ผีผาถกแขนเสื้อราวกับเตรียมตัวจะไปปราบอธรรม “คุณหนู อยากให้ข้าไปหาเรื่องตีเชียนอีผู้นี้สักครั้งหรือไม่ ในขบวนก็ล้วนเป็นคนของเรา นางพาเด็กสาวคนรับใช้มาด้วยคนเดียว ฝ่ายเราแค่กระดิกปลายนิ้วก็บีบนางจนตายได้แล้ว”
เนี่ยชิงหลวนเห็นนางทำท่าทางเหมือนอยากทวงความเป็นธรรมให้ ก็ยิ้มพลางเอ่ยว่า “เจ้าออมแรงไว้เถอะ กว่าจะถึงเมืองหล่งยังอีกไกล อีกไม่กี่วันหลังเจ้าลิ้มรสความยากลำบากของการนั่งรถม้าทางไกล ก็อย่าเพิ่งย่ำแย่ไปก็แล้วกัน อีกอย่างเก็บเชียนอีผู้นี้ไว้ก่อน นางยังมีประโยชน์”
พอผีผาได้ยินคุณหนูของตนพูดเช่นนี้ ก็จำต้องปล่อยวาง
หลังจากนั้นนางก็ได้ลิ้มรสสิ่งที่เนี่ยชิงหลวนเรียกว่าความลำบากของการนั่งรถม้าทางไกลอย่างแท้จริง
นั่งหัวสั่นหัวคลอนในรถม้าทุกเมื่อเชื่อวัน แทบไม่ต้องพูดถึงน้ำที่ดื่มเข้าไป นางล้วนต้องอาเจียนออกมาจนหมด กระดูกกระเดี้ยวทั่วร่างเหมือนจะหลุดออกจากกัน
ถึงที่สุดนางจึงเอ่ยถามคุณหนูของตน ใบหน้าเล็กๆ ดูซีดเซียว “คุณหนู นานเท่าใดกว่าจะถึงเมืองหล่งกันล่ะเจ้าคะ”
เนี่ยชิงหลวนเองก็แทบทนไม่ไหวเช่นกัน แต่ก็ยังเอ่ยปากปลอบประโลมผีผา “ใกล้แล้ว ไม่ช้าก็จะถึงแล้วล่ะ”
วันที่ห้าเดือนเก้า ในที่สุดหัวหน้าขบวนก็รายงาน “คุณหนู ถึงเมืองหล่งแล้ว”
เนี่ยชิงหลวนได้ยินดังนั้นก็เลิกม่านรถขึ้นดู
เมืองชายแดนช่างห่างไกลและกันดารจริงๆ เพิ่งจะต้นเดือนเก้าเท่านั้น พยัคฆ์ฤดูสารทยังออกอาละวาดที่เมืองหลวงอยู่เลย ที่นี่กลับมีหิมะตกแล้ว
นอกจากนี้ยังเป็นหิมะขนห่านอีกด้วย
เนี่ยชิงหลวนเอามือป้องปากพลางเป่าลมหายใจออกมา ก่อนหันไปสั่งการ “มาถึงแล้วก็รีบเข้าเมืองไปหาโรงเตี๊ยมพักก่อนเถอะ”
แม้ในรถม้าจะมีเตาไฟ นางเองก็ยังห่อตัวอยู่ในหนังจิ้งจอก แต่กลับรู้สึกหนาวเหน็บแทบทนไม่ไหว
ตอนที่ปล่อยม่านรถลงมานางเหลือบเห็นทางหางตาว่าเชียนอีในยามนี้สวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ นั่งบนหลังม้าพลางพูดคุยหัวเราะกับองครักษ์ผู้หนึ่ง
เห็นสายตาองครักษ์ผู้นั้นที่ทอดมองนาง เต็มไปด้วยแววรักใคร่ชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง
ตั้งแต่ได้พบเชียนอีที่เมืองหลวง หลังสั่งให้นางเดินเท้าติดตามคณะเดินทางแล้ว เนี่ยชิงหลวนก็มิได้ใส่ใจนางอีกเลย
เดิมทีเนี่ยชิงหลวนมิได้มีใจจดจ่ออะไรกับเชียนอีอยู่แล้ว อีกอย่างขบวนสมรสพระราชทานก็มีคนอยู่มาก ถ้าไม่มีเรื่องอันใด ไฉนนางจึงต้องไปใส่ใจเชียนอีด้วยเล่า
แต่ไม่คิดเลยว่าเชียนอีจะเป็นคนมีความสามารถ เพียงไม่นานนางก็สามารถเข้าหาและผูกมิตรกับองครักษ์ผู้หนึ่งได้แล้ว
หาไม่แล้วเขาจะถึงกับยอมลงเดินแล้วยกม้าตนเองให้นางขี่เชียวหรือ ซ้ำยังกลัวว่านางจะตกลงมา จนถึงกับคอยใส่ใจจูงม้าเดินแทนนางเสียอีก
เนี่ยชิงหลวนปล่อยม่านรถลงมา
ที่ด้านหน้าขบวน หัวหน้าขบวนเดินไปเจรจากับทหารที่เฝ้ารักษาการณ์ตรงกำแพงเมืองแล้ว
เมื่อมีพระราชโองการสมรสพระราชทานอยู่ในมือ ทหารก็ทำเพียงตรวจดูคร่าวๆ ว่าคนในขบวนนำสิ่งใดที่เป็นอันตรายมาด้วยหรือไม่ เพียงไม่นานก็ยอมปล่อยให้ขบวนผ่านเข้าไป
เนี่ยชิงหลวนถอนหายใจโล่งอก
เดิมทีนางคิดว่าอย่างไรเสียนี่ก็เป็นขบวนสมรสพระราชทานของฮ่องเต้หลงอันตี้ หากจั่วหลิงไม่ยอมออกจากเมืองสักสองสามหลี่เพื่อมาต้อนรับ อย่างน้อยส่งใครสักคนมาเป็นตัวแทนก็ยังดี ไม่คิดเลยว่าจั่วหลิงจะเฉยชามากถึงขั้นนี้ ทำราวกับไม่มีเรื่องสมรสพระราชทานเกิดขึ้น ปล่อยให้พวกนางต้องเดินทางเข้าเมืองหล่งกันเอง
เนี่ยชิงหลวนเอามือเท้าคางท่าทางเป็นกังวล มีสามีเป็นพวกไม่เห็นฮ่องเต้อยู่ในสายตา อนาคตช่างน่าเป็นห่วงเสียจริงๆ
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 6 ม.ค. 65 เวลา 12.00 น.