เฉิงเทียนฟู่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง หลิ่วจือหว่านถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่อยู่ข้างกายเขา แน่นอนว่าต้องเป็นสะใภ้เด็กของเขา
เมื่อคิดเช่นนี้แล้วเขากลับมีความรู้สึกอิ่มเอมใจอย่างน่าประหลาด ราวกับว่าหวานหว่านเป็นของเขาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงในอนาคต ส่วนคู่หมั้นสติปัญญาอ่อนด้อยสมัยเด็กจากบ้านนอกกับจินซื่อจื่ออดีตคู่หมั้นกึ่งโง่กึ่งฉลาดที่เมืองหลวงของนาง ล้วนแต่ถูกลบทิ้งไปจากสมองของเฉิงเทียนฟู่จนหมด มองข้ามผ่านไปไม่คิดเล็กคิดน้อยอีกแล้ว
เพื่อชดเชยความเสียใจที่เมื่อก่อนไม่เคยได้มีลาภปากได้ลิ้มรสอาหารฝีมือหลิ่วจือหว่าน ในแต่ละวันเฉิงเทียนฟู่จึงกินอาหารทั้งสามมื้ออย่างตรงเวลายิ่ง ไม่อาจตัดใจพลาดได้แม้แต่มื้อเดียว
วันนี้หลิ่วจือหว่านนึ่งปลาตัวหนึ่ง นางใช้น้ำปรุงรสที่หมักจากเห็ดหอมและถั่วดำด้วยตนเอง เพียงใส่ต้นหอมและขิงหั่นฝอยดับกลิ่นคาวปลา แล้วใส่เกลือลงไปกำมือหนึ่งก็ดึงรสอร่อยสดใหม่ของปลาออกมาได้อย่างเต็มที่ นางยังตุ๋นน้ำแกงไก่และทำขนมเปี๊ยะที่หมักแป้งเอง พอเปิดกล่องอาหารออกมาทั่วทั้งห้องก็มีกลิ่นหอมจากอาหารที่ร้อนกรุ่นลอยอบอวลไปหมด
เฉิงเทียนฟู่ราวกับมองไม่เห็นคนอย่างไรอย่างนั้น เอาแต่กินอาหารคำโต ไม่สนใจเยวี่ยเต๋อเหวยที่เดินเข้ามาเลยแม้แต่น้อย
เยวี่ยเต๋อเหวยเป็นบุตรชายของเยวี่ยขุย เป็นรองหัวหน้าของสมาคมการค้าเกลือ วางอำนาจบาตรใหญ่ในอำเภอก้งเซี่ยนมาจนชิน ประหนึ่งรัชทายาทในพื้นที่ นานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นคนกล้ากำเริบเสิบสานต่อหน้าเขาถึงเพียงนี้
กลับเป็นแม่นางน้อยสกุลเฉียนที่รับทรัพย์สินเงินทองจากฮูหยินของเขาเป็นประจำผู้นั้นที่พอเห็นเขาเข้ามาก็เอ่ยทักทายอย่างเปี่ยมไมตรี “ท่านคงเป็นรองหัวหน้าสมาคมเยวี่ยสินะเจ้าคะ ได้ยินหรงซื่อเอ่ยถึงท่านอยู่บ่อยๆ ท่านมาทันเวลาอาหารกลางวันพอดี ไม่เช่นนั้นท่านจะมากินด้วยกันหรือไม่เจ้าคะ”
เยวี่ยเต๋อเหวยเอ่ยอย่างหนังยิ้มเนื้อไม่ยิ้ม “ช่วงนี้ข้าเป็นร้อนใน กินอาหารไม่ค่อยลง เชิญนายอำเภอเฉิงค่อยๆ กินเถิด”
เฉิงเทียนฟู่เอาขนมเปี๊ยะจิ้มน้ำที่ไหลเยิ้มจากตัวปลา กินไปพลางพูดไปพลางว่า “รองหัวหน้าสมาคมเยวี่ยไม่กินจริงๆ หรือ นี่เป็นอาหารโอชะที่หาชิมในอำเภอก้งเซี่ยนไม่ได้เชียวนะ”
เยวี่ยเต๋อเหวยคร้านจะพล่ามไร้สาระกับเขาจึงลากเก้าอี้มาตัวหนึ่ง จากนั้นก็นั่งลงมองจากตำแหน่งที่สูงกว่า พูดถามเฉิงเทียนฟู่ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กว่า “นายอำเภอเฉิง ท่านมีเจตนาเช่นไรกันแน่ถึงได้ระดมกำลังพลมาจับกุมกลุ่มคนค้าเกลือที่ชานเมือง ครอบครัวของกลุ่มค้าเกลือเหล่านี้ไหว้วานให้ข้ามาสอบถามท่าน”
เขาไม่บอกว่าตนเองเป็นเจ้านายของพวกพ่อค้าเกลือเถื่อนเหล่านี้ แต่กลับแสดงท่าทางของรองหัวหน้าสมาคมออกมา ทำเหมือนว่าการมาครั้งนี้มาด้วยธุระอันเป็นกิจวัตรประจำวันของสมาคม เห็นได้ชัดว่าเป็นการปลีกตนเองออกมาก่อน จะได้ไม่มีความผิดโทษฐานค้าขายเกลือเถื่อน
เฉิงเทียนฟู่เลิกคิ้วพร้อมเอ่ยว่า “ในเมื่อพวกเขาไม่มีหนังสืออนุญาตค้าเกลือหลวง ซ้ำยังไม่ได้จ่ายภาษีให้ครบตามจำนวน ข้าก็ย่อมยึดรถลักลอบขนเกลือเถื่อนเหล่านี้เอาไว้ มีตรงที่ใดไม่เหมาะสมกันเล่า”
เยวี่ยเต๋อเหวยหัวเราะเย็นชาแล้วเอ่ย “นายอำเภอเฉิงปฏิบัติตามกฎหมายโดยยึดมั่นในความยุติธรรมเช่นนี้ย่อมเป็นเรื่องดี ทว่า…ภรรยาคนงามของท่านไม่ได้สอนหลักสัจธรรมที่ว่า ‘กินของผู้อื่นเลยปากนิ่ม’ ให้ท่านฟังหรือ”
ครั้นหลิ่วจือหว่านได้ยินก็เลือกเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วนั่งลงเช่นกัน นางจัดชายกระโปรงให้เรียบร้อยไปพร้อมๆ กับเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “สตรีอยู่กับเย้าเฝ้ากับเรือนอย่างข้าไม่สร้างปัญหาให้ญาติผู้พี่ก็ถือว่าดีมากแล้ว จะกล้าดีสอนหลักสัจธรรมให้นายอำเภอได้อย่างไรกันเจ้าคะ”