เฉียนซื่อรู้ว่าถึงแม้เจ้าเด็กเฉิงเทียนฟู่ผู้นี้จะอายุยังน้อย แต่ก็เป็น ‘คนเลี้ยงม้าสวรรค์’ จอมก่อเรื่องมาตั้งแต่ยังเล็ก ตอนอายุห้าขวบเขายังกล้าพาเด็กอายุเจ็ดแปดขวบหลายคนในจวนไปแหย่รังต่อในสวนดอกไม้หลังบ้าน นับตั้งแต่นั้นมาก็ก่อเรื่องน้อยใหญ่ไม่หยุดหย่อน ทำให้บิดาของเขาโมโหจนฟาดไม้เรียวหักไปไม่รู้กี่อันแล้ว
ต่อมานายท่านผู้เฒ่าที่เสียไปคิดว่าหากยังปล่อยเอาไว้ต่อไป คนเป็นบิดาคงจะตีบุตรชายจนตาย ดังนั้นจึงไหว้วานผู้อื่นให้ส่งเฉิงเทียนฟู่ในวัยแปดขวบไปร่ำเรียนหนังสือในสำนักวิชาที่ต่างเมือง ผ่านไปสองสามปีถึงค่อยเห็นเขามีพัฒนาการบ้าง ทุกคราที่กลับมาบ้านในช่วงเทศกาลก็เริ่มค่อยๆ มีท่าทางเรียบร้อยขึ้นเล็กน้อย
แต่ท่าทียามเด็กหนุ่มเตะประตูบุกตาขวางเข้ามาในวันนี้ก็ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องเลวทรามที่ชวนปวดเศียรเวียนเกล้าเมื่อกาลก่อนขึ้นมา
แต่ยังไม่ทันรอให้เฉียนซื่อได้แสดงความเป็นป้าสะใภ้ออกมาอย่างเต็มที่ เฉิงเทียนฟู่ก็เริ่มพูดตำหนิขึ้นมาเสียก่อน “ท่านป้าสะใภ้ ท่านปิดประตูก็เพื่อบังคับให้ท่านแม่ข้าหย่ากับท่านพ่อหรือ”
เรื่องลับที่เกี่ยวพันถึงความอยู่รอดของจวนสกุลเฉิงเช่นนี้ เฉียนซื่อเองก็ไม่สะดวกจะพูดออกมาตรงๆ จึงได้แต่เอ่ยด้วยใบหน้าแข็งทื่อว่า “นี่เป็นเรื่องของบิดามารดาเจ้า เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าได้เข้ามายุ่ง เจ้าไปหาท่านลุงเจ้าที่ห้องหนังสือเถิด เขาจะเล่าให้เจ้าฟังเอง”
แต่เฉิงเทียนฟู่หาได้มีท่าทีจะเดินออกไปไม่ เขากลับลงนั่ง ดวงตาเรียวยาวอันเย็นชาคู่นั้นเหลือบมองหนังสือหย่าที่อยู่ในมือ พลิกมือโยนมันเข้าไปในเตากำยานซึ่งอยู่อีกด้าน เพียงเสี้ยวอึดใจหนังสือหย่าก็กลายเป็นเปลวควัน จากนั้นเขาก็เลิกคิ้วพร้อมเอ่ยกับเฉียนซื่อว่า “ข้าเดินทางมาเหน็ดเหนื่อย เพลียแรงอยู่บ้าง ท่านป้าสะใภ้ก็ควรกลับไปพักผ่อนได้แล้ว”
เฉียนซื่ออาศัยว่าตนเองมีฐานะเป็นสะใภ้ใหญ่ จึงเอ่ยกับกุ้ยเหนียงว่า “เจ้าให้เทียนฟู่ออกไปก่อน! นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะให้เขาเข้ามายุ่ง…”
เสียงพูดยังไม่ทันสิ้น เด็กหนุ่มก็ยกมือพรวดขึ้นมา ต่อมาก็ได้ยินเพียงเสียงดังแกรก ผิวโต๊ะไม้หนาตัวนั้นถูกตบจนเกิดเป็นรอยร้าว จากนั้นเขาก็หรี่ตาเอ่ยว่า “ท่านป้าสะใภ้จะเกาะติดนอนค้างคืนในเรือนท่านแม่ข้าอย่างนั้นหรือ”
เฉียนซื่อหันไปมองโดยพลัน เจ้าสี่ผู้นี้ทำนิสัยซุกซนเป็นลิงกังขึ้นมาอีกแล้ว
แม้เฉิงเทียนฟู่ผู้นี้จะอายุยังน้อย แต่กลับรู้จักผู้คนกว้างขวางมากมาย ในช่วงที่เขาร่ำเรียนหนังสืออยู่ต่างเมือง ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงได้ไปผูกมิตรกับชาวยุทธ์จำนวนหนึ่งแล้วเรียนวรยุทธ์จากพวกเขามา ตอนไปร่วมงานล่าสัตว์กับเหล่าองค์ชายเมื่อครั้งอายุสิบสาม เขายังเคยสังหารหมีดำด้วยตัวคนเดียวเพื่อช่วยองค์ชายที่พลัดหลงกับขบวน จนได้รับคำชมเชยจากฝ่าบาท
