ทว่าเมื่อคนสกุลจั่วออกจากเมืองหล่งไปจนหมด พระองค์ก็สั่งให้สังหาร ไม่ก็โยกย้ายคนสนิทของบิดาจั่วหลิงออกจากหน้าที่ เป็นการกำจัดกองทัพใต้บัญชาการของสกุลจั่วจนไม่เหลือซาก
หลังกระทำทุกสิ่งที่กล่าวมานี้จนลุล่วง ฮ่องเต้หลงอันตี้ถึงค่อยรู้สึกได้ว่าราชบัลลังก์ของพระองค์มีความมั่นคงขึ้นมาบ้าง
ทว่าสภาพการณ์อันน่าพึงพอใจกลับอยู่ไม่นาน ชาวหูแถบนั้นมิใช่จะกลัวหัวหดกันง่ายๆ ฮ่องเต้หลงอันตี้กำจัดบิดาของจั่วหลิงไปแล้ว ทั้งยังทำให้กองกำลังใต้บัญชาการของสกุลจั่วแตกฉานซ่านเซ็น พอชาวหูได้รู้เรื่องนี้ เพียงไม่กี่ปีก็รวบรวมกำลังพลจนแข็งแกร่งขึ้นมาได้อีกครั้ง
ต่อให้แม่ทัพที่ฮ่องเต้หลงอันตี้ส่งไปรักษาเมืองหล่งจะมีฝีมือมากเพียงใด ไหนเลยจะเก่งกาจกว่าคนสกุลจั่วที่ได้ต่อสู้ประจันหน้ากับชาวหูมานานหลายสิบปี
ไม่แปลกที่กองทัพต้าจิ้นในแถบนั้นจะเริ่มถอนกำลังถอยร่นมาเรื่อยๆ เพียงไม่กี่เดือนถัดมาก็รักษาเมืองหล่งไว้ไม่ได้ เมืองอื่นเองก็ถูกยึดครองไปตามลำดับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ฉับพลันทั้งในและนอกราชสำนักต่างพากันตื่นตระหนก ด้วยพระพิโรธ ฮ่องเต้หลงอันตี้จึงมีรับสั่งให้ส่งกองหนุนไปยังเมืองหล่ง ทว่าต่อให้ส่งแม่ทัพใหญ่ไป แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่อาจพิชิตชาวหูได้
สุดท้าย ขุนนางใหญ่เสนอว่าให้ส่งบิดาของจั่วหลิงกลับไปอีกครั้งดีหรือไม่
ตอนแรกฮ่องเต้หลงอันตี้ยังไม่เห็นพ้อง พระองค์เคยถอดยศเขาอย่างไร้เหตุผล ทั้งยังมีรับสั่งให้ส่งมอบกำลังทหารคืน บัดนี้จะให้เขาไปเป็นคนตามแก้ปัญหาที่ตนเองเป็นผู้ก่อ ช่างเป็นเรื่องที่เสียเกียรติอะไรเช่นนี้
ทว่าถัดมาเพียงสิบกว่าวันเกือบครึ่งเดือน สารด่วนแปดร้อยหลี่ก็ส่งมาถึงเมืองหลวง แจ้งว่าได้เสียเมืองแห่งนั้นแห่งนี้ไปอีก แม่ทัพท่านนั้นท่านนี้ต้องพลีชีพเพื่อบ้านเมือง ฮ่องเต้หลงอันตี้จึงไม่อาจมัวคำนึงถึงเกียรติยศส่วนตน จำต้องมีราชโองการลงไป หวังให้บิดาของจั่วหลิงออกนำทัพอีกครั้งเพื่อสยบชาวหูที่ชั่วช้าเหิมเกริมเหล่านี้
ทว่าขันทีผู้รับคำสั่งไปถ่ายทอดราชโองการกลับทูลรายงานว่าเมื่อฤดูเหมันต์ปีกลาย อาการบาดเจ็บเรื้อรังของบิดาจั่วหลิงกำเริบขึ้นจนถึงแก่ชีวิตไปแล้ว
ถึงเวลานี้เหล่าขุนนางในท้องพระโรงได้แต่ตกตะลึงพรึงเพริดจนนิ่งงันกันไปหมด ไม่คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะสิ้นชีพไปแล้ว
ฮ่องเต้หลงอันตี้ทรงถาม ‘แล้วคนอื่นๆ ในสกุลจั่วเล่า’
ขันทีจึงทูลตอบ ‘คนอื่นๆ ในสกุลจั่วต่างพากันเสียชีวิตไปมากมายระหว่างรักษาการณ์ที่เมืองหล่ง บัดนี้เหลือเพียงนายหญิงผู้เฒ่าอายุแปดสิบหนึ่งคนกับหลานชายที่ยังไม่ถึงวัยเข้าพิธีสวมหมวก’
หลานชายที่ยังไม่ถึงวัยเข้าพิธีสวมหมวกผู้นั้นก็คือจั่วหลิงนั่นเอง
แคว้นต้าจิ้นรัชศกหลงชิ่งปีที่สิบ จั่วหลิงผู้มีอายุได้สิบแปดปีได้รับตราประจำตำแหน่งแม่ทัพแดนพายัพ นำทหารเดินทัพเข้าต่อกรกับชาวหู