เยวี่ยเต๋อเหวยคิดไม่ถึงว่าหนึ่งชายหนึ่งหญิงคู่นี้ล้วนไม่มีใครหลงกล จึงยิ้มเยียบเย็นพร้อมกับเอ่ยออกไปตรงๆ “หลายวันก่อนหน้านี้ฮูหยินของข้าเห็นว่าที่พักอาศัยของนายอำเภอเฉิงทั้งเก่าทั้งเล็ก จึงให้เงินช่วยเหลือจำนวนไม่น้อยแก่แม่นางสกุลเฉียนผู้นี้ นางไม่เคยเล่าให้นายอำเภอเฉิงฟังอย่างนั้นหรือ”
เมื่อหลิ่วจือหว่านได้ยินก็เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “ญาติผู้พี่ของข้ามิใช่ท่านอ๋องหรือขุนนางชั้นสูงเสียหน่อย จะต้องการเงินมากมายเพียงนั้นมาช่วยจุนเจือไปเพื่ออันใดกัน ขะ…ข้าหลงนึกว่า…”
เฉิงเทียนฟู่ตีหน้าบึ้งตึงแล้วพูดกับหลิ่วจือหว่านว่า “เจ้ารับเงินทองของรองหัวหน้าสมาคมเยวี่ยมา ไม่รู้หรือว่านี่เป็นการทุจริตรับสินบน ผิดกฎหมายของแคว้นต้าซี”
หลิ่วจือหว่านกะพริบตาปริบๆ แล้วเอ่ยอย่างน้อยอกน้อยใจว่า “ข้ารู้อยู่แล้วเจ้าค่ะว่าไม่สามารถรับสินบนแทนญาติผู้พี่ได้ ข้านึกว่าหรงซื่อนำเงินค่าปรับภาษีเกลือมามอบให้แทนพ่อสามีของนางเสียอีก วันนั้นข้าจึงให้เสมียนเมิ่งที่เป็นเจ้าหน้าที่เก็บภาษีประจำที่ทำการอำเภอไปแล้ว ให้เขานับเงินเข้าคลัง…ทำไมหรือ ข้าทำผิดอย่างนั้นหรือเจ้าคะ”
ในยามนี้เองก็มีคนเลิกม่านประตูมาจากห้องโถงข้างๆ เสมียนเมิ่งผู้นั้นถือชามข้าวอยู่พร้อมกับพูดว่า “คุณหนูสกุลเฉียนจ่ายเงินค่าปรับจำนวนไม่น้อยแทนหัวหน้าสมาคมเยวี่ยแล้วจริงๆ นอกจากตั๋วเงินมูลค่าหนึ่งร้อยตำลึงสี่ร้อยใบ ยังมีเพชรนิลจินดาและแพรพรรณนานาชนิด ทั้งหมดล้วนถูกนับเข้าท้องพระคลังแล้ว ชื่อผู้จ่ายแทนรวมถึงวันเวลาที่ส่งเข้าคลังระบุไว้อย่างชัดเจน ประทับตราเรียบร้อย มิอาจบิดพลิ้วได้…รองหัวหน้าสมาคมเยวี่ย ถ้าท่านคิดจะกลับคำขอคืนคงเป็นไปไม่ได้”
เสมียนเมิ่งผู้นี้ก็เป็นคนที่เฉิงเทียนฟู่พามาเช่นกัน เขาหาใช่ขุนนางในพื้นที่ไม่ ยามเห็นคนสกุลเยวี่ยก็ไม่มีท่าทีเคารพนบนอบแม้แต่กระผีกริ้น เขาซึ่งมีพื้นเพเป็นคนซานตงเคี้ยวต้นหอมอย่างโผงผางพลางเอ่ย “แต่ว่ารองหัวหน้าสมาคมเยวี่ย เงินที่ฮูหยินท่านจ่ายแทนให้เหล่านี้เป็นแค่เงินเศษเสี้ยวเดียวเท่านั้นจากทั้งหมดที่พวกท่านควรจ่าย ขอให้พวกท่านพ่อลูกกลับไปแล้วรีบๆ จ่ายภาษีที่เหลือให้ครบ ที่ทำการอำเภอก้งเซี่ยนของพวกเรายังรอใช้เงินอยู่นะ”
ใบหน้าอวบอ้วนของเยวี่ยเต๋อเหวยโกรธจัดจนกลายเป็นสีแดงก่ำไปแล้ว เขาหัวเราะอย่างเย็นชาไม่หยุดแล้วเอ่ยขึ้นทันทีว่า “ดีจริงๆ นี่พวกท่านรวมหัววางแผนกันเอาไว้เรียบร้อยแล้วสินะ! นายอำเภอเฉิงปฏิบัติตามกฎหมายโดยยึดมั่นในความยุติธรรมปานนี้ช่างชวนให้คนเลื่อมใสจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็ไม่พูดจาให้มากความ ขอให้นายอำเภอเฉิงระวังตัวเอาไว้ให้ดี!”