เพียงแต่นายท่านผู้เฒ่าเคยสอนสั่งเขาว่าต้องมุ่งมั่นเดินในเส้นทางขุนนางฝ่ายบุ๋น ห้ามสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยคุณงามความชอบทางการทหารเด็ดขาด เพราะว่าสนามรบล้วนเอาชีวิตไปแลกกับการเลื่อนตำแหน่ง บุตรหลานสกุลเฉิงของพวกเราไม่จำเป็นต้องทุ่มชีวิตถึงเพียงนั้นก็ได้
แรงตบเมื่อครู่นี้ช่างน่าประหวั่นพรั่นพรึงอย่างแท้จริง ดูท่าในช่วงเวลาหลายปีที่เขาบากบั่นร่ำเรียนศาสตร์ศิลป์แห่งปราชญ์เมธีก็มิได้ทอดทิ้งวรยุทธ์หมัดมวยไป
เฉียนซื่อมองดูอิ้งมามาซึ่งล้มนั่งอยู่ตรงหน้าประตูพักใหญ่แล้วก็ยังลุกไม่ขึ้น ต่อมาก็มองดูเจ้าเด็กสารเลวที่แค่พูดจาไม่เข้าหูคำสองคำก็พร้อมจะยกเท้าเตะป้าสะใภ้อย่างนางได้ครู่หนึ่ง นางรู้ดีแก่ใจว่าคงจะไม่อาจบีบมะพลับนิ่มอย่างกุ้ยเหนียงได้อีกต่อไปแล้ว ทำได้เพียงต้องหยุดแต่เพียงเท่านี้ นางตีหน้าบึ้งตึง พาอิ้งมามาที่ถูกเตะจนเจ็บเสียดหน้าอกกลับไปอย่างเร่งร้อน
ยามนี้กุ้ยเหนียงเองก็เริ่มกลับมาหายใจคล่องแล้วเช่นกัน หยาดน้ำตาไหลพรากออกมาทันใด
เมื่อครู่นางได้ยินคำพูดของพี่สะใภ้ใหญ่แล้ว เรื่องการหย่านี้…สามีของนางก็รู้เห็นเป็นใจด้วยเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นยังยอมรับกลายๆ ด้วยซ้ำไป
เมื่อคิดถึงตรงนี้ในใจของกุ้ยเหนียงก็ขมขื่น เจ็บปวดรวดร้าวอย่างสุดซึ้ง
บ้านเดิมของตนเองเกิดเรื่องขึ้น จริงอยู่ว่าการที่เซิ่งเซียงเฉียวบุตรสาวของพี่ชายหนีตามบุรุษอื่นไปโดยที่ยังมีสัญญาหมั้นหมายกับจวนอ๋องอยู่เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ ทว่าสกุลเซิ่งก็กำลังปกปิดเรื่องฉาวโฉ่นี้อยู่ ทั้งยังส่งคนออกไปตามหาตัวเซิ่งเซียงเฉียวอย่างลับๆ หวังว่าพอตามตัวนางกลับมาได้แล้ว หลังจากดุด่าสั่งสอนหนักๆ สักคราก็จะสามารถกลบเกลื่อนเรื่องนี้ผ่านไปได้
นางเองก็ได้ยินพี่ชายพูดกับพ่อบ้านอยู่สองสามประโยคตอนที่กลับไปบ้านเดิมเมื่อหลายวันก่อน จึงพอจะคาดเดาได้คร่าวๆ พอกลับมานางก็เล่าให้สามีฟัง เฉิงเผยเหนียนรีบร้อนไปที่จวนสกุลเซิ่งทันที แน่นอนว่าพี่ชายนางย่อมไม่มีทางยอมรับออกมาอยู่แล้ว แต่ก็ยังกำชับนักกำชับหนาไม่ให้เขาเอาไปพูดสุ่มสี่สุ่มห้า
เกี่ยวดองทางการแต่งงานกันมาหลายปี ครั้นเฉิงเผยเหนียนเห็นท่าทางเคร่งเครียดของพี่ภรรยาเซิ่งเซวียนเหอ ในใจก็พลันเย็นเฉียบขึ้นมาในบัดดล ตอนกลับมายังบอกกับนางว่าเรื่องนี้ดูท่าคงจะเป็นความจริง
นางแตกตื่นตกใจจนละล่ำละลักเตือนเขาว่าอย่าแพร่งพรายออกไป แล้วเหตุใด…ตอนนี้ทางฝั่งบ้านใหญ่ถึงได้รู้เรื่องเช่นกันเล่า