ซ่อนกลิ่น
ทดลองอ่าน ซ่อนกลิ่น บทที่ 25.3-25.5
หลังจากกำหนดฤกษ์แต่งงานแล้วนางจึงให้เหล่าสาวใช้จุดกระถางไฟเอาไว้ในลานบ้านสองสามใบ จากนั้นก็เอางานปักเย็บที่เป็นสินเดิมเหล่านั้นเผาทิ้งให้หมด ถือเป็นการเซ่นไหว้ให้แก่สัญญาหมั้นหมายที่สูญสิ้นลงไปของนาง
เปลวเพลิงลุกโชนพุ่งสู่นภา ทำเอาเซิ่งเซียงหลันเห็นแล้วเจ็บปวดหัวใจขึ้นมาอีกครา
นางคิดว่าต่อให้เฉิงเต๋อฉิงเป็นนางหนูมหาเศรษฐีก็ไม่เห็นจำเป็นต้องเหยียบย่ำทำลายสิ่งของเช่นนี้เลย หากเฉิงเต๋อฉิงไม่อยากใช้ก็เอามาให้น้องสาวก็ได้! เซิ่งเซียงหลันรู้ว่าสกุลเซิ่งยึดมั่นในความประหยัดมัธยัสถ์ ภายนอกรุ่มรวยแต่ภายในโหรงเหรง ในวันข้างหน้ายามตนเองออกเรือนไม่มีทางเตรียมข้าวของดีๆ อันวิจิตรประณีตเหมือนอย่างเฉิงเต๋อฉิงได้แน่ ทันใดนั้นนางจึงกระวนกระวายจนกระทืบเท้าเร่าๆ ไม่ยอมหยุด แย่งชิงเอามาได้อยู่หลายชิ้น
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พอสิ่งของถูกเผาไหม้หมดแล้วเฉิงเต๋อฉิงก็ต้องตระเตรียมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ของอื่นๆ ยังสามารถแบ่งให้หญิงเย็บผ้าที่จ้างมาได้ แต่ว่าสิ่งของอย่างเช่นผ้าห่มนกยวนยาง หมอนปักลายดอก ยังจำเป็นต้องลงมือเย็บปักด้วยตนเองสักหลายเข็มเพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ
ดังนั้นเฉิงเต๋อฉิงเองจึงลดจำนวนครั้งที่ออกไปข้างนอกลง แล้วจัดเตรียมสินเดิมอยู่ในบ้านอย่างสบายอกสบายใจ
แต่คราวนี้ลำบากเซิ่งเซียงหลันแล้ว พอไม่มีอาหญิงกับพี่สาวไปเป็นเพื่อน นางก็ไม่กล้าออกไปคนเดียวเช่นกัน ดังนั้นยามนางนั่งเย็บปักอยู่ด้วยกันกับเฉิงเต๋อฉิงและ ‘เซิ่งเซียงเฉียว’ ผู้เป็นพี่สาว จึงมีแต่คำพูดบ่นกระปอดกระแปดเต็มปาก
“ท่านแม่ก็ด้วย ถึงแม้ท่านอาหญิงกับญาติผู้พี่เต๋อฉิงจะยุ่งวุ่นจนปลีกตัวออกมาไม่ได้ แต่ก็ไม่เห็นต้องให้ข้าถูกคุมตัวอยู่แต่ในบ้านไปด้วยอีกคนเลยนี่! ช่วงนี้นางไม่พาข้าออกไปข้างนอกเลย ต่อให้มีคุณชายที่เหมาะสมกันก็คงต้องคลาดแคล้วกันไป บัดนี้ญาติผู้พี่เต๋อฉิงออกเรือนแล้ว ส่วนท่านพี่ก็ไม่ต้องกลุ้มใจ มีแต่ข้าคนเดียวที่ไม่มีใครเป็นห่วงเลยสักนิด”
หลิ่วจือหว่านกำลังช่วยเฉิงเต๋อฉิงปักผ้าเช็ดหน้าลายนกยวนยาง พอได้ยินเซิ่งเซียงหลันเอ่ยถึงตนเองก็อดช้อนสายตาขึ้นมามิได้ “เหตุใดจึงพูดถึงข้าขึ้นมา แล้วไฉนข้าถึงไม่ต้องกลุ้มใจเล่า”
เซิ่งเซียงหลันกลอกตาเล็กน้อย เอ่ยด้วยความอิจฉาริษยานิดๆ
“ท่านย่อมไม่ต้องกลุ้มใจอยู่แล้ว แค่นั่งอยู่ในบ้านก็มีคนมาสู่ขอติดๆ กันไม่หยุด แรกสุดเป็นคุณชายสกุลฟางมาสู่ขอ แต่ก็ถูกท่านแม่ปฏิเสธอ้อมๆ ไปแล้ว ซื่อจื่อผู้นั้นก็ส่งเทียบมาเชิญท่านออกไปข้างนอกครั้งแล้วครั้งเล่ามิใช่หรือ จากที่ข้าเห็น นี่เขาก็คิดเปลี่ยนใจกลับมาหาท่านเช่นกัน
