ซ่อนกลิ่น
ทดลองอ่าน ซ่อนกลิ่น บทที่ 1.3 – 1.4
บทที่ 1-4 อุบัติเหตุบนถนนในชนบท
เมืองเจี้ยนเฉิงท้องนภาเจิดจ้าสดใส ทว่าในคฤหาสน์สกุลเฉิงที่เมืองหลวงเวลานี้กลับกำลังมีเมฆฝนครึ้มมาเยือน
“พี่ใหญ่ เรื่องนี้ปิดไม่มิดแล้ว อย่างไรก็ต้องคิดหาวิธีสักอย่างถึงจะปกปิดเอาไว้ได้”
ภายในห้องหนังสือของนายท่านใหญ่สกุลเฉิงไม่เห็นภาพความหรูหราเจิดจรัสเหมือนในวันวานอีกแล้ว บรรยากาศยังมืดทะมึนท่ามกลางแสงเทียนสลัว
นายท่านรองสกุลเฉิงนั่งถอนหายใจอยู่บนเก้าอี้ไม่หยุด คอยช้อนสายตาขึ้นมองพี่ใหญ่เป็นระยะๆ รอคอยให้นายท่านใหญ่เฉิงเผยเฟิงผู้กุมอำนาจในสกุลเฉิงเปล่งวาจา
เฉิงเผยเฟิงซึ่งเอนตัวพิงอยู่บนตั่งนุ่มสูดยาเส้นเข้าไปหนักๆ หนึ่งเฮือก จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาอย่างเชื่องช้า เคาะกระบอกยาสูบลงบนกระโถนทองแดงที่อยู่ข้างเท้าแรงๆ แล้วถึงค่อยพ่นควันออกมา เขาขมวดหัวคิ้วแน่นพลางเอ่ย “เรื่องฉาวโฉ่ของสกุลเซิ่งของพวกเขา สกุลเฉิงไม่จำเป็นต้องช่วยปกปิด บุตรสาวที่พวกเขาเลี้ยงมาหน้าด้านไร้ยางอายแอบหนีตามบุรุษไป จะพาให้เด็กๆ สกุลเฉิงของพวกเราเดือดร้อนอับอายขายหน้าไปด้วยไม่ได้…น้องรอง พรุ่งนี้เช้าเจ้าก็เขียนหนังสือหย่า ส่งกุ้ยเหนียงกลับจวนไป สกุลเฉิงของพวกเรากับสกุลเซิ่ง…ตัดขาดกันเสีย!”
พอเฉิงเผยเหนียนนายท่านรองสกุลเฉิงได้ยินวาจานี้ก็ลุกพรวดขึ้นมาทันที เอ่ยด้วยใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำเล็กน้อย “พี่ใหญ่…ท่าน…ท่านมีเหตุผลหน่อยสิ ต่อให้คุณหนูสกุลเซิ่งหนีตามผู้อื่นไป แต่ก็ยังไม่ถึงตาข้าต้อง…ต้องบ้านแตกสาแหรกขาดเสียหน่อย!”
ในที่สุดเฉิงเผยเฟิงก็ลุกขึ้นนั่งโดยมีสาวใช้คอยประคอง จากนั้นก็ถอนหายใจออกมายาวๆ เฮือกหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยท่าทีอ่อนลงว่า “เผยเหนียนเอ๋ย ข้าเองก็รู้ว่าเจ้ากับกุ้ยเหนียงรักใคร่กันมาตั้งแต่เยาว์วัย เป็นคู่กิ่งทองใบหยกที่หมั้นหมายกันตั้งแต่ยังเล็ก นางน่ะ ในช่วงหลายปีมานี้ที่มาอยู่สกุลเฉิงก็ถือว่าปฏิบัติตนตามหลักคุณธรรมสอนหญิงอย่างเคร่งครัด ให้กำเนิดบุตรธิดาแก่เจ้าสองคน ข้าเองก็สงสารนางเช่นกัน
แต่ว่า…ตอนนี้สกุลเซิ่งก่อภัยพิบัติใหญ่หลวง! เจ้าเห็นแก่ความผูกพันฉันสามีภรรยา แต่พอเรื่องไปถึงฝ่าบาท ไม่ว่าเจ้าก็ดี สกุลเฉิงก็ดี ต่างก็เป็นแค่ลมที่ถูกผายออกมาเท่านั้น! ในเมื่อนางเด็กโง่เซิ่งเซียงเฉียวกล้าหนีตามบุรุษอื่นไปทั้งๆ ที่ยังมีสัญญาหมั้นหมายกับจวนฉือหนิงอ๋องอยู่ ก็เท่ากับโยนเกียรติศักดิ์ศรีของจวนอ๋องกับฝ่าบาททิ้งท่อน้ำทิ้ง หากเจ้าหย่าขาดจากกุ้ยเหนียง ต่อไปแม้จะมีภัยพิบัติใหญ่หลวงก็ตกมาไม่ถึงหัวสกุลเฉิงของพวกเรา!”
