ซ่อนรักชายาลับ
ทดลองอ่าน ซ่อนรักชายาลับ บทที่ 10-บทที่ 12
เมื่อมองผ่านชุดบางๆ ที่เปียกชุ่มก็มองออกว่าแม้สามีจะรูปร่างผอมมาก แต่หุ่นกลับมีกล้ามเนื้อกำยำ ไม่ได้เป็นอย่างบัณฑิตที่อ่อนปวกเปียก!
แต่ไหนแต่ไรมานางก็รักทางบู๊มากกว่าทางบุ๋น เดิมทีตนเองก็ชอบฝึกวรยุทธ์มาก แต่ทุกวันนี้เพราะได้รับบาดเจ็บ มือเท้าเหมือนจะออกแรงไม่ได้แม้แต่น้อย ตัดขาดความคิดนี้ไปนานแล้ว
แต่คาดไม่ถึงว่าสามีจะชอบฝึกยุทธ์เช่นกัน ดูแล้วยังทำได้ไม่เลวด้วย ทำเอาหลิ่วเหมียนถังเห็นแล้วคันไม้คันมือจริงๆ
สามีมีเหงื่อออกท่วมร่าง ในที่สุดถังอาบน้ำที่ซื้อมาใหม่ก็ได้ใช้ประโยชน์ หลี่มามารู้นิสัยของผู้เป็นนายดี ไม่ต้องให้หลิ่วเหมียนถังสั่งก็เตรียมน้ำร้อนไว้พร้อมนานแล้ว เทลงไปในถังไม้แล้วคุมความอุ่นร้อน ทั้งยังใส่น้ำมันหอมที่ไม่รู้ไปหามาจากที่ใดอีกด้วย
พอชุยสิงโจวรำหมัดเสร็จก็สามารถแช่น้ำอย่างผ่อนคลายได้
ตอนที่หลิ่วเหมียนถังตื่นมาล้างหน้าได้แกะผมเปียยาวออกรวบไว้บนบ่าแล้วค่อยๆ สางผม นอนหลับไปหนึ่งคืนผมยาวราวม่านน้ำตกก็กลายเป็นลอนคลื่นเพราะถักเปีย ให้กลิ่นอายแบบนางระบำชาวดินแดนซีอวี้* นิดๆ ขับเน้นให้ท่อนแขนหยกเสลาที่สางผมอยู่ยิ่งดูกลมกลึง เอวคอดกิ่วเองก็ผลุบโผล่อยู่ใต้เรือนผมยาว มีเสน่ห์เย้ายวนคนแฝงอยู่
ตอนที่ชุยสิงโจวเช็ดเหงื่อเดินเข้ามา ได้มองไปยังหลิ่วเหมียนถังที่หวีผมอยู่คล้ายเจตนาไม่เจตนา
หลิ่วเหมียนถังรู้สึกว่ามือไม้ตนเองงุ่มง่ามเกินไป พอไม่มีหลี่มามาคอยช่วย กระทั่งหวีผมยังทำได้ไม่ดี นางจึงเอียงศีรษะส่งยิ้มขวยเขินให้สามี ริมฝีปากแดงโดยไม่ต้องแต้มชาด เผยฟันขาวราวกับไข่มุก…
ตอนที่ดวงตามองสบกันชุยสิงโจวเบือนหน้าหนี จากนั้นเดินเข้าไปในห้องเล็กข้างในห้อง แช่น้ำอาบภายใต้การปรนนิบัติของหลี่มามา
หลิ่วเหมียนถังเห็นเขาเข้าไปแล้วก็ลอบโล่งอกในใจ
นางกลัวจริงๆ ว่าสามีจะเรียกให้นางเข้าไปปรนนิบัติ เมื่อครู่นี้ตอนดูเขารำหมัดก็หน้าแดงใจเต้นหนักอยู่แล้ว ถ้าต้องปรนนิบัติอาบน้ำใกล้ๆ อีก…แค่คิดก็รู้สึกหน้าเห่อร้อนจนต้มไข่สุกได้!
หลี่มามาอาศัยโอกาสช่วงที่เจ้านายอาบน้ำจัดการเตรียมอาหารต่ออย่างคล่องแคล่วว่องไว
อาหารเช้าให้ความสำคัญที่น้อยแต่ประณีต พวกกับข้าวที่หลี่มามาเตรียมไว้ต่างตกแต่งอย่างสวยงาม
นอกจากไข่พะโล้หมูตุ๋นถ้วยเล็ก ยังมีเนื้อแดดเดียวผัดถั่วลันเตา ไข่ตุ๋นนึ่งกุ้งสับ ยิ่งไม่อาจขาดสมบัติล้ำค่าของบ้านสกุลชุยที่ถนนสายเหนือ…หัวไช้เท้าแห้ง กินคู่กับข้าวต้มข้นๆ แล้วกลับอร่อยไม่เบา
รอทั้งสองคนนั่งลงตรงข้ามกันและกินอาหารเช้า หลิ่วเหมียนถังก็พูดเรื่องเปิดร้านขึ้นมา ชุยสิงโจวกินข้าวต้มไปพลางตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “เรื่องพวกนี้เจ้าตัดสินใจเองทั้งหมดก็พอ ช่วงนี้ข้ากำลังศึกษาศาสตร์การเดินหมากล้อมกับอาจารย์คนใหม่ เกรงว่าจะไม่มีเวลาดูแลเรื่องพวกนี้”
ประโยคจำพวกศึกษาศาสตร์การเดินหมากล้อมจนไม่มีเวลาสนใจดูแลกิจการครอบครัวประเภทนี้ หากออกมาจากปากผู้อื่นจะต้องดูเป็นพวกคุณชายเสเพลที่พึ่งพาไม่ได้ ไม่ถูกภรรยาด่าจนกระอักเลือดสิแปลก!
