ซ่อนกลิ่น
ทดลองอ่าน ซ่อนกลิ่น บทที่ 51.1-51.3
บทที่ 51-1 กอบกู้สถานการณ์แนวหน้า
หนิงเยียนนึกไม่ถึงว่านางจะมีวันที่ได้ ‘ลอบหนี’ ออกจากเมืองหลวงไปพร้อมกับคุณหนู
รถม้ารีบเร่งเดินทางติดต่อกันหลายวัน ตอนที่หนิงเยียนลงจากรถไปตักน้ำจากริมแม่น้ำ ยามเหยียบพื้นดินยังรู้สึกเท้าอ่อนยวบอยู่บ้าง
หลายวันมานี้แม้จะล่วงเข้าสู่ยามราตรี แต่พวกเขาก็ไม่หยุดเดินทาง เพียงแต่เปลี่ยนรถม้าคันใหม่ที่จุดพักม้าเท่านั้น สารถีสี่คนผลัดกันขับเคลื่อนรถม้าสองคันมุ่งหน้าเดินทาง
ส่วนพวกนายท่านรองสกุลเฉินนั้นเก่งกาจยิ่งกว่าเสียอีก เปลี่ยนแค่อาชา ไม่เห็นพวกเขาได้หลับได้นอน ไม่รู้เช่นกันว่าแต่ละคนงีบหลับบนหลังอาชาที่กำลังห้อตะบึงอยู่ได้อย่างไร
เมื่อเทียบกันแล้วในรถม้านี้หนิงเยียนกลับดูเหมือนเป็นคุณหนูมากกว่าเสียอีก เพราะว่าทนรับการรีบเร่งเดินทางตลอดทั้งวันทั้งคืนไม่ไหว จึงวิงเวียนศีรษะจนอาเจียนไปสองรอบ
หลิ่วจือหว่านป้อนพิมเสนแก้วิงเวียนที่ตนเองปรุงไว้ใส่เข้าไปในปากหนิงเยียน เอ่ยปลอบโยนนางว่า “อดทนอีกนิด พอข้ามเขาลูกนี้ไปได้ถนนก็จะราบเรียบเดินทางสะดวกแล้ว”
บัดนี้ในที่สุดหนิงเยียนก็ประจักษ์ว่าสาวใช้ตัวดำจิ้นเป่าผู้นั้นเก่งกาจสามารถกว่านางมากจริงๆ ในสภาพที่ยากลำบากเช่นนี้ ต่อให้เรียนรู้กฎระเบียบตระกูลใหญ่ได้มากมายเพียงใดก็มีประโยชน์ไม่เท่าจิ้นเป่าที่แค่ถือท่อนไม้แห้งขยับหมุนกลางฝ่ามือก็สามารถก่อกองไฟได้
จนกระทั่งข้ามผ่านเขาสูงชัน เส้นทางที่เหลือก็แปรเปลี่ยนเป็นสะดวกราบเรียบ
นายท่านรองสกุลเฉินชี้ไปยังทางแยกทางหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “แม่นางหลิ่ว เห็นหรือไม่ เดินทางไปตามถนนใหญ่ทางซ้าย อีกไม่กี่วันก็ถึงด่านเหยียนสุ่ยแล้ว”
หลิ่วจือหว่านพยักหน้า แต่กลับมองไปยังถนนใหญ่ทางขวาพลางถามว่า “สายนี้ทะลุไปที่ใดหรือ”
นายท่านรองสกุลเฉินเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเช่นกัน จึงอาศัยจังหวะที่ซื้อขนมเปี๊ยะไปสอบถามแผงขายอาหารข้างทาง เพียงไม่นานก็กลับมาบอก
“ถนนสายนั้นทะลุไปยังด่านจวินกวนที่กองทัพสกุลต่งประจำการอยู่”
ด่านจวินกวนอยู่ไม่ไกลจากด่านเหยียนสุ่ย ดูไปแล้วต่งฉางกงคงอยากจะรับช่วงต่อจากแม่ทัพเฉินเสวียนจนอดใจรอแทบไม่ไหว ถึงตั้งค่ายประจำการอยู่ใกล้ๆ เพื่อเตรียมพร้อมจะรับตำแหน่งแทนได้ตลอดเวลา
กำลังทหารของกองทัพสกุลต่งมีไม่มาก แต่ถ้ารับช่วงดูแลด่านเหยียนสุ่ยต่อเมื่อไรก็จะได้กองทัพใหญ่ภายใต้การบังคับบัญชาของแม่ทัพเฉินเสวียนไปด้วย นับวันรอที่จะกลับมากุมอำนาจในกรมทหารอีกครั้งได้ทันที
หลิ่วจือหว่านมองไปยังทิศทางของด่านจวินกวนอยู่สักพัก แต่ก็มิได้เอ่ยวาจาใด เพียงรีบออกเดินทางอีกครั้ง ที่นี่ไม่มีจุดพักม้าให้ผลัดเปลี่ยนอาชา อาชาหลายตัวเหนื่อยล้าจนน้ำลายแทบจะฟูมปากอยู่แล้ว คนไม่ต้องหยุดพักก็ได้ แต่อาชานั้นไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงหลีกเลี่ยงถนนใหญ่ที่ฝูงชนพลุกพล่าน หาพื้นที่กว้างๆ สักแห่งตั้งกระโจมค้างแรมชั่วคราว ให้อาชาพักผ่อนสักเล็กน้อย
