ทว่าบัดนี้เซิ่งเซียงเฉียวที่ถูกล่อลวงพาตัวไปราวกับจมหายลงไปในแม่น้ำก็มิปาน ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงไร้ร่องรอยไม่เจอแม้แต่เงา ยามนี้ทางฝั่งฮองเฮาจู่ๆ ก็ดันมาเรียกตัวเซิ่งเซียงเฉียวเข้าวังอีก
ถึงแม้สกุลเซิ่งจะปฏิเสธไปโดยบอกว่าเซิ่งเซียงเฉียวป่วยไข้ ชะลอออกไปได้สักระยะ แต่เรื่องนี้คงจะปิดเอาไว้ได้ไม่นาน อย่างไรก็ต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหาให้ได้
ยามนี้เฉิงเทียนฟู่บอกว่าเจอตัวเด็กสาวที่หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับเซิ่งเซียงเฉียว ต่อให้เป็นฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย ท่านอ๋องก็ต้องคว้ามันเอาไว้ให้แน่น
เจตนาของท่านอ๋องประจักษ์ชัดยิ่ง เขาไม่สนว่าดรุณีน้อยผู้นั้นจะมีพื้นเพเช่นไร ขอแค่มีใบหน้าดวงนั้น สกุลเซิ่งก็ต้องอบรมสั่งสอนแม่นางน้อยผู้นั้นให้ดี ให้นางปลอมตัวเป็นเซิ่งเซียงเฉียวเข้าพิธีสมรสกับซื่อจื่อ
ฮ่องเต้มีอายุมากแล้ว บางทีอีกไม่กี่ปีอายุขัยก็อาจค่อยๆ หมดลง องค์รัชทายาทขี้โรคที่ไร้ประโยชน์ผู้นั้นยิ่งดูท่าทางแล้วคงจะอายุไม่ยืนยาว ขอแค่ฉือหนิงอ๋องได้กลายเป็นโอรสสวรรค์ของแผ่นดิน เขาก็มีวิธีมากมายที่จะทำให้สะใภ้ตัวปลอมหายไปอย่างสมเหตุสมผล พอถึงตอนนั้นซื่อจื่อก็สามารถหาคู่ครองประเสริฐศรีคนใหม่ เลือกพระชายารัชทายาทที่เหมาะสมได้
เซิ่งเซวียนเหอซึ่งเข้าใจสายสนกลในดีพยักหน้ารับตามที่ท่านอ๋องสั่งไม่หยุด เพราะหากพูดกันตามจริงแล้ว เขาก็ตามใจบุตรสาวมากเกินไป ทำให้นางก่อความผิดมหันต์เช่นนี้จนเกือบจะทำให้ทั้งตระกูลเดือดร้อนตามไปด้วย
บัดนี้หาตัวปลอมมาได้ก็ดีเหมือนกัน ขอแค่สามารถปกปิดเรื่องนี้ให้ผ่านพ้นไปได้ เขาก็จะต้องจุดธูปเทียนเซ่นไหว้บรรพบุรุษสกุลเซิ่งเป็นการใหญ่แล้ว
หลังจากปรึกษาหารือกันเสร็จสิ้นตามนี้ เซิ่งเซวียนเหอก็สั่งให้คนไปที่เมืองเจี้ยนเฉิงเพื่อพาตัวแม่นางน้อยผู้นั้นมาอย่างลับๆ ต่อให้แม่นางน้อยผู้นั้นหน้าตาคล้ายคลึงคุณหนูสกุลเซิ่งเพียงใดก็เป็นเพียงเด็กสาวบ้านนอกคอกนา หากจะมาปลอมตัวเป็นคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ แค่คิดเขาก็ปวดเศียรเวียนเกล้าแล้ว
ทว่าท่านอ๋องกลับโบกมือเบาๆ บอกแค่ว่าเรื่องนี้ให้เขาจัดการเอง เพราะอย่างไรสกุลเซิ่งก็เป็นฝ่ายสร้างปัญหาขึ้นก่อน ฉือหนิงอ๋องไม่ยอมให้เรื่องนี้เกิดข้อผิดพลาดขึ้น จึงสั่งให้คนของตนเองไปรับเด็กสาวบ้านนอกผู้นั้นกลับมาเองเสียเลย
