ประจวบเหมาะกับที่นางหนูตัวน้อยเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย เผยหน้าผากและเครื่องหน้าออกมาท่ามกลางเส้นผมยุ่งเหยิง สายตาของนางสบเข้ากับสายตาของคุณชายสี่พอดี นางจึงก้มหน้าต่ำด้วยความขลาดกลัวทันที ท่าทางหวาดกลัวไม่กล้าสู้หน้าคน
แต่แค่ชั่วขณะนั้นก็เพียงพอจะทำให้เด็กหนุ่มเห็นใบหน้าของนางชัดเต็มสองตา เด็กหนุ่มจึงผงะอึ้งไปเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่
ยามคุณชายชุดดำผู้นั้นกำลังจะอ้าปากสั่งสอนหญิงชราดื้อด้านที่ไม่รู้จักพอนั้น คุณชายสี่กลับเอ่ยปากขึ้นว่า “ชิงเยี่ยน บอกพ่อบ้านที่คฤหาสน์เก่าว่าให้มอบงานแก่หญิงชราผู้นี้สักงาน”
แม้ชิงเยี่ยนจะไม่ชอบใจ แต่ก็ไม่กล้าหน่วงรั้งจนคุณชายไม่ได้เดินทางต่อ ด้วยเหตุนี้จึงควักป้ายห้อยเอวชิ้นหนึ่งออกมาจากในอกเสื้อแล้วโยนลงบนพื้นให้แม่ผัวลูกสะใภ้นั้น ก่อนจะเอ่ยแค่นเสียงเย็นชาว่า “ถือป้ายนี้ไปหาเฉิงฝูพ่อบ้านที่คฤหาสน์เก่าของสกุลเฉิง เขาจะให้งานพวกเจ้าเอง”
ยามนี้เองก็เริ่มมีชาวบ้านจดจำป้ายจวนบนอาชาของพวกเขาได้แล้ว จึงต่างพากันพูดคุยกระซิบกระซาบ
หวังเฉี่ยวไม่มีเวลามาเก็บป้ายห้อยเอวที่ถูกโยนลงบนพื้น นางรีบกระชากหูนางหนูหลบไปอยู่ข้างทาง จากนั้นก็น้อมส่งอาชาสามตัววิ่งห้อเหยียดออกไปด้วยใบหน้ายิ้มสู้
กระทั่งอาชาจากไปแล้ว หวังเฉี่ยวผู้นั้นถึงค่อยบีบใบหน้าของนางหนูอย่างทารุณพลางเอ่ย “นางเด็กบ้า ปกติไม่พูดไม่จา ขนาดไม้สามท่อนฟาดก็ยังไม่มีเสียงผายลมออกมาสักเสียง แล้วเหตุใดวันนี้ถึงได้พูดมากนักนะ ทำข้าเกือบจะล่วงเกินคนสกุลเฉิงเข้าแล้ว เจ้าอยากจะให้สกุลเซวียเก่าแก่ของพวกเราสิ้นตระกูลหรือไร”
นางหนูน้อยก้มหน้างุดปล่อยให้หวังเฉี่ยวดุด่าตบตี รอจนนางหยุดปากแล้วถึงค่อยเอ่ยอย่างเนิบช้าว่า “เมื่อวานแม่สามีคุยเล่นกับคนอื่นที่ข้างบ่อน้ำก็ได้ยินว่าคุณชายสกุลเฉิงจะกลับเมืองหลวงแล้วมิใช่หรือ คนสูงศักดิ์พรรค์นั้นมิใช่ว่าจะกลับมาทุกปีเสียหน่อย ถึงต่อให้กลับมา แต่ไหนเลยจะจดจำพวกเราได้ ทว่างานที่เงินดีอย่างการซ่อมแซมศาลบรรพชนสกุลเฉิงมิใช่ว่าจะมีได้ทุกปี แม่สามีอย่าลืมเก็บป้ายเอาไปลองดูเล่า ถ้าหากได้งานแล้ว ข้า…ก็จะมีชุดใหม่ด้วยใช่หรือไม่”
ยามเอ่ยวาจานี้ นางหนูน้อยก็ดึงเสื้อผ้าขาดวิ่นบนร่างกายของตน ท่าทางเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังอย่างยิ่ง
หวังเฉี่ยวคิดว่านางหนูน้อยพูดจามีเหตุผล ยามนี้จึงหยิบป้ายที่อยู่บนพื้นขึ้นมา พินิจมองป้ายด้วยความปลาบปลื้มยินดี อักษร ‘เฉิง’ ที่เคลือบทองอยู่บนป้ายเห็นแล้วชวนให้คนคันยุบยิบในใจจริงๆ
พอนึกถึงว่าบุรุษจากหมู่บ้านข้างๆ ที่ได้งานในสกุลเฉิงได้รับค่าจ้างครึ่งตำลึงทองกลับมาทุกเดือนๆ หวังเฉี่ยวก็ไม่อยากชักช้ารั้งรอ ไม่มีเวลามามัวสั่งสอนสะใภ้เด็ก รีบสั่งให้นางขึ้นเกวียนแล้วมุ่งหน้ากลับเรือนของตนเองโดยเร็ว
คุณชายสี่ที่ควบอาชาออกไปกลับหันไปมองแม่นางน้อยซึ่งนั่งอยู่บนเกวียนเล่มนั้นอีกหลายครา
ชิงเยี่ยนเห็นสายตาของคุณชายสี่จึงเอ่ยอย่างรู้ซึ้งว่า “คุณชายสี่ หากท่านรู้สึกอัดอั้นคับแค้นใจ ประเดี๋ยวข้าจะรีบใช้ทางลัดกลับไปที่คฤหาสน์เก่า บอกให้พ่อบ้านเล่นงานสตรีดื้อด้านผู้นี้ให้หนักๆ!”
คุณชายสี่หันหน้ากลับมา เอ่ยอย่างเรียบเฉย “ไม่ต้องหรอก เจ้าไปพร้อมกับข้า”
คุณชายชุดดำหันไปเอ่ยถาม “เทียนฟู่ เจ้าไปที่นั่นเพื่ออันใดกัน ท่านลุงเจ้ากำลังเร่งให้เจ้ากลับไปมิใช่หรือ”
คุณชายสี่กลับไม่อยากอธิบาย เอ่ยเพียงแค่ว่า “ขอซื่อจื่อ* เดินทางนำไปก่อนเถิด ผู้น้อยจะตามไปทีหลัง”
“…”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 28 พ.ค. 67