ซ่อนกลิ่น
ทดลองอ่าน ซ่อนกลิ่น บทที่ 51.1-51.3
ถ้อยคำฮึกเหิมเปี่ยมปณิธานที่บอกว่าบุรุษต้องสร้างคุณงามความชอบของจางซีเหวินถูกตีแตกกระเจิงไปหมดแล้ว ตอนนี้สูญเสียไปสามชีวิต ในที่สุดเขาก็ฟังคำตักเตือนด้วยความปรารถนาดีของบิดาเข้าสมองบ้างเล็กน้อย
การเป็นหมอช่วยชีวิตคนบางครั้งก็ห่างจากการที่ศีรษะจะหลุดจากบ่าเพียงนิดเดียวจริงๆ!
ก่อนที่ญาติผู้น้องจะมาแม่ทัพเฉินเสวียนก็เดือดดาลปานอสนีบาตแล้ว หากพลทหารจำนวนมากเสียชีวิตเพราะเหตุนี้ แต่กลับไม่มีคนกอบกู้สถานการณ์ได้ หมอทหารอย่างพวกเขาก็คงไม่มีใครหนีรอด ต้องถูกตัดศีรษะสังเวยธงทัพกันหมดทุกคน
หมอคนอื่นๆ ก็หวาดกลัวเช่นกัน ดังนั้นถึงแม้ในใจจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับแม่นางน้อยวัยเยาว์ผู้นี้ แต่ก็ยังคงทำตามที่นางสั่ง
หลังจากพลทหารหลายสิบนายถูกล้างลำไส้แล้วก็เริ่มให้ดื่มน้ำแกงยาที่ต้มเสร็จเรียบร้อยเพื่อช่วยขับปัสสาวะและเพิ่มน้ำในร่างกาย
ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่รู้จักฤทธิ์ยา หลิ่วจือหว่านเองก็ไม่มียาวิเศษเลิศเลออันใด ทำได้เพียงให้พวกเขาดื่มน้ำในปริมาณมาก เจือจางพิษที่อยู่ในร่างกายให้อ่อนลงเท่านั้น
หลังจากทำเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมา แม้จะยังไม่เห็นผลในฉับพลันทันใด แต่เหล่าพลทหารก็ไม่ได้หมดสติหรือชักอีก เห็นได้ชัดว่ามาถูกทางแล้ว
นับตั้งแต่หลิ่วจือหว่านมาถึงด่านเหยียนสุ่ยก็ยังไม่ได้หยุดพักผ่อน สั่งการคนที่อยู่ในค่ายทหารยุ่งวุ่นวายจนถึงกลางดึก
หลังจากนางกำชับเรื่องที่ต้องระมัดระวังกับญาติผู้พี่และหมอทหารคนอื่นๆ อย่างละเอียดเสร็จก็เป็นเวลายามจื่อแล้ว เส้นผมยาวตรงจอนผมมีแต่เหงื่อไหลออกมา
หลิ่วจือหว่านยังไม่ได้กินอาหาร เพราะนางเอาแต่ดูคนอาเจียนและช่วยล้างลำไส้คนป่วยอยู่ตลอด จึงไม่มีความอยากอาหารสักเท่าไรนัก
เมื่อเดินออกมาจากกระโจม นางถึงได้พบว่าเฉิงเทียนฟู่มาเฝ้าอยู่หน้าประตูกระโจมรักษาตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่อาจทราบได้ ครั้นเฉิงเทียนฟู่เห็นนางเดินออกมาก็พูดขึ้น
“เหนื่อยแย่แล้วกระมัง เจ้าพาสาวใช้ไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตาในกระโจมของข้าเถิด ข้าสั่งให้ชิงเยี่ยนหาถังอาบน้ำมาให้ น้ำร้อนก็ต้มเอาไว้แล้ว เจ้าอาบน้ำเสีย จากนั้นค่อยกินอาหาร”
พอพูดเสร็จเขาก็เอ่ยกับทหารเฝ้ากระโจมรักษาว่า “คนที่เข้าไปในกระโจมรักษาแล้วห้ามให้พวกเขาออกมาอีก พวกหมอก็ให้กินดื่มอยู่แต่ในกระโจมรักษาทั้งหมด!”
