แต่เด็กๆ กลับยังดูไม่สาแก่ใจ ต้องแกะมือของมารดาออกเพื่อดูเหตุการณ์น่าตื่นเต้นให้ได้
นายอำเภอเฉิงพาองครักษ์มาด้วย แต่สุดท้ายองครักษ์เหล่านั้นต่างก็มิได้ลงมือ หลังจากเห็นนายอำเภอเฉิงทำให้ทั้งสามคนกองอยู่กับพื้นขยับเขยื้อนไม่ได้แล้ว เสมียนเมิ่งถึงได้ส่งเสียงพูดเกลี้ยกล่อมว่า “ท่านแม่ทัพ ที่นี่ไม่เหมือนกับชายแดนทางเหนือ ชาวบ้านมองดูอยู่นะขอรับ ระงับโทสะสักหน่อยเถิด แทงอีกแค่สองกระบี่ก็พอแล้ว…คุณหนูสกุลเฉียน ท่านเองก็ระงับโทสะด้วยเช่นกัน อย่าเดินเข้าไปใกล้อีกเลย ระวังรองเท้าปักลายคู่ใหม่ของท่านจะเปื้อนโลหิตเอา…”
สุดท้ายภายใต้การห้ามปรามของเหล่าองครักษ์ มือสังหารทั้งสามจึงรักษาชีวิตเอาไว้ได้ในที่สุด นอนจมอยู่กลางกองเลือดด้วยลมหายใจรวยริน
เฉิงเทียนฟู่คร้านแม้แต่จะสอบสวนพวกเขา จึงเอ่ยขึ้นมาตรงๆ ว่า “สามคนนี้คงจะถูกคนอื่นกุมจุดอ่อนไว้ในกำมือ ต่อให้ตายก็คงไม่รับสารภาพ พวกเขาลอบสังหารขุนนางคนสำคัญของราชสำนักกลางถนนเช่นนี้มีโทษตายอย่างมิอาจละเว้นได้ พรุ่งนี้ลากไปตัดศีรษะเสียบประจานหน้าตลาดเสีย!”
เสมียนเมิ่งกล่าวเตือนเสียงเบาด้วยความลังเลใจเล็กน้อย “ประหารโดยไม่สอบสวนเช่นนี้เกรงว่าจะตกเป็นขี้ปากชาวบ้านได้นะขอรับ”
เฉิงเทียนฟู่พยักหน้านิดๆ คิดว่าที่อีกฝ่ายกล่าวมาก็มีเหตุผล ดังนั้นจึงปล่อยคอของโจรร้ายที่เป็นหัวหน้าออก จากนั้นจู่ๆ ก็เก็บกริชที่อยู่บนพื้นขึ้นมา ยื่นไปไว้ในมือของโจรร้ายผู้นั้น
คนผู้นั้นแทบจะกำกริชเอาไว้ไม่ไหวแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังคิดไม่ออกว่าเหตุใดนายอำเภอไก่อ่อนอย่างเฉิงเทียนฟู่อยู่ๆ ถึงเก่งกาจได้ปานนี้
เมื่อครู่เขาได้ยินคำพูดของเฉิงเทียนฟู่แล้วเช่นกัน รู้ตัวดีว่าเมื่อถูกจับแล้วคงไม่มีหนทางรอดชีวิต จึงเงื้อกริชขึ้นหมายจะฟันเข้าใส่อีกครั้งอย่างโอนเอน
ทันใดนั้นเฉิงเทียนฟู่ก็ยกมือตวัดอาวุธอย่างฉับพลัน ฟันศีรษะของเขาจนหลุดลงมา
ภาพเหตุการณ์เช่นนั้นทำให้เกิดเสียงหวีดร้องด้วยความตื่นตกใจดังไปทั่วท้องถนน เฉิงเทียนฟู่หยิบศีรษะของคนร้ายผู้นั้นขึ้นมาแล้วเอ่ยเสียงดังฟังชัดว่า “โจรชั่วพรรค์นี้คิดขัดขืนสุดชีวิต ถูกจับแล้วยังหมายจะลอบสังหารข้าอีก เพื่อป้องกันตัวแล้ว ข้าถูกบีบให้ต้องตัดศีรษะเขาเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู!”
พูดจบเขาก็พลันออกแรงโยนศีรษะในมือ ศีรษะของคนผู้นั้นถูกโยนสูงไปทางโรงน้ำชาซึ่งอยู่อีกด้านราวกับเป็นลูกหนังผ้าปัก ร่วงหล่นลงบนโต๊ะของเยวี่ยขุยที่กำลังนั่งเหยียดตรงอยู่ในห้องพิเศษพอดิบพอดี
คนที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะตัวนี้ล้วนแต่เป็นคนใหญ่คนโตที่มีหน้ามีตาในหมู่กิจการค้าเกลือทั้งสิ้น ทุกคนต่างก็ถูกศีรษะคนที่โผล่เข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้ตกใจเสียขวัญจนหงายหลังล้มไปกับพื้น แต่ละคนหวีดร้องด้วยความหวาดกลัวไม่หยุด สภาพน่าสมเพชเวทนาเหลือประมาณ
เดิมทีที่เยวี่ยขุยมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ก็เพราะอยากจะเห็นนายอำเภอที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงผู้นี้โดนเชือดตายกลางถนนด้วยตาของตนเอง
เพื่อระบายความคั่งแค้นในใจ เขายังได้จัดงานเลี้ยงน้ำชาแล้วเชิญผู้นำของกิจการค้าเกลือต่างๆ มารวมตัวกันที่นี่ ทุกคนจะได้เห็นว่าในอาณาเขตของอำเภอก้งเซี่ยนนั้น สิ่งใดเรียกว่า ‘ผู้ใดเชื่อฟังข้าย่อมรุ่งโรจน์ ทำให้ข้าพิโรธต้องมอดม้วย’
แต่เขาไม่คาดคิดแม้แต่น้อยว่าสิ่งที่ตนเองเห็นกลับเป็นภาพเฉิงเทียนฟู่และคนร่วมบ้านของเขาผนึกกำลังกันร่ายรำเพลงกระบี่กลางถนน สิ่งที่คาดคิดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือนายอำเภอเฉิงผู้นี้กลับแกว่งกระบี่ตัดศีรษะคนผู้หนึ่งทั้งเป็นท่ามกลางฝูงชนแล้วโยนมาไว้ตรงหน้าเขา!
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน สิงหาคม 2567)