เจ้าเมืองเซี่ยแค่นเสียงเย็นชาเอ่ย “ก่อนนายอำเภอเฉิงจะมาที่นี่ อำเภอก้งเซี่ยนส่งออกเกลืออย่างราบรื่นมั่นคง จัดแจงจ่ายให้แต่ละเขตเมืองอย่างเพียงพอ ราคาก็คงที่ แต่หลังจากเจ้ามาอำเภอก้งเซี่ยนก็หยุดการผลิต ราคาเกลือข้างนอกพุ่งขึ้นสูงตามไปด้วย หากปล่อยให้เจ้าสร้างความวุ่นวายต่อไปเกรงว่าราษฎรกว่าครึ่งใต้หล้าคงจะไม่รู้จักรสจืดรสเค็มของอาหารแล้ว ผลลัพธ์ที่เกิดตามมาเช่นนี้น่ากลัวเพียงใดเจ้าคงรู้กระมัง อีกอย่างเจ้าไม่รู้หรือไรว่าในอำเภอก้งเซี่ยนสกุลเยวี่ยมีบารมีประหนึ่งเข็มเทพสยบสมุทร ตอนนี้เจ้าจับตัวบุตรชายคนรองของเขาเอาไว้ ทั้งยังโบยจนเกือบตาย เช่นนี้จะบรรเทาความโกรธแค้นของราษฎรได้อย่างไร”
คนหนุ่มไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจากเมืองหลวงคนหนึ่งผิดใจกับจวนฉือหนิงอ๋องและสกุลเถียน ซ้ำยังใจกล้าไร้มารยาทจนล่วงเกินฝ่าบาทในการสอบหน้าพระที่นั่ง บัดนี้มาถึงอำเภอก้งเซี่ยนแล้วก็ยังไม่รู้จักน้อมรับคำสอนสั่ง ท่าทางมุทะลุหาเรื่องคนไปทั่ว หากตายอยู่ในดินแดนของอำเภอก้งเซี่ยนจริงๆ ก็สมควรแล้ว!
เจ้าเมืองเซี่ยคิดว่าคนหัวรั้นที่ไม่รู้จักพลิกแพลงพรรค์นี้ติดอยู่ในแดนเถื่อนอย่างชวนจงคงไม่มีโอกาสลืมตาอ้าปากอีกแล้ว ดังนั้นยามพูดจาจึงไม่มีความเกรงอกเกรงใจใดๆ ทั้งสิ้น ด่าทอนายอำเภอตำแหน่งเล็กๆ ผู้นี้ไปหนึ่งยกด้วยสีหน้าเย็นชา
เฉิงเทียนฟู่หลุบตาฟังคำดุด่าของผู้บัญชาการเบื้องบน สุดท้ายก็เอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบว่า “ใต้เท้าท่านเจ้าเมืองจะบอกว่าตนเองก็เคยได้รับการสั่งสอนจากสกุลเยวี่ยมาก่อนอย่างนั้นหรือ”
เจ้าเมืองเซี่ยพลันผงะอึ้งไป ไม่รู้ว่าเขาถามเช่นนี้มีเจตนาเช่นไร
เฉิงเทียนฟู่พูดต่อไปว่า “ถึงแม้ข้าน้อยจะตำแหน่งไม่สูงเท่าใต้เท้า แต่ก็เป็นนายอำเภอที่ฝ่าบาททรงเลือกด้วยพระองค์เอง ให้ปกครองดูแลพื้นที่อำเภอก้งเซี่ยน แม้จะเพิ่งเคยมาที่นี่ แต่ก็ไม่กล้าย่อหย่อนหละหลวม ดังนั้นจึงตรวจสอบราคาเกลือของอำเภอก้งเซี่ยนอย่างละเอียดยิบ พบว่าในช่วงสองปีที่เจ้าเมืองเซี่ยรับตำแหน่งนายอำเภออยู่ที่อำเภอก้งเซี่ยน ราคาเกลือปรับขึ้นติดๆ กันถึงสองครั้ง…หรือว่าตอนนั้นท่านเองก็ไม่เชื่อฟังคำสั่งสอน มีเรื่องกับคนไปทั่ว เกือบจะตายอยู่ในดินแดนของอำเภอก้งเซี่ยนเหมือนกัน”
“จะ…เจ้า!” เจ้าเมืองเซี่ยนึกไม่ถึงว่าเฉิงเทียนฟู่ผู้นี้จะรื้อผลงานที่เขาสร้างขึ้นเมื่อครั้งเป็นนายอำเภอออกมายอกย้อนเขา จึงโกรธเกรี้ยวจนใบหน้าแดงเถือกราวกับตับหมูขึ้นมาทันใด
ตอนนั้นเขารู้จักกาลเทศะจะตายไป! ที่ราคาเกลือพุ่งสูงขึ้นเป็นผลลัพธ์จากการที่เขากับสกุลเยวี่ยรวมไปถึงเจ้าหน้าที่เก็บภาษีหลายคนรวมหัวกันวางแผน
แต่เขาก็ยับยั้งเพลิงโทสะเอาไว้อย่างรวดเร็ว ยิ้มเยียบเย็นพลางเอ่ย “ในเมื่อเจ้ายังหน้ามืดตามัว เช่นนั้นก็อย่าโทษว่าข้าไม่ได้เตือนเจ้า หากเกิดปัญหาใหญ่โตอันใดขึ้นที่อำเภอก้งเซี่ยน ทำให้ราคาเกลือทั้งแผ่นดินปั่นป่วน สะเทือนไปถึงฝ่าบาท กลัวก็แต่ว่านายอำเภอเฉิงจะต้องถูกลดตำแหน่งไปเลี้ยงแกะที่ทะเลทรายตามชายแดนทางเหนือแล้ว!”
