บทที่ 4
หลิ่วเหมียนถังปรายตาเหยียดมอง เห็นเป็นคุณชายเสเพลสวมผ้าโพกศีรษะ เสื้อสีเขียวหลุดลุ่ย ดูแล้วน่าจะเป็นลูกคนมีฐานะประจำท้องถิ่น ข้างหลังมีบ่าวรับใช้ที่ทำหน้ายิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยติดตามอยู่สองคน
ครั้นถูกหลิ่วเหมียนถังมองเหยียดใส่เช่นนี้ กระดูกเส้นเอ็นของคุณชายเสเพลผู้นั้นก็แทบชาวาบ บ่าวชายข้างกายช่วยเจ้านายเกี้ยวพาราสีใส่หญิงสาวมาจนคุ้นชินจึงยิ้มพรายเอ่ย “แม่นางมีนามว่าอันใดหรือ คุณชายพวกเราเป็นหลานแท้ๆ ของหัวหน้าหน่วยรักษาการณ์ตำบลหลิงเฉวียน หากแม่นางสนิทสนมกับคุณชายพวกเรา วันหน้าย่อมมีผลดีมากมายนัก!”
หลิ่วเหมียนถังไม่ตอบคำ ขณะที่หลี่มามาคล้ายตกใจไปแล้ว เพียงก้มหน้าก้มตาอยู่ข้างหลังเงียบๆ พวกนักเลงเหล่านี้ช่างตอแยยิ่งนัก หากหลิ่วเหมียนถังไม่ขึ้นเกี้ยว ดูจากท่าทางของพวกเขาแล้วคงไม่มีทางเลิกราอย่างแน่นอน
ในใจหลิ่วเหมียนถังกลับไม่รู้สึกหวาดหวั่นแต่อย่างใด รูปโฉมของนางโดดเด่นเช่นนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว พวกนักเลงเช่นนี้นางเจอมาจนชินชา
เมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้านสกุลเดิม มีบ้างที่หลิ่วเหมียนถังจะแอบหนีออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกกับสาวใช้ เวลาเจอพวกผึ้งภมรเสียสติเหล่านี้ ปกติก็จะกระชากคอเสื้อคนพาลากเข้าไปในตรอกมืด ยืดเส้นยืดสายด้วยการเหวี่ยงมือเหวี่ยงเท้า ต่อยตีจนบิดามารดาอีกฝ่ายยังจดจำไม่ได้
ทว่าหลังนางป่วยหนักมามือเท้าล้วนไร้กำลัง กระบวนท่าสั่งสอนมากมายพวกนั้นไม่อาจแสดงออกมาได้
แต่หากปล่อยให้นักเลงพวกนี้แทะโลมก็ออกจะขัดต่อหลักการของนางจริงๆ…ดังนั้นนางจึงยกมือขึ้นทัดผม เม้มริมฝีปากน้อยๆ แล้วหันร่างเดินเข้าไปในตรอกเล็กๆ ด้านข้างโดยไม่พูดอะไร
หลานหัวหน้าหน่วยรักษาการณ์เห็นดังนั้นก็ลอบลิงโลดขึ้นในใจทันที ด้วยเขารู้ดีว่าตรอกนี้เป็นทางตัน หญิงงามเข้าไปในตรอก คิดอยากออกมาก็ต้องดูก่อนว่าข้าจะอนุญาตหรือไม่
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้เขาก็หันกลับไปส่งสายตาให้พวกบ่าวรับใช้ พวกบ่าวรับใช้เข้าใจดี ให้คนยกเกี้ยวมาเฝ้าอยู่ที่ปากตรอกทันที จากนั้นพวกช่างประจบประแจงสองคนก็ตามเจ้านายเข้าไปในตรอกด้วย
แม่นางผู้นั้นดูแล้วนิสัยดื้อรั้น ประเดี๋ยวถ้าไม่ยอมว่าง่ายๆ พวกเขายังต้องช่วยเจ้านายกดมือกดเท้านางไว้อีก ประโยชน์ดีๆ ที่จะได้รับมีมากมายยิ่ง…
คุณชายเสเพลผู้นั้นยินดีจนดวงตาวาววับ ทันทีที่เข้าไปในตรอกก็ต้องการจะกอดหญิงงามจากข้างหลังอย่างอดรนทนไม่ไหว แต่จู่ๆ หลิ่วเหมียนถังก็หันขวับกลับมา ประกายสีเงินในมือสว่างวาบ ของแหลมคมชิ้นหนึ่งแทงใส่คอของเขาในฉับพลัน
รอทุกคนมองเห็นชัดถึงพบว่าของชิ้นนั้นคือปิ่นเงินบนศีรษะหญิงงาม
หลิ่วเหมียนถังนับว่าใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีในกระบวนท่านี้ โชคดีที่เจ้าคนผู้นี้หลงสตรีจนไม่ทันระวังตัว นางจึงโจมตีเข้าเป้าในครั้งเดียว
บ่าวรับใช้สองคนเห็นดังนั้นก็จะกระโจนเข้าใส่ทันที แต่หญิงสาวที่ดูบอบบางกลับเอ่ยเสียงเย็น “ข้าเล็งตรงจุดตายบนลำคอเขา หากพวกเจ้ากล้าเดินเข้ามาอีกก้าว ข้าจะเอาชีวิตสุนัขอย่างเขาทันที ถึงตอนนั้นดูซิว่าพวกเจ้าจะกลับไปแจ้งข่าวอย่างไร!”