ส่วนเฉิงเทียนฟู่นั้นถูกท่านอ๋องรั้งตัวเอาไว้เพียงลำพัง ฟังเขาเล่าเรื่องการออกตามหาเซิ่งเซียงเฉียวที่ทะเลใต้
สกุลเซิ่งก่อปัญหาวุ่นวายขึ้น เดิมทีฉือหนิงอ๋องก็โกรธมากอยู่แล้ว แต่ยามนี้เด็กหนุ่มคนนี้แทบจะกลายมาเป็นดาวนำโชคของเขา พร้อมทั้งยังได้คิดหาวิธีกอบกู้สถานการณ์เอาไว้แล้ว นี่ทำให้ฉือหนิงอ๋องพอจะเบาใจลงได้เล็กน้อย
ฉือหนิงอ๋องมองดูสหายร่วมสำนักของบุตรชาย รู้สึกว่าต้องมองเด็กหนุ่มที่เจอวิกฤตแต่ก็ไม่แตกตื่น ปรับเปลี่ยนรับมือไปตามสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ผู้นี้ใหม่
ยามนี้เขาต้องการลูกมือในราชสำนักอย่างเร่งด่วน คุณชายสี่สกุลเฉิงเองก็จะเข้าร่วมการสอบหน้าพระที่นั่งเข้าเป็นขุนนางเช่นกัน มีแต่ต้องรวบรวมบุคคลที่มีความสามารถมาอยู่ในมือเท่านั้น การใหญ่ของตนเองถึงจะสำเร็จมั่นคงได้ ด้วยเหตุนี้ฉือหนิงอ๋องจึงกล่าวชื่นชมยกย่องเขาสักเล็กน้อย ต่อมาก็กำชับสั่งเขาอย่างละเอียดถี่ถ้วนว่าให้คอยจับตาดูเรื่องต่างๆ ต่อจากนี้ไม่ให้คลาดสายตา
เฉิงเทียนฟู่ฉวยจังหวะนี้เผลอพูดถึงจุดน่าสงสัยในตอนแรก ที่ญาติผู้น้องเซิ่งเซียงเฉียวลักลอบติดต่อกับผู้อื่นลับหลังครอบครัวและหมัวมัว ผู้สั่งสอนดูแล นอกจากนี้ยังกล่าวถึงว่าหลายครั้งที่ญาติผู้น้องออกไปนอกจวนล้วนได้รับคำเชื้อเชิญจากเถียนเพ่ยหรงบุตรสาวในภรรยาเอกของสกุลเถียน สกุลเถียนย่อมต้องมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างสลัดไม่พ้นแน่นอน
สกุลเถียนเป็นบ้านเดิมของฮองเฮา มีอำนาจทั้งในและนอกราชสำนักอย่างมากล้น แม้กระทั่งฉือหนิงอ๋องเองก็ยังต้องลงให้สามส่วน เมื่อครั้งที่ฮองเฮายังเป็นนางสนมก็ไม่ใคร่ชอบหน้ามารดาของฉือหนิงอ๋องนักเนื่องจากมีเรื่องแย่งชิงความโปรดปรานจากฮ่องเต้กัน เคยเล่นงานกันหลายครั้งหลายครา ตอนนี้จึงยิ่งทนเห็นฉือหนิงอ๋องขึ้นครองบัลลังก์แทนที่บุตรชายซึ่งป่วยกระเสาะกระแสะมากโรคของตนเองมิได้
ฉือหนิงอ๋องถือกำเนิดในราชสกุล เรียกได้ว่าความคิดเฉียบแหลม แค่กระตุ้นนิดเดียวก็เข้าใจกระจ่างแจ้ง พอได้ยินถ้อยคำแฝงความนัยของเฉิงเทียนฟู่ ในใจก็เข้าใจขึ้นมาถึงเก้าส่วนแล้ว
มิน่าฮองเฮาถึงรีบร้อนเรียกตัวเซิ่งเซียงเฉียวเข้าพบ นี่วางแผนจะหาเรื่องให้จวนอ๋องของข้าตกบ่อโคลน ทำให้ข้าปีนขึ้นมาไม่ได้อีกสินะ!