กับเจ้าเด็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงพรรค์นี้ไม่จำเป็นต้องเกรงอกเกรงใจใดๆ ทั้งสิ้น เจ้าเมืองเซี่ยจึงชี้ให้เห็นจุดสำคัญอย่างตรงไปตรงมาเสียเลย “สกุลหยางของฮูหยินของเยวี่ยขุยเคยช่วยชีวิตฮ่องเต้องค์ก่อนเมื่อครั้งเสด็จประพาสแถบสู่* เป็นการส่วนพระองค์เอาไว้ ถึงได้รับอภิสิทธิ์ในการดำเนินกิจการค้าเกลือบ่อ ตอนนี้เยวี่ยขุยรับช่วงดูแลกิจการของสกุลหยางซึ่งเป็นตระกูลฝั่งภรรยา ควบคุมบ่อเกลือทั้งหมดในพื้นที่นี้ นี่เป็นงานที่ได้รับอนุญาตจากราชวงศ์เป็นกรณีพิเศษ เมื่อก่อนขุนนางในราชสำนักอยากจะริบบ่อเกลือกลับไปอยู่หลายครั้ง แต่เพราะว่านี่เป็นพระมหากรุณาธิคุณจากฮ่องเต้องค์ก่อนจึงไม่กล้าเปลี่ยนแปลง เจ้าทำเช่นนี้เท่ากับเป็นการไม่เคารพต่อฮ่องเต้องค์ก่อน!”
เฉิงเทียนฟู่ได้ยินเจ้าเมืองเซี่ยยกบิดาของฝ่าบาทองค์ปัจจุบันมาข่มขู่คน แต่ก็ยังคงไม่ไหวหวั่น เพียงแต่พูดกับเขาว่า “นับแต่โบราณกาลมาเกลือเป็นสมบัติของบ้านเมือง ถึงแม้ในยุคของฮ่องเต้องค์ก่อนราชวงศ์ต้าซีจะยกบ่อเกลือให้ตระกูลภรรยาของเยวี่ยขุยเหมาดูแล แต่ก็แค่อนุญาตให้ตระกูลของเขาทำกำไรจากการกลั่นบ่อเกลือเท่านั้น มิได้ให้ตระกูลเขาผูกขาดการค้าขายเกลือเสียหน่อย แต่ต้องค้าเกลือหลวงจ่ายภาษีให้บ้านเมือง มีการกำหนดราคาโดยเฉพาะ ข้าน้อยกลับอยากถามเจ้าเมืองเซี่ยมากกว่าว่าตกลงแล้วข้าน้อยไม่เคารพฮ่องเต้องค์ก่อน หรือว่าที่นี่มีคนไม่เคารพกฎหมายบ้านเมือง จงใจปั่นราคาเกลือหลวงให้สูงขึ้นเพื่อแสวงหาประโยชน์ใส่ตัวกันแน่”
เจ้าเมืองเซี่ยเองก็ดูออกว่าตนเองไม่สามารถโน้มน้าวก้อนหินในอาจมก้อนนี้ได้ จึงแค่นเสียงฮึอย่างเย็นชาทีหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ราคาเกลือในแต่ละเดือนล้วนกำหนดในช่วงสิ้นเดือนก่อนหน้า คนที่กำหนดราคานอกจากชาวนาเกลือในพื้นที่แล้ว ยังมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายกิจการค้าเกลือ ถึงตอนนั้นหากความไร้ระเบียบของเจ้าทำให้ราคาเกลือพุ่งสูงขึ้น ความรับผิดชอบนี้เจ้าจงแบกรับแต่เพียงผู้เดียวเสียเถอะ!”
ทั้งสองพูดคุยกันไม่ถูกคอ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความ