มื้อนี้ทั้งเจ้าและขุนนางย่อมกินกันอย่างสนุกสนานยิ่ง
ในหมู่บุรุษย่อมเสวนากันเรื่องบ้านเมือง จากนั้นกล่าวคำสรรเสริญเยินยอพระอัจฉริยภาพและพระบารมีอันล้นเหลือของหลงอันตี้อีกหลายประโยค ผิดกับภรรยาและบุตรของขุนนางเหล่านี้ที่ต่างพากันยุ่งวุ่นวายด้วยเรื่องอื่น
คนที่มีบุตรชายย่อมใส่ใจมองหาสตรีที่ถึงวัยเหมาะสมจะมีคู่ครอง ส่วนคนที่มีบุตรสาวก็คอยมองหาบุรุษจากตระกูลอื่น
แต่ในบรรดาคุณหนูและคุณชาย เนี่ยชิงหลวนเป็นผู้ที่ถูกจับจ้องมากที่สุด
เนี่ยหยวนหวาพี่สาวของนางได้แต่งงานกับองค์รัชทายาท หากได้แต่งงานกับเนี่ยชิงหลวน จะต่างอะไรกับการได้เป็นน้องเขยของว่าที่ฮ่องเต้
จ้าวกุ้ยเฟย* เอ่ยขึ้นเป็นคนแรก
“ซิ่นหยางโหวช่างโชคดีเสียจริง บุตรีคนโตเกิดมามีรูปโฉมงดงาม มิน่าเล่าองค์รัชทายาทของเราจึงชื่นชอบนางยิ่งกว่าอะไรดี ส่วนบุตรีคนเล็กก็งามหมดจด นิสัยอ่อนโยน ใครได้เห็นก็ล้วนเกิดความรักใคร่เอ็นดู”
ขณะเดียวกันก็ถามขึ้นอีก “บุตรีคนเล็กของท่านอายุเท่าใดแล้ว”
ซิ่นหยางโหวรีบลุกขึ้นตอบ “เพิ่งปักปิ่น* เมื่อเดือนก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
จ้าวกุ้ยเฟยจึงยิ้มพลางกล่าวว่า “ถึงวัยปักปิ่นก็แต่งงานได้แล้วสินะ ไม่รู้เลยว่าคุณชายตระกูลใดจะโชคดีได้แต่งงานกับนาง”
เนี่ยชิงหลวนเห็นจากทางหางตาว่าเนี่ยหยวนหวามองมาที่ใบหน้าของนาง สีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม จากนั้นเบือนหน้ากลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ใช่แล้ว น้องสาวข้าตั้งแต่เล็กก็นิสัยดี ใครได้แต่งงานด้วยย่อมโชคดีจริงๆ”
หยุดพูดเสียเถอะ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าในใจเกลียดข้าอย่างกับอะไรดี ไฉนต้องมาทำทีเป็นพี่สาวที่รักใคร่ไยดีน้องสาวต่อหน้าผู้อื่นด้วย
เนี่ยชิงหลวนคร้านจะสนใจเหล่าฮูหยินตระกูลต่างๆ ที่อีกสักพักคงพากันล้อมวงเข้ามาพูดคุยด้วย จึงผละจากกลุ่มคนแล้วเดินจากมา
ทว่าในเมื่อกลายเป็นจุดสนใจแล้ว ต่อให้เลี่ยงไปอยู่ในที่ลับตาอย่างไรก็ไร้ประโยชน์
เนี่ยชิงหลวนกำลังเอาเท้าเขี่ยก้อนดินที่พื้นอย่างเบื่อหน่ายก็ได้ยินเสียงเรียก
“คุณหนูเนี่ย?”
เมื่อนางเหลือบขึ้นมอง ก็เห็นลูกหลานตระกูลผู้ดีผู้หนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้า
ชุดผ้าไหมยาวดูหรูหรา ศีรษะครอบเกี้ยวทองคำ ตรึงไว้แน่นด้วยปิ่นสีเดียวกันอันใหญ่
ทำเหมือนกลัวคนไม่รู้ว่ามั่งมี แทบจะมีแต่ทองคำวาววับไปทั้งตัวแล้วกระมัง
“เรียกข้าด้วยเหตุใด” น้ำเสียงเนี่ยชิงหลวนไม่ค่อยดีนัก
รอยยิ้มบนใบหน้าคนผู้นั้นถึงกับชะงักค้างไป คล้ายไม่คาดว่าเนี่ยชิงหลวนจะใช้น้ำเสียงกระโชกกระชั้นกับเขาเช่นนี้ แต่ไม่นานก็กลับมามีสีหน้าเป็นปกติอีกครั้ง ทั้งยังเป็นฝ่ายคำนับก่อนอย่างมีมารยาท เอ่ยวาจาด้วยความนอบน้อมยิ่ง “ตัวข้าชื่อจ้าวเจ๋อเฉิง เหยาหยางโหวคือบิดาของข้า”
พูดถึงตรงนี้ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบเสริมว่า “จ้าวกุ้ยเฟยคือท่านป้าของข้า”
อ้อ ที่แท้ก็เป็นหลานชายของจ้าวกุ้ยเฟยนี่เอง
เนี่ยชิงหลวนไม่แยแส ยังคงถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่ดีนัก “เรียกข้าด้วยเหตุใด”
รอยยิ้มบนใบหน้าจ้าวเจ๋อเฉิงชะงักค้างไปอีกครั้ง
คนทั่วไปหากได้ยินว่าเขาคือหลานชายของจ้าวกุ้ยเฟยก็ล้วนพากันแย้มยิ้มต้อนรับ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบคนที่ไม่เห็นแก่หน้าท่านป้า
ทว่าเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเนี่ยชิงหลวนเป็นน้องสาวของเนี่ยหยวนหวา ย่อมมีดีพอที่จะไม่เห็นแก่หน้าท่านป้าของเขา
หวนนึกถึงที่จ้าวกุ้ยเฟยกำชับมาก่อนหน้า ไม่ว่าอย่างไรจะต้องทำให้เนี่ยชิงหลวนประทับใจให้ได้ ถึงตอนนั้นนางจะทูลต่อฮ่องเต้ ขอให้พระราชทานสมรสระหว่างเขากับเนี่ยชิงหลวน ตระกูลจ้าวของพวกเขาก็จะได้เกี่ยวดองเป็นพระญาติกับฮ่องเต้พระองค์ต่อไป
คิดถึงตรงนี้รอยยิ้มของจ้าวเจ๋อเฉิงก็ยิ่งหวานหยดย้อยจนผึ้งแทบจะจมความหวานตาย
“คุณหนูเนี่ย ข้าอยากจะทำความรู้จักกับเจ้าสักหน่อยเท่านั้น”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 4 ม.ค. 65 เวลา 12.00 น.