พูดจบเยวี่ยเต๋อเหวยก็ลุกขึ้นหมายจะจากไป แต่เฉิงเทียนฟู่กลับเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หยุด ข้าให้เจ้าไปได้แล้วหรือ”
เยวี่ยเต๋อเหวยพูดอย่างกระฟัดกระเฟียดว่า “ทำไมรึ นายอำเภอเฉิงอยากจะให้ข้าอยู่กินข้าวหรืออย่างไร”
เฉิงเทียนฟู่กล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา “หลังจากสอบสวนพ่อค้าเกลือที่ถูกกุมตัวเมื่อวานนี้ พวกเขาสารภาพว่าเกลือเถื่อนขายมาจากบ่อเกลือของสกุลเยวี่ยของเจ้า สกุลเยวี่ยของเจ้าลักลอบผลิตเกลือ สั่งสอนตักเตือนหลายครั้งหลายคราก็ไม่รู้จักแก้ไข วันนี้เจอหน้าข้าไม่ทำความเคารพ ซ้ำยังเข้ามานั่งในห้องโถงตามอำเภอใจ เหมือนกับว่าเจ้าเป็นผู้บังคับบัญชาของข้าเสียมากกว่า ราษฎรต่ำทรามพรรค์นี้ข้าจะไม่มีปัญญาลงโทษให้เจ้ากินข้าวในคุกเชียวหรือ ใครก็ได้! จับตัวเยวี่ยเต๋อเหวยผู้นี้เอาไว้ ลงโทษโบยสยบความสามหาวยี่สิบไม้ก่อน แล้วค่อยจับขังคุก!”
ห้องข้างๆ ล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ที่กำลังกินข้าวกลางวันกันอยู่ ทว่าเจ้าหน้าที่เป็นคนในพื้นที่ ไม่มีใครขยับแม้แต่คนเดียว
พวกเขารู้ถึงความร้ายกาจของสกุลเยวี่ยดี หากวันนี้ทำร้ายบุตรชายคนรองของสกุลเยวี่ย เช่นนั้นวันพรุ่งนี้คนเฒ่าคนแก่และลูกเล็กเด็กแดงในบ้านของพวกเขาก็อาจจะรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้
ทว่าชายฉกรรจ์ร่างกำยำล่ำสันหลายคนที่นายอำเภอเฉิงผู้นี้พามาด้วยไม่รู้จักเคารพยำเกรงงูเจ้าถิ่น พอได้ยินคำสั่งของนายอำเภอเฉิงก็วางถ้วยและตะเกียบลงแล้วพากันปรี่ไปยังห้องโถงหลัก เตะผู้คุ้มกันของเยวี่ยเต๋อเหวยให้พ้นทางแล้วจับพวกเขามัดไว้ด้วยกัน จากนั้นก็กดตัวรัชทายาทแห่งอำเภอก้งเซี่ยนผู้นี้เอาไว้ในห้องโถงหลัก
ชายฉกรรจ์เหล่านี้เป็นคนที่เฉิงเทียนฟู่พามาจากในกองทัพทั้งนั้น ล้วนลงมืออย่างไร้สิ้นความเมตตาปรานี แต่ละคนเงื้อมือขึ้นสูงแล้วฟาดอย่างหนักหน่วง โบยจนเยวี่ยเต๋อเหวยร้องไห้คร่ำครวญ โหยหวนราวกับผีสางร่ำไห้
สุดท้ายเพิ่งจะโบยสงบความสามหาวไปได้แค่ครึ่งทาง เยวี่ยเต๋อเหวยผู้นั้นก็ปัสสาวะราดกางเกงจนเปียกชุ่ม ดวงตาพลันเหลือกขึ้นแล้วเป็นลมหมดสติไป
พื้นห้องโถงไต่สวนของเฉิงเทียนฟู่เปรอะเปื้อนสกปรก เขาย่นหัวคิ้วพลางสั่งให้คนย้ายโต๊ะตัวเตี้ยไปที่ใต้ต้นไม้ในลานกว้าง จากนั้นก็กินอาหารที่สะใภ้เด็กของบ้านตนเองปรุงขึ้นต่อไปอย่างเบิกบานใจ
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 2 ส.ค. 67