ซ่อนรักชายาลับ
ทดลองอ่าน ซ่อนรักชายาลับ บทที่ 13-บทที่ 15
วันนี้หลานชายหัวหน้าหน่วยรักษาการณ์ส่งคนมาสำรวจ รู้ว่าบุรุษสกุลชุยไม่ได้กลับมาบ้านอีกแล้ว ดังนั้นจึงเตรียมพร้อมมาลักลอบเข้าบ้านผู้อื่น บ่าวชายคนหนึ่งแบกบันไดวางไว้ข้างนอกกำแพงบ้านสกุลชุยบนถนนสายเหนือพร้อมเฝ้าไว้
รอเข้าสู่ยามวิกาลเขาก็ให้บ่าวชายประกอบบันได เตรียมจะคลำทางเข้าไป
เมื่อนึกถึงเรือนร่างอรชรของหญิงงาม คุณชายผู้นี้ก็ตื่นเต้นจนตัวสั่นเทิ้มอย่างห้ามไม่ได้ ปากพึมพำปลุกเร้าให้กำลังใจตนเอง จากนั้นก็เตรียมจะเข้าไปทำมิดีมิร้าย
แต่เขาไม่รู้ว่าธุระของตนกำลังถูกชุยสิงโจวที่ซ่อนตัวอยู่ตรงหัวมุมถนนมองเห็นอย่างชัดเจน
ตอนแรกชุยสิงโจวหลงคิดว่าเป็นโจรกบฏที่อดทนรอไม่ไหว ลอบมาพบหลิ่วเหมียนถังแล้ว ดังนั้นจึงซ่อนตัวโดยไม่ขยับ รอคนผู้นั้นปีนข้ามกำแพงไปก่อนค่อยว่ากัน
แต่ขณะนั้นเององครักษ์ลับที่ซ่อนตัวอยู่รอบๆ บ้านสกุลชุยบนถนนสายเหนือก็แอบมาหา กระซิบรายงานท่านอ๋องถึงฐานะของผู้ที่มาว่าก็คือหลานชายหัวหน้าหน่วยรักษาการณ์ที่โดนหลิ่วเหมียนถังแทงบาดเจ็บในตอนนั้น ภูมิหลังของอีกฝ่ายบรรดาองครักษ์ลับเองก็สืบมากระจ่างชัดแล้ว เป็นคุณชายเสเพลในตำบล ชอบเกี้ยวพาหญิงสาวดีๆ ทว่าไม่เกี่ยวข้องกับโจรกบฏเลยสักนิด
คนผู้นี้ชอบพาคนมาเดินเตร็ดเตร่ทำท่าทางลับๆ ล่อๆ อยู่ข้างนอกร้าน องครักษ์ลับจึงแบ่งสมาธิมาจับตาดูเขาเสียหน่อย
วันนี้บ่าวรับใช้ของคนผู้นี้ไปซื้อหญ้าไล่ยุงกับกำยานหลับใหลจากร้านขายยามา เมื่อผสมสองสิ่งนี้เข้าด้วยกันสามารถทำเป็นควันยาสลบได้ นอกจากนี้บ่าวชายยังจัดยาบำรุงพลังหยางให้เจ้านายตนเอง ได้ยินว่าน้ำสามถ้วยต้มเหลือถ้วยเดียว หลังดื่มไปแล้วก็จะตระหง่านมิรู้ล้ม รับรองว่าทำให้หญิงสาวเข่าอ่อนระทวยแน่นอน…
ชุยสิงโจวฟังคำพูดขององครักษ์ลับจนขมวดคิ้วแน่น ในใจเข้าใจขึ้นมาทันทีว่าคนที่ปีนกำแพงมีธุระอะไร
แม้ผู้ที่อยู่ในบ้านหลังนั้นจะไม่ใช่หญิงสาวของเขาไหวหยางอ๋อง แต่ในหลายวันมานี้หลังได้ทำความรู้จักนางมากขึ้น เขาก็รู้แล้วว่าหลิ่วเหมียนถังไม่มีทางเป็นหญิงสาวใจง่ายอย่างแน่นอน
แม้หญิงสาวผู้นี้จะเสียเกียรติไปแล้ว แต่นางจดจำไม่ได้สักนิด บัดนี้คิดเพียงว่าตนเองเป็นภรรยาของครอบครัวทั่วไป หากถูกโจรผู้นี้กระทำการสำเร็จ นางเกิดอับอายจนรับไม่ได้ กระทั่งคิดไม่ตกฆ่าตัวตายขึ้นมา มิใช่จะทำให้เขาเสียแผนล่อศัตรูหรอกหรือ
