บทที่ 38-3 ไม้อ่อนไม่ชอบ ชอบไม้แข็ง
พอตอนกลางคืนเฉิงเทียนฟู่กลับมาบ้าน เขากำลังล้างหน้าอยู่ใต้โครงไม้เลื้อยในลานบ้าน หลิ่วจือหว่านที่ให้อาหารไก่อยู่อีกด้านหนึ่งก็เล่าเรื่อง ‘สหายรัก’ คนแรกที่รู้จักในอำเภอก้งเซี่ยนให้เขาฟัง
ทว่าเฉิงเทียนฟู่กลับไม่เก็บมาใส่ใจเลยสักนิด เขาล้างหน้าพร้อมกับฟังนางเล่า จนกระทั่งถึงตอนที่นางบอกว่าตนเองเป็น ‘คนร่วมบ้าน’ ของเขา ถึงได้เงยหน้าขึ้นมามองนาง เอ่ยอย่างขึงขังจริงจังว่า “ข้าไม่แบกรับคำด่าทอที่ไม่มีมูลหรอกนะ เจ้าลองว่ามาซิ ข้าไปร่วมบ้านกับเจ้าตั้งแต่เมื่อใด แค่จุมพิตเล็กน้อยเจ้ายังไม่ยินยอมเลย”
หลิ่วจือหว่านกำลังเล่าเรื่องอย่างเคร่งเครียด นึกไม่ถึงว่าเฉิงเทียนฟู่กลับเย้าหยอกนางด้วยวาจาเอาสนุก ใบหน้าของนางแดงก่ำขึ้นมาทันใด ขัดเขินจนหุบยิ้มไม่ได้ นางปาข้าวฟ่างในกำมือใส่เขา “ขะ…ข้าไม่ให้ท่านจุมพิตตอนใดกัน”
เฉิงเทียนฟู่สะบัดข้าวฟ่างที่ติดศีรษะออก ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้ามาหานาง อุ้มนางขึ้นมาด้วยแขนข้างเดียว จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้อง
ในเมื่อได้รับราชโองการปากเปล่าจากคนงามแล้ว จะมีเหตุผลอันใดให้เขาไม่จุมพิตนางอีกเล่า
หลิ่วจือหว่านตื่นตระหนกเล็กน้อย ทุบแผ่นหลังของเขาพร้อมหัวเราะเอ่ยว่า “ว้าย นี่ท่านจะทำอันใดกัน”
หลังจากเฉิงเทียนฟู่แบกนางเข้าไปในห้องแล้วก็จุมพิตขบเม้มลงไปบนริมฝีปากแดงสดของนางอย่างดุเดือด…
กระทั่งทั้งสองแยกริมฝีปากออกจากกันแล้ว หลิ่วจือหว่านรู้สึกเพียงว่าหัวใจเต้นดังตุบๆ แข้งขาล้วนอ่อนระทวย นางเอ่ยถามญาติผู้พี่ห่างๆ อย่างหยอกล้อด้วยสุ้มเสียงต่ำเบาว่า “ท่านเก่งเพียงนี้…เมื่อก่อนเคยไปเที่ยวสตรีในหอนางโลมกับจินเหลียนหยวนหรือไม่”
เฉิงเทียนฟู่เลิกคิ้วกล่าว “หากข้าเคยทำเรื่องพรรค์นี้ไหนเลยจะต้องให้ข้าบอกเอง คนปากสว่างอย่างอดีตคู่หมั้นของเจ้าย่อมชิงฟ้องเจ้าไปแล้ว…เจ้าต่างหาก ตอนเดินชมทะเลสาบกับเขาช่วงเทศกาลเด็กหญิง เขาเคยทำตัวนอกกรอบกับเจ้าหรือไม่”
พอหลิ่วจือหว่านได้ยินเขาหึงหวงเรื่องราวในอดีตก็เอ่ยด้วยความขำขันอย่างอดไม่ได้ “ตอนนั้นข้าอายุเท่าใดกันเชียว ซื่อจื่อไม่ได้มองหน้าข้าตรงๆ ด้วยซ้ำ ทั้งใจมีแต่หญิงสาวดาวเด่นบนเรือสำราญ อีกอย่างวันนั้นข้าเดินไปได้แค่ครึ่งทางก็ถูกซื่อจื่อทิ้งไว้กับท่านแล้วมิใช่หรือ”
พอเฉิงเทียนฟู่ได้ยินก็ทอดถอนใจด้วยความเสียดายอยู่บ้าง “หากรู้แต่แรกว่าเจ้าจะเป็นภรรยาในอนาคตของข้า วันนั้นข้าไม่มีทางพาเจ้าไปเดินหมากแน่นอน ข้าควรจะพาเจ้าไปเที่ยวเล่นสนุกสนานให้เต็มที่ ในภายภาคหน้าเจ้าจะได้ไม่เอาใจยากเช่นนี้”