คนกลุ่มใหญ่ซึ่งเหน็ดเหนื่อยอ่อนแรงมาหลายวันตั้งกระโจมขึ้น คิดว่าหลังจากนอนหลับพักผ่อนสักครู่หนึ่งแล้วก็จะออกเดินทางต่อ
ไม่นานนักจุดตั้งกระโจมด้านข้างก็มีรถม้าเคลื่อนเข้ามาหลายคัน คนที่ลงมาล้วนแต่เป็นสตรี แต่ละคนหัวเราะคิกคักเสียงจอแจ
หลิ่วจือหว่านมองดูสตรีที่อยู่ตรงข้ามจุดตั้งกระโจมเหล่านั้นผ่านรอยแยกของกระโจม
หนิงเยียนเองก็มองดูด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน “เหตุใดถึงมีสตรีเร่งรีบเดินทางมามากมายเพียงนี้”
จิ้นเป่าอยู่ที่ท่าเรือหลายปี มักพบเจอเรื่องชั้นต่ำพรรค์นี้เป็นประจำ ดังนั้นจึงเหลือบมองคราหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น “คนพวกนี้ล้วนเป็นหญิงคณิกาทั้งสิ้น มาเกาะกลุ่มอยู่ด้วยกันเช่นนี้เกรงว่าคงจะย้ายหอคณิกากระมัง”
หลิ่วจือหว่านมองดูอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นนางกับสาวใช้ทั้งสองก็เข้านอนก่อนในกระโจมหลังเดียวกัน นอนหลับยาวตั้งแต่พลบค่ำจนถึงยามฟ้าสางเล็กน้อยในวันถัดมากว่าจะค่อยๆ ตื่นขึ้น
ทว่านางยังไม่ทันได้ออกจากกระโจมก็ได้ยินเสียงพูดคุยของสตรีดังขึ้นบริเวณที่อยู่ห่างออกไปจากกระโจมไม่ไกลนัก
“นายท่านผู้นี้เดินทางคนเดียวรู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดายยากจะข่มตาหลับบ้างหรือไม่ อยากให้ข้าน้อยพูดคุยฟังดนตรีเป็นเพื่อนนายท่านยามราตรีหรือไม่เจ้าคะ”
หลิ่วจือหว่านสนใจใคร่รู้อยู่บ้าง จึงลุกขึ้นเลิกผ้าม่านแล้วเดินออกไป
ครั้นแล้วก็เห็นว่าบนถนนหลวงซึ่งอยู่อีกด้านมีนักเดินทางจำนวนหนึ่งที่เพิ่งจะลงจากหลังอาชาปรากฏตัวขึ้น
พวกเขายังไม่ทันยืนได้มั่นคง สตรีที่ผัดแป้งทาชาดประทินโฉม คอเสื้อเปิดกว้างผู้หนึ่งก็พาสตรีที่แต่งตัวเปิดเนื้อหนังมังสาเช่นเดียวกันอีกสองคนเดินเข้ามาต้อนรับ ทักทายบุรุษที่เป็นผู้นำอย่างกระตือรือร้น
บุรุษผู้นั้นหันหลังให้ทางจุดตั้งกระโจมของพวกหลิ่วจือหว่าน จึงเห็นแค่เพียงรูปร่างสูงใหญ่ ดูจากด้านหลังก็มองออกว่าเขามีไหล่กว้างเอวสอบ ชุดคลุมตัวยาวสีดำทั้งร่างขับเน้นรูปร่างกำยำล่ำสันของเขาให้เด่นชัดขึ้น
อาจเป็นเพราะว่าบุรุษผู้นี้รูปโฉมไม่เลว สตรีที่พูดคุยกับเขาจึงมีสีหน้าหลงใหลเคลิบเคลิ้ม อีกนิดเดียวก็จะแนบใบหน้าลงไปชิดเขาอยู่แล้ว
“นายท่านผู้นี้อย่าทำหน้าบึ้งตึงไม่สนใจผู้อื่นได้หรือไม่เจ้าคะ หากท่านเงินทองฝืดเคือง ข้าน้อยไม่เอาเงินของท่านก็ได้ ขอแค่ท่านทำให้ข้าน้อยสุขสันต์ ข้าน้อยก็จะให้ท่านหลับนอนด้วยโดยไม่คิดเงิน…โอ๊ย!”
บุรุษผู้นั้นก็ไม่คล้อยตามบรรยากาศเอาเสียเลย กลับยื่นมือออกไปผลักสตรีที่เสนอตัวให้ผู้นี้ออกไป
สตรีผู้นั้นยืนไม่มั่นคง ถอยหลังติดๆ กันจนล้มลงกับพื้น