เมื่อคิดถึงตรงนี้ชุยสิงโจวไม่พูดอะไรแต่ก้าวปราดไปถึงกำแพง ยกมือขึ้นฟาดท้ายทอยบ่าวสองคนที่คอยดูต้นทางอยู่ตรงกำแพงจนสลบ
เขาเองก็ไม่เคาะประตู แค่ออกแรงที่เอวแล้วสะกิดปลายเท้า พริบตาเดียวก็ลอยข้ามกำแพงข้ามไปลานบ้านแล้ว
รอเขาลงมาบนพื้นก็รีบเดินไปหน้าห้องของหลิ่วเหมียนถัง เห็นหน้าต่างกระดาษถูกเจาะเป็นรูเรียบร้อย กระบอกไม้ไผ่ท่อนหนึ่งตกอยู่บนพื้น
ส่วนประตูห้องของแม่นางหลิ่วเปิดกว้าง โจรเด็ดบุปผาย่องเข้าไปข้างในแล้ว
ชุยสิงโจวก้าวยาวๆ เข้าไปด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก เตรียมจะกระชากตัวคุณชายเสเพลลงจากเตียง
เพียงแต่ชั่วเวลาถัดมาพลันเกิดเสียงร้องโหยหวนดังมาจากในห้อง ตามด้วยประกายโลหะวาบขึ้น มีบางสิ่งพุ่งมาใส่เขา
ชุยสิงโจวยกแขนกัน รู้สึกว่าแขนถูกบางสิ่งลวกใส่ เจ็บจนเขาขมวดคิ้วพร้อมเปล่งเสียงทุ้มออกมา
ขณะนั้นโม่หรูปีนบันไดข้ามกำแพงเข้ามาแล้วเช่นกัน กำลังตะโกนเรียกหลี่มามาเสียงดัง แสงไฟภายในลานบ้านก็ถูกจุดสว่างขึ้นมาทันที
“สามี?…เหตุใดจึงเป็นท่าน”
ชุยสิงโจวกำลังคิดยกเท้าถีบคนลอบโจมตี กลับพบหลิ่วเหมียนถังกำลังถือกาทองแดงมองมาที่เขาด้วยน้ำตาคลอหน่วย
ส่วนหลานชายหัวหน้าหน่วยรักษาการณ์ที่ลอบเข้ามาก็กำลังดิ้นเร่าพร้อมสบถด่าด้วยเนื้อตัวเปียกชุ่ม ใบหน้าแดงก่ำมีไอร้อนลอยออกมาคล้ายถูกน้ำเดือดสาดใส่อย่างไรอย่างนั้น
เมื่อได้เห็นไฟในบ้านสกุลชุยจุดสว่างไสว เขาก็ไม่มีเวลาสนใจอาการเจ็บ คิดแต่รีบร้อนหนีออกไปข้างนอก ทว่าถูกชุยสิงโจวถีบกระเด็นอย่างไม่เกรงใจ ตัวลอยไปกระแทกกับโต๊ะเสียงดังโครมก่อนนอนกองอยู่บนซากโต๊ะเละเทะ
ที่แท้ตอนที่โจรผู้นี้ลอบเข้ามา หลิ่วเหมียนถังยังไม่นอน
งานวาดภาพของท่านเฉินไม่มีความคืบหน้าเสียที กิจการในร้านค้าก็ไม่เห็นวี่แววจะดีขึ้น ล้วนชวนให้คนยากจะข่มตานอนหลับ นับประสาอะไรกับที่นางรู้ว่าสามีมักกลับบ้านมาดึกดื่น ไม่แน่ว่าอาจเรียกให้ไปเปิดประตู ดังนั้นจึงแค่งีบหลับตาทำเป็นนอนอยู่บนเตียงเฉยๆ
ผลปรากฏว่านางได้ยินเสียงสวบสาบดังมาจากในลานบ้าน แรกเริ่มยังหลงคิดว่าสามีกลับมาจึงรีบลุกขึ้นจะไปต้อนรับ แต่ตอนที่เดินไปถึงประตูก็ได้เห็นหน้าต่างมีแสงสว่างลอดเข้ามา กระดาษหน้าต่างถูกคนเจาะเป็นรูแล้ว