แล้วมิใช่หรือ! คุณชายของพวกเขาแค่ถูกปิ่นเงินด้ามเล็กแทงเพียงเล็กน้อยก็เข่าทรุดฮวบลงพื้น หน้าเบี้ยว ปากพ่นน้ำลาย ตาเหลือกไปแล้ว น่าตระหนกตกใจอย่างยิ่ง!
พอหญิงสาวจับปิ่นกดลงไปลึกกว่าเดิม คุณชายของพวกเขาก็เริ่มหลั่งเลือดพร้อมกับชักกระตุกไปทั้งร่าง
บ่าวชายสองคนเป็นแค่บ่าวรับใช้ ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณชายที่พวกเขาติดตามจริงๆ ตนเองก็หนีไม่พ้นความรับผิดชอบแน่นอน เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็มีแต่ตกใจจนไม่กล้าขยับตัว
หนึ่งในนั้นรวบรวมความกล้าเอ่ย “นะ…นางตัวแสบขวัญกล้า หากเจ้ากล้าแตะต้องคุณชายพวกเราแม้แต่ขนเส้นเดียว เจ้าได้เจอดีแน่!”
ทว่าหลิ่วเหมียนถังไม่กลัวคำขู่ประเภทนี้ ระหว่างทางที่เดินทางมาตำบลหลิงเฉวียน บางครั้งพวกนางจะค้างคืนบนเรือ เคยได้ยินนักสัญจรริมฝั่งนั่งพูดคุยรอบกองไฟ บอกว่าตำบลหลิงเฉวียนอยู่ในการดูแลของเจินโจว และผู้ปกครองคนใหม่ที่ได้รับแต่งตั้งมาประจำการเจินโจวก็คือไหวหยางอ๋องซึ่งสืบบรรดาศักดิ์ต่อจากบิดา
เขาเป็นคนอายุน้อยที่มีความสามารถ ดูแลกองทัพอย่างเข้มงวด และกวาดล้างกองโจรกบฏบนภูเขาหยั่งซาน มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่งที่นับได้ว่าชื่อเสียงขจรไกล ระยะนี้กำลังจัดระเบียบขุนนางท้องถิ่นที่เน่าเฟะ ครองใจราษฎรอย่างมาก
หัวหน้าหน่วยรักษาการณ์ของตำบลหลิงเฉวียนปล่อยให้หลานชายแทะโลมหญิงชาวบ้านกลางถนน รอดูเถิดว่ากลับไปแล้วข้าจะไปแจ้งความฟ้องร้องหัวหน้าหน่วยรักษาการณ์ที่จวนไหวหยางอ๋องหรือไม่!
ตอนนี้บ่าวชายสองคนเห็นคุณชายของตนถูกแม่นางผู้แสนบอบบางจับตัวไว้ได้ด้วยปิ่นแค่อันเดียวแล้ว ก็เอ่ยคำพูดดุดันเพิ่มเติมไม่ออกอีก ได้แต่วิงวอนหน้าเศร้าขอให้นางเลิกแทง ยกมือสูงศักดิ์ออก ปล่อยคุณชายของพวกเขาไปเถอะ
ขณะนั้นหลี่มามาที่นิ่งเงียบอยู่ด้านหลังหลิ่วเหมียนถังมาโดยตลอดก็เอ่ยปาก “ฮูหยิน นายท่านยังต้องทำการค้า อย่าให้เกิดเรื่องถึงแก่ชีวิตคนเลยเจ้าค่ะ”
ดวงตาของหลิ่วเหมียนถังกลับกลอกหมุนไปรอบหนึ่ง ก่อนมองไปทางมุมตรอกแล้วยิ้มน้อยๆ เอ่ยกับบ่าวชายที่ช่วยกันทำชั่วสองคนนั้น “ให้ปล่อยคุณชายพวกเจ้านั้นง่ายมาก อยู่ที่ว่าพวกเจ้าทำได้ดีมากพอหรือไม่…”