หลิ่วจือหว่านใช้ผ้าคลุมกันลมห่อกายอย่างมิดชิดแน่นหนา รู้ว่าเฉิงเทียนฟู่ทำเช่นนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องที่นางรักษาคนป่วยในกระโจมรักษาเล็ดลอดออกไป ก่อนที่นางจะจากไปไม่อาจปล่อยให้มีคนรู้ว่ามีสตรีปรากฏตัวขึ้นที่ด่านเหยียนสุ่ยมากเกินไปได้ นี่ไม่เพียงเกี่ยวพันถึงชื่อเสียงของนางเท่านั้น ทว่ายังเกี่ยวข้องกับเกียรติยศของทหารหาญที่ด่านเหยียนสุ่ยอีกด้วย
บัดนี้ในที่สุดหลิ่วจือหว่านก็นับว่าโล่งใจไปได้เล็กน้อย จึงเดินตามเฉิงเทียนฟู่ไปที่กระโจมของเขา ด้านในมีน้ำร้อนหนึ่งถังวางอยู่จริงๆ
เสื้อผ้าของหลิ่วจือหว่านเปียกเหงื่อชุ่มโชกไปหมด จำเป็นต้องแช่น้ำร้อนเพื่อฟื้นฟูพลังชีวิตกลับคืนมา ขจัดความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าให้หมดไป
หลังจากหนิงเยียนปรนนิบัตินางปลดเปลื้องอาภรณ์แช่น้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เปลี่ยนมาใส่ชุดตัวในสะอาดสะอ้านที่นำมาด้วย ต่อมาก็สวมชุดคลุมตัวนอกทับอีกชั้น
ยามนี้เองเฉิงเทียนฟู่ได้ยกโจ๊กร้อนๆ เข้ามา เอ่ยกับหนิงเยียนและจิ้นเป่าเพียงว่า “พวกเจ้าไปพักผ่อนที่กระโจมหลังเล็กด้านข้างเถิด”
หนิงเยียนเห็นว่าหลิ่วจือหว่านมิได้เอ่ยวาจาอันใด จึงได้แต่เดินออกไปจากกระโจมแม่ทัพตามจิ้นเป่าไป
ที่นี่อากาศเย็นเยียบหนาวเหน็บ เฉิงเทียนฟู่เห็นว่าหลิ่วจือหว่านเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ บนร่างก็สวมใส่เสื้อผ้าไม่มากจึงเปิดผ้าห่มออกแล้วให้นางเอนกายกินโจ๊กอยู่ในผ้าห่ม
หลิ่วจือหว่านเองก็เหนื่อยเพลียมากเหลือเกิน แช่น้ำแล้วก็หมดสิ้นเรี่ยวแรงไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย เมื่อก่อนตอนอยู่ที่สกุลเซิ่งการได้นอนกินอาหารอยู่ในผ้าห่มเช่นนี้ดูเหมือนจะเป็นสิทธิ์ที่ได้รับเฉพาะตอนไม่สบายเท่านั้น
นางยื่นมือออกไปหมายจะรับถ้วยมา แต่เฉิงเทียนฟู่กลับยกมือขึ้นสูงจะป้อนให้นางด้วยตนเอง
ตอนนี้นางถูกผ้าห่มห่อร่างเอาไว้ เส้นผมแผ่สยายปล่อยให้เฉิงเทียนฟู่ป้อนโจ๊กนาง ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่เหมาะสม
นางมิใช่เด็กน้อยแล้ว เขาป้อนอาหารผู้อื่นราวกับเป็นบิดาเช่นนี้ช่างดูไม่ได้จริงๆ!
แต่ว่าเฉิงเทียนฟู่ป้อนอย่างพึงพอใจยิ่ง ได้เห็นหลิ่วจือหว่านกินอาหารราวกับลูกแมว คิ้วของเขาก็คลายออกจากกันเล็กน้อยในที่สุด
เมื่อครู่นี้เนื่องจากเร่งรีบช่วยคน เขาจึงทำได้เพียงปล่อยให้นางยุ่งวุ่นวายอยู่ในกระโจมรักษา แต่เมื่อได้เห็นแม่นางน้อยผู้งามหยาดเยิ้มอย่างนางไป ‘ปรนนิบัติ’ บุรุษกักขฬะเหล่านั้น ในใจก็ไม่สบอารมณ์มากนัก
ตอนที่เขาไม่สบายก็ไม่เห็นนางจะเฝ้าดูแลเอาใจใส่ไม่ห่าง พอคิดเช่นนี้ขึ้นมาก็เจ็บปวดรวดร้าวเหลือเกิน
จนกระทั่งหลิ่วจือหว่านกินโจ๊กหมดไปหนึ่งถ้วย แสดงท่าทีบอกว่าไม่อยากกินอีกแล้ว เฉิงเทียนฟู่ถึงค่อยใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปากให้นาง ต่อมาก็ก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามนาง
“เหนื่อยหรือไม่ อยากให้ข้าช่วยคลายเส้นเอ็นให้หรือไม่”
น้ำเสียงของเขาปกติดีอยู่ แต่ว่าตอนก้มหน้าลงมองนาง สายตากลับแฝงแววเย้าหยอกเกี้ยวพานราวกับจิ้งจอกหนุ่มจอมชั่วร้ายไม่มีผิด
หลิ่วจือหว่านหัวเราะออกมาเสียงดัง
เฉิงเทียนฟู่จึงนอนตะแคงลงข้างกายนาง ใช้มือข้างหนึ่งยันศีรษะเอาไว้พลางเอ่ยถาม “เจ้าหัวเราะอันใดกัน”
หลิ่วจือหว่านกล่าวเสียงแผ่วเบา “ข้าหัวเราะที่ท่านดูเหมือนหญิงคณิกาที่เรียกลูกค้าข้างทางเจ้าค่ะ รีบร้อนจะชวนลูกค้าเข้ากระโจมให้ได้เชียว”
เฉิงเทียนฟู่เห็นว่านางเอาเขาไปเปรียบเทียบกับพวกหญิงคณิกาเหล่านั้นจึงยื่นมือไปจักจี้รักแร้ของนาง ยามนางหัวเราะคิกคักพร้อมกับเอ่ยอ้อนวอนขอชีวิต เขาถึงค่อยรวบร่างนางเอาไว้ จากนั้นกดลงบนตั่งเตียง เงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย ก้มมองนางจากตำแหน่งที่สูงกว่าพลางเอ่ยเสียงต่ำเบา
“หวานหว่าน พอกลับไปแล้วพวกเราแต่งงานกันดีหรือไม่”
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน ตุลาคม 2567)