หลิ่วจือหว่านที่อยู่ในอ้อมกอดของเฉิงเทียนฟู่ทุบเขาเบาๆ ให้ปล่อยมือแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ดีๆ หลังจากนั้นนางก็ยื่นนิ้วเรียวไปหยิบเมล็ดข้าวฟ่างที่ติดอยู่ในเส้นผมของเขาออก หลังกระเซ้าเย้าแหย่กันรอบหนึ่งแล้วก็ถึงเวลาพูดเรื่องสำคัญที่ถูกขัดจังหวะไปเสียที
“หรงซื่อผู้นี้คงจะได้รับคำสั่งจากพ่อสามีของนางให้จงใจเข้ามาตีสนิทกับข้า ดูท่าหลังจากพวกเขาใช้ไม้แข็งกับนายอำเภออย่างท่านไปหลายทีแล้ว จึงอยากจะใช้ไม้อ่อนกับท่านหน่อย เพียงแต่ครั้งนี้ท่านลงโทษเขาด้วยการปรับภาษีเกลือ ทว่าเขากลับงัดไม้นี้ออกมาใช้ เช่นนี้มิเท่ากับสร้างความเดือดร้อนให้คนงานคนทำเกลือและพ่อค้าเกลือจำนวนมากหรอกหรือเจ้าคะ พอราคาเกลือปรับสูงขึ้น เมื่อราษฎรที่ลำบากยากจนเหล่านั้นซื้อเกลือก็ต้องจ่ายเงินมากขึ้นอีกตั้งเยอะ…ซานตงเพิ่งจะเกิดภัยแล้ง ไม่รู้ว่ามีชาวบ้านมากมายเท่าใดที่กำลังขายลูกขายหลานอยู่ข้างทาง คิดแต่จะใช้เลือดเนื้อเชื้อไขแลกกับข้าวหนึ่งอุ้งมือ…”
ยามนางเอ่ยวาจานี้สุ้มเสียงผะแผ่วต่ำเบา เห็นได้ชัดว่านางนึกถึงประสบการณ์น่าเวทนาตอนที่ตนเองร้องไห้คร่ำครวญกับเด็กคนอื่นๆ ที่ถูกจับมาขายเมื่อครั้งอยู่ในมือพ่อค้ามนุษย์ตอนที่ยังเยาว์วัย
พอเฉิงเทียนฟู่นึกถึงชะตาที่นางเคยประสบมา ในใจก็ปวดร้าวระลอกหนึ่งตามไปด้วย เขาลุกขึ้นกอดนางเข้าสู่อ้อมอก ตบหลังนางเบาๆ เป็นการปลอบโยนแล้วพูดว่า
“เยวี่ยขุยผู้นี้ไม่ได้ทำเช่นนี้เฉพาะตอนที่ข้าอยู่ในตำแหน่งเท่านั้น ข้าตรวจสอบบัญชีดูแล้ว ในช่วงเกือบสิบปีมานี้ราคาเกลือปรับขึ้นทั้งหมดห้าครั้ง ผลกำไรของเขาก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วยทุกครั้ง ตอนที่ราชสำนักส่งคนมาสอบถามก็จะเจอกับอุบัติเหตุโครงสูบน้ำเค็มในบ่อเกลือถล่มจนมีคนตาย หรือไม่ก็ลดการผลิตพรรค์นี้อยู่เรื่อย
เมื่อเป็นเช่นนี้ผลผลิตเกลือของอำเภอก้งเซี่ยนก็จะลดลง การขึ้นราคาก็กลายเป็นเรื่องสมเหตุสมผล แต่ว่าเกลือลดลงจริงๆ น่ะหรือ กว่าครึ่งของเกลือเหล่านั้นถูกเขาแบ่งขายให้กลุ่มค้าเกลือต่างๆ เอาไปขายต่อเป็นเกลือเถื่อน อาศัยว่าเกลือหลวงขึ้นราคา ชาวบ้านเลยหันไปซื้อเกลือเถื่อนเพื่อประหยัดเงิน ดังนั้นเงินที่ไม่ต้องแจ้งภาษีเหล่านี้ก็เข้ามือสกุลเยวี่ยกับขุนนางที่ให้ท้ายสกุลเยวี่ยอย่างไม่ขาดสาย กัดกร่อนท้องพระคลัง ร่ำรวยด้วยวิธีผิดกฎหมาย”
ก่อนหน้านี้หลิ่วจือหว่านยังไม่รู้ซึ้งถึงกลวิธีสกปรกโสมมของสกุลเยวี่ยจริงๆ นางอดนึกถึงพี่สาวที่ขายเต้าฮวยในตลาดผู้นั้นขึ้นมามิได้ สามีของนางก็เสียชีวิตในอุบัติเหตุบ่อเกลือเหมือนกันมิใช่หรือ
เมื่อพูดเช่นนี้แล้วเหตุการณ์บ่อเกลือถล่มก็มิใช่อุบัติเหตุไม่คาดฝัน แต่เกิดจากฝีมือของมนุษย์!