ถ้าเขากินไม่อิ่มอาละวาดโวยวายขึ้นมา ตกดึกพวกสามีภรรยาสกุลเซวียจะต้องดุด่าทุบตีนางอย่างโหดร้ายแน่นอน แต่พอคิดว่าหากต่อไปนี้พวกเขาไม่อยู่บ้านในตอนกลางวัน เวลานางคิดวางแผนเรื่องตนเองก็จะสะดวกขึ้นมากโข
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ในที่สุดใบหน้าน้อยๆ ของนางหนูก็ปรากฏรอยยิ้มแฝงด้วยเศษเสี้ยวความหวัง
พอตกค่ำ ยามพวกเซวียเซิ่งสองสามีภรรยากลับมาถึงบ้านก็ยิ้มแย้มหน้าชื่นตาบานเช่นเดียวกัน เพียงแต่ตอนนี้ที่ศาลบรรพชนมิได้ขาดแคลนชายฉกรรจ์ ดังนั้นจึงมีแต่หวังเฉี่ยวที่ถูกจ้างไปช่วยทำงานหุงหาอาหาร แต่เดิมค่าแรงของสตรีก็มิได้มากเท่าบุรุษอยู่แล้ว ทว่าเห็นแก่ป้ายห้อยเอวของคุณชายสี่ พ่อบ้านยังอุตส่าห์ให้ค่าแรงนางเดือนละหนึ่งตำลึง ทำให้หญิงชราคนอื่นๆ ที่มาช่วยงานอิจฉาตาร้อนกันยกใหญ่
ต้องรู้ว่าในตอนแรกที่ข่าวคราวว่าสกุลเฉิงแห่งหวั่นซี* จะสร้างศาลบรรพชนเพิ่มที่เมืองเจี้ยนเฉิงแพร่ออกไป ก็ลุกโหมกระพือไม่มีที่สิ้นสุดไปทั่วแถบชนบทโดยรอบเมืองเจี้ยนเฉิงราวกับไส้ตะเกียงชุบน้ำมัน
หญิงชราหลายคนที่ในบ้านมีชายฉกรรจ์ว่างงานล้วนรวมกลุ่มกันวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ หวังว่าจะเสาะหาช่องทางให้ชายฉกรรจ์ที่บ้านไปของานทำสักงาน
ยามเซวียเซิ่งกับหวังเฉี่ยวถือสุราอาหารที่ได้รับจากสกุลเฉิงกลับมา ท่ามกลางเสียงจ้อกแจ้กจอแจข้างๆ บ่อน้ำลึกใต้ต้นไหว เก่าแก่หน้าหมู่บ้านล้วนเต็มไปด้วยคำว่าสกุลเฉิงอย่างนั้นสกุลเฉิงอย่างนี้
“เฉี่ยวเหนียงได้ยินว่าเจ้าได้งานที่บ้านสกุลเฉิง ได้ค่าแรงเป็นกอบเป็นกำเชียว! พอเจ้ามีเงินแล้วอย่าลืมให้ขนมพวกเราสักสองสามห่อเล่า!” หญิงชราผู้หนึ่งตักน้ำพร้อมกับเอ่ยด้วยความอิจฉาตาร้อนไปพลาง
ครั้นได้ยินถ้อยคำนี้ หญิงชราคนอื่นๆ ก็เฮโลตามไปด้วย หวังว่าจะได้ผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ จากบ้านของเซวียเซิ่งบ้าง ขอขนมมาให้กินหายอยากบ้างก็ยังดี
แต่น่าเสียดายหวังเฉี่ยวกลับกลอกตาขึ้นบน เอ่ยเสียงยานคางว่า “แต่ก่อนตอนบ้านพวกเจ้ามีงานมีเงินไฉนถึงไม่เห็นให้น้ำแกงผู้อื่นบ้างเลยเล่า พอถึงตาข้าก็ขอทั้งขนมขอทั้งเงิน เห็นข้าเป็นคนโง่หรือไร!”