ถึงแม้ถ้อยคำของนายท่านใหญ่สกุลเฉิงจะเอ่ยถึงทางเลือกที่โหดร้าย แต่เขากลับไม่อาจโต้แย้งได้
เฉิงเผยเหนียนเข้าใจความหมายของพี่ใหญ่ หากเขาไม่หย่าภรรยา เกิดภายภาคหน้าฮ่องเต้กล่าวโทษสกุลเซิ่ง ย่อมต้องพาลโกรธสกุลเฉิงที่เชื่อมสัมพันธ์ทางการแต่งงานด้วยเช่นกัน จากอุปนิสัยของพี่ใหญ่ ต่อให้ต้องตัดน้องชายคนรองอย่างเขา พี่ใหญ่ก็ต้องปกป้องกิจการที่สร้างมานับร้อยปีของสกุลเฉิงเอาไว้ให้ได้
เขาทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ไม้หนานมู่ในทันใด เอ่ยพึมพำว่า “อย่างไรก็…ต้องมีเหตุผลที่รับได้สักข้อกระมัง! คงจะไม่สามารถอ้างว่าเพราะหลานสาวหนีตามบุรุษไป ท่านอาหญิงที่แต่งออกไปแล้วอย่างกุ้ยเหนียงเลยเดือดร้อนต้องถูกหย่าไปด้วย…”
เฉิงเผยเฟิงเอ่ยอย่างหนักแน่นว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าเห็นแก่ความผูกพันในวันวาน สกุลเฉิงของพวกเราเองก็ต้องไว้หน้าสกุลเซิ่งด้วย เจ้าอธิบายผลดีผลเสียให้กุ้ยเหนียงฟังให้ชัดเจน เพื่ออนาคตของบุตรชายกับเจ้าแล้ว นางก็ควรจะรู้จักดูสถานการณ์บ้าง ยอมเป็นฝ่ายขอหย่ากับเจ้าเอง”
นิสัยของเฉิงเผยเหนียนอ่อนแอปวกเปียกมาตั้งแต่ไหนแต่ไร พอได้ยินวาจานี้เขาก็ยังรู้สึกลำบากใจอยู่ดี “พี่ใหญ่ ท่านก็มิใช่ไม่รู้จักกุ้ยเหนียง นางจะยอมหย่าได้อย่างไร นอกจากนั้นแล้ว หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ข้ายังจะเป็นขุนนางในราชสำนักได้หรือ คนอื่นเขาจะวิพากษ์วิจารณ์ข้าเช่นไร”
เฉิงเผยเฟิงยิ้มออกมา “ปัญญาชนอย่างพวกเจ้าก็ใส่ใจแต่หน้าตาศักดิ์ศรีอันใดก็ไม่รู้ เจ้าคิดว่าตอนนี้ผู้อื่นเขาไม่วิพากษ์วิจารณ์เจ้าลับหลังหรือ พอเรื่องฉาวโฉ่ของสกุลเซิ่งแพร่ออกไป หน้าตารวมไปถึงศีรษะของเจ้าก็คงจะถูกแขวนประจานหน้าประตูเมืองให้คนถุยน้ำลายใส่แล้ว! ถ้าเกิดนางไม่ตกลง ข้าก็มีวิธีทำให้นางตกลงได้ ยิ่งกว่านั้นพอเจ้าหย่ากับนางแล้ว ย่อมมีบุพเพสันนิวาสแสนประเสริฐที่ชวนให้คนอิจฉาตาร้อนรอคอยเจ้าอยู่…”
พูดถึงตรงนี้เฉิงเผยเฟิงก็ดึงมือน้องชายคนรองเอาไว้ เอ่ยด้วยใบหน้าอ่อนละมุนระคนปลาบปลื้ม “เผยเหนียน เจ้าเด็กกว่าข้าสิบปี บัดนี้อายุยังไม่ถึงสี่สิบ เป็นช่วงเวลาที่ฮึกเหิมห้าวหาญของบุรุษ คุณหนูเถียนเพ่ยหรงบุตรสาวภรรยาเอกแห่งจวนติ้งกั๋วกง เพิ่งจะเป็นม่าย ข้าจำได้ว่าตอนที่นางยังไม่ออกเรือนยังเคยไหว้วานให้คนมาทาบทามเจ้า นางนับถือชื่นชมเจ้าจากใจจริง แต่น่าเสียดายตอนนั้นเจ้ายืนกรานจะแต่งกุ้ยเหนียงเป็นภรรยา จึงคลาดบุพเพสันนิวาสอันดีกับคุณหนูเถียนไป…แต่ใครเล่าจะคาดคิดว่าท่านอาหญิงของคุณหนูเถียนจะได้รับเลือกจากฮ่องเต้ ให้เลื่อนฐานะจากนางสนมธรรมดากลายมาเป็นฮองเฮาแห่งแคว้น…สกุลเถียนจึงบินทะยานขึ้นสู่ท้องนภานับตั้งแต่บัดนั้น! ตอนนั้นช่างน่าเสียดายเหลือเกิน…จริงสิ เมื่อหลายวันก่อนเจ้าได้เจอกับนางตอนไปจุดธูปไหว้พระที่วัดเฉียนหลงสินะ ได้ยินเด็กรับใช้เจ้าบอกว่าเจ้ายังไปถวายพระพุทธรูปไม้ที่ตำหนักด้านหลังเป็นเพื่อนคุณหนูสกุลเถียน…”