ทว่ายามนี้ผู้ที่นั่งอยู่ตรงหน้าหลิ่วเหมียนถังเป็นบุรุษผู้สง่างามและหล่อเหลาคมคาย เมื่อมองดวงตาอบอุ่นลุ่มลึกของเขาคู่นั้น ประโยคไม่สนใจเรื่องราวทางโลกพวกนี้กลับดูสมเหตุสมผลขึ้นมาทันที
หลิ่วเหมียนถังเองก็รู้สึกว่าให้คนที่สูงส่งอย่างสามีไปดูแลจัดการเรื่องเงินทองดูจะสร้างความลำบากให้เขาเกินไป นับประสาอะไรกับที่เขาเคยทำให้ร้านค้ามากมายในเมืองหลวงต้องปิดตัวลง เห็นได้ว่าเป็นคนไม่เชี่ยวชาญด้านการค้า ในเมื่อเป็นเช่นนี้จะยังสร้างความลำบากให้สามีอีกไปไย?
ถึงอย่างไรนางก็ว่างงาน แค่รับเรื่องจิปาถะพวกนี้มาทำ รอจัดการเรียบร้อยค่อยส่งมอบให้สามีดำเนินการอีกทีก็พอแล้ว
เดิมทีคู่สามีภรรยาก็ถือเป็นหนึ่งเดียวกัน ไฉนเลยจะแบ่งแยกข้าเจ้าได้ชัดเจน เมื่อนึกถึงว่าก่อนหน้านี้สามีดูแลนางที่ป่วยหนักอย่างไรบ้าง เพียงความจริงใจที่ไม่ทอดทิ้งไปที่ใดเช่นนี้ก็มากพอให้หลิ่วเหมียนถังซาบซึ้งใจแล้ว
ดังนั้นพอได้ยินชุยจิ่วกล่าวเช่นนี้ หลิ่วเหมียนถังจึงรับปากทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องเปิดร้านท่านพี่แค่มอบหมายให้ข้าก็พอ ไม่ทราบว่าท่านพี่มีสหายคนใดอยู่ที่นี่บ้าง ถึงเวลาส่งเทียบเชิญพวกเขาให้มาช่วยเป็นหน้าม้าได้ก็ดีไม่น้อย”
ชุยสิงโจวไม่ได้เก็บคำถามของหลิ่วเหมียนถังไปใส่ใจ เขาออกมาทั้งคืน ทำตัวเหลวไหลไปพอสมควรก็ควรจะรีบกลับไปคารวะมารดาได้แล้ว
เมื่อคืนเป็นการแสดงงิ้วตลอดทั้งคืน มารดาที่ชอบฟังงิ้วจะต้องอดนอนอย่างแน่นอน คาดว่าน่าจะตื่นสาย เขากินอาหารเช้าเสร็จค่อยกลับไปน่าจะทันเวลาพอดี
ดังนั้นหลังเขากินอาหารเสร็จในไม่กี่คำก็ดื่มน้ำชาล้างปากพลางเอ่ย “ไม่ได้มีสหายที่ใด เจ้าเองก็ไม่ต้องให้ยุ่งยาก แค่เตรียมพวกประทัดและของที่สร้างเสียงดังเอาไว้ บอกว่าเปิดร้านแล้วก็พอ”
หลังจากนี้หลิ่วเหมียนถังต้องดูแลกิจการ สามารถพบเจอผู้คนมากขึ้นได้พอดี หากโจรกบฏผู้นั้นมีใจคิดรับภรรยาตนเองกลับไปก็จะมีโอกาสให้เข้าหาไม่น้อย
ดังนั้นชุยสิงโจวจึงสนับสนุนเรื่องที่หลิ่วเหมียนถังดูแลกิจการร้านมาก
แต่หลิ่วเหมียนถังกลับให้ความสำคัญกับเรื่องเชิญสหายมากจริงๆ หลังใคร่ครวญจึงเอ่ย “ท่านหมอเทวดาจ้าวจะต้องมาแน่ๆ ไม่รู้ว่าที่บ้านเขามีผู้ใดบ้าง หากมีเด็กๆ คงต้องเตรียมพวกลูกอมให้ด้วยใช่หรือไม่”
ชุยสิงโจวลุกขึ้นสวมเสื้อคลุมแล้วตอบโดยไม่แม้แต่จะมองนาง “ช่วงนี้เขายุ่ง คาดว่าคงมาไม่ได้”
หลิ่วเหมียนถังเดินเข้าไปช่วยเขาจัดปกเสื้อ ก่อนเอ่ยอย่างลังเล “แต่เมื่อวานท่านหมอเทวดาจ้าวฝากบ่าวรับใช้มาบอกที่บ้านว่าเปิดร้านเมื่อใดจะต้องบอกเขาให้รู้ ทั้งยังถามวันเปิดร้านจากข้า แต่ข้ายังไม่ทันได้ถามท่านพี่จึงไม่ได้บอกวันที่แน่นอนไป…”
แววตาของชุยสิงโจวชะงัก เขานึกไม่ถึงว่าจ้าวเฉวียนจะเลอะเลือนถึงขั้นนี้ เมื่อวานถึงกับส่งบ่าวรับใช้มาทำเรื่องเช่นนี้ด้วย