เพิ่งจะหลุดปากคำเดียวเท่านั้น กลับต้องซู้ดปากเบาๆ ทันที
เนี่ยชิงหลวนเหยียบเท้าผีผาแล้วดึงนางให้มาอยู่ข้างหลัง จากนั้นหันไปยิ้มกับคนตรงหน้าพลางว่า “ขออภัยด้วย เป็นที่ขบขันแล้ว เป็นที่ขบขันแล้ว”
ว่าแล้วก็ไม่สนใจทั้งสามคนตรงหน้าอีก นางเพียงดึงแขนผีผาแล้วเดินจากมา
มาถึงห้องผีผาก็โยนเสื้อขนสัตว์สองตัวในมือไว้กับโต๊ะ แล้วพูดกับเนี่ยชิงหลวนอย่างฉุนเฉียว “เหตุใดคุณหนูขี้ขลาดถึงเพียงนี้ คนเขาพูดจาลามปามจนแทบจะขึ้นไปอยู่บนศีรษะท่านอยู่แล้ว ยังมัวแต่ยิ้มแย้มยื่นไมตรีให้เขาอยู่ได้”
เนี่ยชิงหลวนไม่สนใจนาง เพียงรินน้ำชาให้ตนเองแล้วเอามาถือไว้
เพิ่งได้พบปีศาจร้ายตนนั้นมาหมาดๆ นางต้องดื่มชาช่วยสงบจิตใจเสียก่อน
กระทั่งความตระหนกบรรเทาลงบ้างแล้ว นางค่อยนั่งลง พูดกับผีผาว่า “เจ้าจะไปรู้อะไร อย่าได้เห็นว่าข้าเป็นถึงพระชายาจิ้นอ๋องที่ฝ่าบาทพระราชทานสมรสให้แล้วจะมีหน้ามีตา ที่จริงแล้วชีวิตน้อยๆ ของข้าอยู่ในกำมือของจั่วหลิงต่างหาก”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 9 ม.ค. 65 เวลา 12.00 น.