นางหยุดยืนนิ่ง สายตามองดูกระบอกไม้ไผ่สอดตามเข้ามา ในใจกระจ่างแจ้งขึ้นมาทันควัน มีพวกต่ำช้าลอบเข้ามา
ท่านตาของนางเปิดสำนักคุ้มภัย เดินทางไปทั่วยุทธภพ มีลูกไม้อันใดไม่เคยพบเห็นบ้าง หลิ่วเหมียนถังโตมากับการฟังมารดาเล่าเรื่องราวในยุทธภพของท่านตา จึงรู้จักพวกลูกไม้สามานย์ต่ำช้าพวกนี้เป็นอย่างดี
นางมองควันหนาถูกเป่าเข้ามา ในใจคิดจะตะโกนเรียกคนก็ไม่รู้ว่าข้างนอกมีคนอยู่มากเพียงไร ยิ่งไม่รู้ว่าพวกหลี่มามาโดนโจรคุมตัวไว้แล้วหรือไม่
ดังนั้นนางจึงไม่กล้าแหวกหญ้าให้งูตื่น ทันแค่รีบหลบไปอยู่ด้านหลังฉากบังลมแล้วใช้ผ้าชุบน้ำในถังมาปิดใบหน้าป้องกันไม่ให้โดนฤทธิ์ของควันยาสลบ จากนั้นก็หยิบกาทองแดงที่กำลังเดือดปุดๆ อยู่บนเตาถ่าน สบโอกาสหลังโจรเข้ามาแล้วก็สาดใส่ศีรษะอีกฝ่ายเต็มๆ
แต่ข้างหลังโจรยังมีคนตามมาอีก!
หลิ่วเหมียนถังเลยโยนกาน้ำไปลวกใส่ผู้ที่ตามมา ย่อมคิดไม่ถึงว่าจะลวกโดนสามีตนเองเข้า!
รอหลี่มามาจุดโคมไฟในลานสว่างไสว โม่หรูเองก็ลากตัวบ่าวรับใช้สองคนที่สลบอยู่ข้างนอกประตูเข้ามา หลิ่วเหมียนถังถึงได้เข้าใจว่าที่แท้สามีกลับบ้านมาเจอโจรกำลังปีนกำแพงพอดี ถึงได้ปีนกำแพงข้ามมาช่วยนางก่อน
ถึงแม้ไม่ได้เห็นท่วงท่าองอาจตอนสามีปีนกำแพง แต่ฝ่าเท้าที่เขาถีบใส่โจรเมื่อครู่นี้ก็ช่างเฉียบขาดดุดันมาก เต็มไปด้วยกลิ่นอายของลูกผู้ชาย หลิ่วเหมียนถังเห็นแล้วแทบใจละลาย
หมัดเท้าของสามีไม่ได้อ่อนแอปวกเปียกสักนิด ช่างดุดันน่าเกรงขามอย่างแท้จริง!
* ป๋อเล่อ หมายถึงคนที่มีสายตาแหลมคมในการคัดสรรคนมีฝีมือ มีความสามารถ เดิมเป็นคำเรียกผู้ที่มีความสามารถในการคัดเลือกยอดอาชาในสมัยโบราณ
* อีแปะ (เหวิน) คือหน่วยเงินสำริด (เป็นเหรียญที่มีรู) ซึ่งมีค่าเล็กที่สุดในหน่วยเงินตราสมัยโบราณของจีน โดย 1000 อีแปะเท่ากับ 1 ตำลึง
* ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม เป็นชื่อกลยุทธ์การทำสงครามที่ใช้หลอกล่อข้าศึกว่าจะบุกไปทางตะวันออก แต่ความจริงบุกไปทางตะวันตก เป็นการบุกโจมตีที่ศัตรูคาดไม่ถึง ต่อมาใช้เป็นสำนวนเปรียบเปรยว่าต่อหน้าพูดอย่าง ลับหลังทำอีกอย่าง
* เรียกฟ้าฟ้าไม่ขาน เรียกดินดินไม่ตอบ เป็นสำนวน หมายถึงการตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ไม่ได้รับความช่วยเหลือ
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือนธันวาคม 65)