เดิมทีทุกคนเพียงแค่พูดหยอกล้อเท่านั้น พอถูกหวังเฉี่ยวฟื้นฝอยหาตะเข็บอย่างเอาจริงเอาจังเช่นนี้ก็หมดสนุกไปในทันที เหล่าหญิงชราที่เกาะกลุ่มกันอยู่ใต้ต้นไหวต่างพลันหาข้ออ้างว่าต้องกลับบ้านไปทำกับข้าว แยกย้ายกระจัดกระจายกันไป
อาจเพราะเห็นแก่ที่วันนี้นางหนูจับพลัดจับผลูช่วยให้สกุลเซวียได้มีโชคลาภ หวังเฉี่ยวจึงทำสีหน้าดีๆ ให้นางหนูอย่างหาได้ยากยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้นยามกินอาหาร นางถึงขนาดผัดเนื้อติดมันชิ้นโตๆ หนึ่งจาน ซ้ำยังคีบเนื้อติดมันนั้นให้นางหนูสองสามชิ้นอีกด้วย
แต่ว่านางหนูน้อยก็รู้จักกาลเทศะยิ่ง นอกจากกินเนื้อสองสามชิ้นที่หวังเฉี่ยวคีบให้แล้ว ก็ไม่ได้ยื่นตะเกียบออกไปให้คนรังเกียจอีก
พอถึงเช้าตรู่วันถัดมา หวังเฉี่ยวก็เกล้าผมอย่างประณีตงดงาม ก่อนจะขึ้นเกวียนที่บ่าวรับใช้หลายคนจากหมู่บ้านข้างๆ ลงขันกันจ้างมาเพื่อไปช่วยงานที่ศาลบรรพชนของสกุลเฉิง
เมื่อเซวียเซิ่งเห็นว่าภรรยาของตนเองออกไปแล้วก็รู้สึกโล่งอก พอไม่มีภรรยามาคอยพร่ำบ่นจู้จี้น่ารำคาญ ยามตีเหล็กก็ผ่อนคลายสบายใจขึ้นมาก ถึงแม้เขาจะยุ่งอยู่กับงานในร้านเหล็กที่หลังบ้านจนไม่มีเวลามาดูแลหน้าบ้าน แต่ก็มิได้ล่ามนางหนูเอาไว้เหมือนอย่างที่หวังเฉี่ยวกำชับกำชาไว้ก่อนจะออกไป ทว่าสั่งให้นางไปขุดหัวผักที่มีรสชาติเผ็ดตรงหน้าหมู่บ้านมาผสมทำกับแกล้มให้เขาแทน
ก่อนนางหนูจะออกจากบ้านไป เซวียเซิ่งยังเอ่ยอย่างเหี้ยมเกรียมว่า “นางเด็กบ้าอย่าได้คิดไม่ซื่อเล่า ถ้าคิดจะหนี สตรีที่หนีไปคราวก่อนผู้นั้นถูกหมาป่านอกหมู่บ้านกัดตายทั้งเป็นเชียวนะ!”
ในหมู่บ้านตามชนบทละแวกนี้มีสะใภ้ที่ถูกซื้อตัวมาไม่น้อย พวกผู้นำหมู่บ้านต่างรู้ดีแต่ก็ไม่พูดออกมา ในหมู่พวกชาวบ้านเองก็คอยช่วยกันจับตาเฝ้าระวัง
เด็กสาวตัวน้อยอย่างนางต่อให้หนีไปจริงๆ ก็หนีไปได้ไม่ไกล นอกจากนั้นยังต้องคอยทำงานหน้าบ้านหลังบ้าน จำเป็นต้องใช้โซ่เหล็กล่ามเอาไว้ด้วยหรือ
พอหวังเฉี่ยวไม่อยู่ที่บ้านแล้ว นางหนูก็ถูกดุด่าต่อว่าน้อยลงบ้าง เซวียเซิ่งผู้นั้นพอดื่มสุราเสร็จแล้วก็มักจะต้องนอนสักสองชั่วยาม* นางพาต้าเป่าที่หัวเราะคิกคักออกไปขุดผักป่าในคันนาซึ่งมีดอกไม้ป่างอกขึ้นแซม ช่วงเวลาที่นางสามารถเอ้อระเหยสบายๆ เพียงชั่วขณะอย่างหาได้ยากยิ่งนี้ทำให้ในที่สุดบนใบหน้าของแม่นางน้อยก็ระเรื่อด้วยเศษเสี้ยวแห่งความสุขสำราญใจ
นางทอดมองไปยังภูเขาแสนไกลที่ทอดตัวยาวทางทิศอุดร กำลังครุ่นคิดบางสิ่งบางอย่างเงียบๆ แต่กลับไม่รู้ตัวว่าในป่าซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักมีคนกำลังแอบจับตามองดูนางอยู่อย่างลับๆ
ในที่สุดคราวนี้ชิงเยี่ยนก็เห็นหน้านางหนูผู้นี้ชัดๆ จึงอดเอ่ยด้วยความตกตะลึงมิได้ “คะ…คุณชาย นางเหมือนเกินไปแล้ว…”
ยังไม่ทันพูดจบ คุณชายสี่ซึ่งยืนนิ่งเงียบมาตลอดก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “หุบปาก ไป! เตรียมม้า พวกเราจะรีบกลับเมืองหลวงเดี๋ยวนี้”
ชิงเยี่ยนไม่กล้าชักช้าร่ำไร รีบสั่งให้คนไปเตรียมอาชาทันที เร่งเดินทางกลับเมืองหลวงในทันใด