หลิ่วจือหว่านรับชุดคลุมมาด้วยความงุนงงเล็กน้อย ต่อมาก็มองดูชุดลำลองตัวกว้างบนร่างของตนเอง…ถึงแม้จะไม่ค่อยให้ความรู้สึกงดงามสักเท่าใด คอเสื้อก็ใหญ่เกินไปสักนิด แต่ก็ถือว่าสามารถออกไปพบเจอผู้คนได้
เมื่อเทียบกันแล้วนางดูสุภาพเรียบร้อยกว่าใต้เท้าผู้ว่าการที่กำลังค้อมเอวเขียนเอกสารผู้นั้นมาก ใต้เท้าผู้นั้นคอเสื้อยังเปิดกว้างออกกึ่งหนึ่ง สวมรองเท้าไม้ ข้อเท้าโผล่ออกมาครึ่งหนึ่งอยู่เลย!
ไม่รู้ว่าญาติผู้พี่โมโหจนขาดสติหรือไม่ ถึงได้ยังมีกะจิตกะใจมาสนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการแต่งตัวของนาง แต่กลับไม่รู้จักหาเสื้อผ้าและรองเท้าดีๆ ให้ใต้เท้าผู้ว่าการที่กำลังเหน็ดเหนื่อยตรากตรำใส่
พอนางคิดจะพูดอันใดบางอย่าง ญาติผู้พี่ก็หันกายเดินกลับไปยังข้างโต๊ะแล้ว
เมื่อเขียนเอกสารเสร็จ ใต้เท้าผู้ว่าการก็กลับมาเป็นฝ่ายช่วยพูดขอร้องความเมตตาแทนป้าหลานสกุลเถียน บอกกับเฉิงเทียนฟู่แค่ว่าถ้าเรื่องนี้ขึ้นไปถึงโรงถึงศาลจริงๆ ชื่อเสียงของคุณหนูสกุลเฉิงก็จะได้รับความเสียหายใหญ่หลวง มิสู้ให้จบกันตรงนี้เสียดีกว่า
ยามนี้เถียนเต๋อซิวก็รับผลกรรมที่ตนเองก่อแล้ว ให้เขากลับไปรักษาบาดแผลเอาเอง ห้ามอ้างอาการบาดเจ็บมาเซ้าซี้รบกวนแม่ทัพน้อยเฉิงอีก ส่วนเถียนเพ่ยหรงก็มอบให้เฉิงเผยเหนียนลงโทษตามกฎตระกูล
ผู้ว่าการดูเหมือนกำลังขอความเห็นใจให้พวกเถียนเต๋อซิวอยู่ แต่ในความเป็นจริงก็ตักเตือนป้าหลานสกุลเถียนอย่างกลายๆ เช่นกันว่าอย่าใช้เรื่องนี้มาสร้างความรำคาญใจให้แก่แม่ทัพน้อยเฉิงอีก หาไม่แล้วตนเองจะกลับกลายเป็นฝ่ายเสียหายแทน
เพราะว่าแผลจากคมกระบี่สองแผลนั้นของเฉิงเทียนฟู่ช่างร้ายกาจเหลือเกิน ต่อให้เถียนเต๋อซิวรักษาจนแผลหายดีแล้ว แต่ขาข้างนั้นก็ต้องเป๋ไป บอกเล่าผลดีผลร้ายให้ฟังเสียตั้งแต่ตอนนี้ จะได้ให้เจ้าอันธพาลนี่ตัดความคิดที่จะขึ้นศาลย้อนกลับมาแว้งกัดทิ้งไป
เฉิงเทียนฟู่รู้ว่าจริงอยู่ที่เรื่องในวันนี้ไม่ควรจะไปถึงขั้นขึ้นศาลพิจารณาคดี ที่เขายอมไว้ชีวิตสารเลวของเถียนเต๋อซิวมิใช่เพราะสิ่งอื่นใด แต่เพียงเพื่อชื่อเสียงของน้องสาวเท่านั้น
ทว่าที่เขามาอาละวาดใหญ่โตที่สกุลเฉิงในวันนี้เป็นการยิงธนูดอกเดียวได้นกสองตัว ทั้งได้ลงโทษสองป้าหลานสกุลเถียน ทั้งยังได้เตือนสติบิดาที่หน้ามืดตามัวของเขาผู้นั้นเล็กน้อย
หลังจากเห็นว่าเฉิงเผยเหนียนเรียกให้คนจับตัวบ่าวรับใช้หลายคนที่มีส่วนร่วมในการช่วยเถียนเต๋อซิวดักล้อมเฉิงเต๋อฉิงไปขายแล้ว เฉิงเทียนฟู่ก็ยังคงนั่งดื่มน้ำชาอยู่ในห้องโถง ดูท่าทางนั้นแล้วเหมือนจะยังรอคอยให้บิดาสอบสวนเถียนเพ่ยหรงอยู่
วันนี้เฉิงเผยเหนียนวุ่นวายใจจนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ดังนั้นพอเห็นว่าบุตรชายยังดื้อแพ่งไม่ยอมกลับไป เพลิงโทสะก็สุมแน่นในหัวใจเช่นกัน จึงถามอีกฝ่ายว่ายังจะอยู่กินอาหารเย็นด้วยใช่หรือไม่
เฉิงเทียนฟู่เห็นว่าบิดาไล่เขา ยามนี้ถึงได้ลุกขึ้นยืนอย่างเอ้อระเหย ทว่าตอนที่จะเดินจากไป เขาก็จงใจจับกระบี่พกตรงข้างเอว ย้ำกับบิดาเพื่อความแน่ใจเล็กน้อยว่ายังต้องการให้เขากลับสกุลเฉิงอีกหรือไม่ ตอนนี้เขากลับอยากจะพำนักระยะยาวอยู่ที่สกุลเฉิงเสียแล้ว จะได้ช่วยบิดาสะสางบ้านเรือนให้สะอาดเอี่ยม
เฉิงเผยเหนียนมองดูสีหน้าเยาะเย้ยเสียดสีของบุตรชายก็โมโหจนอกแทบจะระเบิดแล้วจริงๆ
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าบุตรชายยังเป็นเด็กหนุ่มที่ถูกทำโทษคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพชน ปล่อยให้เขาเฆี่ยนตีโดยไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่คำเดียวผู้นั้นมาตลอด
ทว่าวันนี้หลังเฉิงเผยเหนียนถูกบุตรชายใช้กระบี่พาดใส่ลำคอ เขาถึงได้ตระหนักว่าบุตรชายปีกกล้าขาแข็งมากแล้ว ไม่อยู่ในโอวาทของเขาแม้แต่น้อย
หากเดนปีศาจในร่างมนุษย์เช่นนี้กลับมาอยู่สกุลเฉิงจริงๆ ก็จะได้เป็นนายท่านสี่ของสกุลเฉิง เช่นนั้นคงจะได้มาขี่คอเขาถ่ายอุจจาระแน่ๆ!