ได้ยินว่าระยะนี้ท่านอ๋องกำลังโดดเด่นเป็นที่จับตามอง หากพอเขาได้อำนาจยังคิดจะแต่งท่านเป็นภรรยาอยู่ นี่จะมิใช่บุพเพสันนิวาสอันแสนประเสริฐหรือ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าท่านคิดอย่างไรของท่าน เหตุใดตอนนั้นต้องขอร้องให้ท่านย่าขอถอนหมั้นระหว่างท่านกับซื่อจื่อต่อหน้าพระพักต์ฝ่าบาทด้วย”
ในสกุลเซิ่งนอกจากเฉิงเทียนฟู่กับหลิ่วจือหว่านแล้วล้วนไม่มีใครรู้ความจริงเบื้องหลังการเสียชีวิตของเซิ่งเซวียนเหอเมื่อครั้งกระโน้น ดังนั้นเซิ่งเซียงหลันถึงได้ยกยอปอปั้นจินซื่อจื่ออย่างไม่ครั่นคร้ามเกรงกลัว
ไม่รอให้หลิ่วจือหว่านเอ่ย เฉิงเต๋อฉิงกลับถลึงตาใส่เซิ่งเซียงหลันทีหนึ่ง ที่ผ่านมานางดูถูกดูแคลนญาติผู้น้องเซิ่งเซียงหลันมาตลอดว่ามีสายตาตื้นเขิน
จากที่นางเห็น ซื่อจื่อผู้นั้นกับเถียนเต๋อซิวล้วนแต่เป็นคนจำพวกเดียวกัน ต่างเป็นคนเจ้าชู้ประตูดินทั้งสิ้น แต่เซิ่งเซียงหลันกลับอาลัยอาวรณ์ ถวิลหามิรู้ลืม ชวนให้คนหัวร่องอหายเสียเหลือเกิน
ที่น่าชิงชังที่สุดคือพักหลังมานี้นางมักจะเหน็บแนมเสียดสีหยวนกวงต๋าต่อหน้าบ้างลับหลังบ้างอยู่บ่อยๆ ท่าทางเหมือนดูถูกว่าที่ญาติผู้พี่เขยเสียเต็มประดา
เฉิงเต๋อฉิงได้ยินแล้วก็มีน้ำโห สบโอกาสเสียดสีกลับไปพอดีว่า “ข้าว่าเจ้าก็ไม่ต้องรีบร้อนหรอก ดูจากนิสัยการดูคนของเจ้าแล้ว คุณชายที่ชอบเลี้ยงดูอนุภรรยาซึ่งมีอยู่เต็มไปหมดทั่วทั้งเมืองหลวงนี้ แต่ละคนล้วนเหมาะจะแต่งด้วยทั้งสิ้น แล้วไยเจ้าต้องรีบร้อนด้วยเล่า แค่ดูว่าเงินทองที่กองพะเนินอยู่ในจวนใดมีกลิ่นเหม็นสาบมาก เจ้าแต่งเข้าจวนนั้นก็สิ้นเรื่อง!”
เซิ่งเซียงหลันถูกเฉิงเต๋อฉิงฉีกหน้าไปคราหนึ่งก็อดโมโหกระฟัดกระเฟียดมิได้ ทั้งสองจึงทะเลาะเบาะแว้งกันยกใหญ่
หลิ่วจือหว่านเคยชินกับการที่พวกนางสองคนมักจะทะเลาะโหวกเหวกโวยวายกันอยู่บ่อยๆ แล้ว จึงก้มหน้าทำงานของตนเองต่อไป แต่ว่าก็จริงอยู่ที่ซื่อจื่อผู้นั้นได้ส่งเทียบเชิญมาให้นางอยู่หลายครั้ง
ต่อมาอาจเพราะเดาได้ว่านางไม่อยากจะสนใจเขา ซื่อจื่อถึงได้ไหว้วานให้คุณหนูจวนอื่นฝากเซิ่งเซียงหลันนำความมาบอก ความหมายคร่าวๆ ก็คือบัดนี้เขาอายุมากขึ้น ไม่ได้ทำตัวเหลวไหลไร้สาระเหมือนเมื่อครั้งเยาว์วัยแล้ว ถ้าหากสร้างครอบครัวแล้วก็จะยิ่งอบรมขัดเกลาจิตใจ ทำผลงานสร้างเนื้อสร้างตัว
สรุปคือฟังดูแล้วซื่อจื่อไม่เหมือนกำลังพูดถึงตนเอง แต่เหมือนถูกญาติผู้พี่สิงร่างมากกว่า ขันแข็งเอาการเอางานยิ่ง
แน่นอนว่าหลิ่วจือหว่านไม่สนใจคำพูดเหลวไหลไร้สาระของซื่อจื่อ ทั้งยังตักเตือนเซิ่งเซียงหลันอย่างไม่เกรงอกเกรงใจว่าต่อไปอย่าได้เอาข่าวคราวพรรค์นี้มาบอกนางอีก ถ้านำความมาอีกนางจะไปฟ้องท่านแม่ เซิ่งเซียงหลันจะต้องโดนลงโทษคุกเข่าในศาลบรรพชนแน่นอน
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 25 มิ.ย. 67