ซ่อนรักชายาลับ
ทดลองอ่าน ซ่อนรักชายาลับ บทที่ 4-บทที่ 6
เมื่อพูดถึงสามีของหลิ่วเหมียนถัง…ชุยจิ่ว เวลานี้เขาไม่ได้นั่งก้มหน้าก้มตาจัดการบัญชีอยู่ที่ร้านสักนิด กลับนั่งพิงพนักอยู่ในศาลาบนภูเขา ดื่มสุรากับสหายให้สาแก่ใจต่อหน้าทัศนียภาพคลื่นแม่น้ำโถมซัด
ยามนี้เกลียวคลื่นม้วนหอบ ห่างออกไปมีเรือแล่นผ่านไปมาไม่ขาดสาย เป็นทิวทัศน์อันสงบสุขและครึกครื้นยิ่งยวด
สหายข้างกายเขา…เจิ้นหนานโหวจ้าวเฉวียนเอ่ยอย่างทอดถอนใจ “เมื่อสองปีก่อนที่แห่งนี้ยังเต็มไปด้วยโจรสลัดที่เหล่าพ่อค้าได้ยินแล้วต่างนึกหวาดกลัว ทุกวันนี้กลับสงบสุข เรื่องนี้ไม่อาจขาดความดีความชอบของท่านไปได้!”
ชุยจิ่วดื่มลงไปอีกจอกอย่างเอ้อระเหยแล้วก็ไม่ตอบคำ
จ้าวเฉวียนรู้ดีว่าสหายกำลังหงุดหงิดกับเรื่องที่พวกขุนนางเก่าแก่ไม่รู้จักตายในเมืองหลวงยื่นฎีกาหาว่าเขาจัดตั้งกองทัพแบบผิดกฎอยู่แน่นอน
ดังนั้นจ้าวเฉวียนจึงเอ่ยปากปลอบ “สิงโจว ท่านไม่จำเป็นต้องหงุดหงิดกับคำพูดของขุนนางพวกนั้น ฝ่าบาททรงตระหนักว่าปัญหาโจรที่เจินโจวยังไม่สงบ หากไม่ตั้งทัพไว้กองทัพกบฏนั่นก็ตีฝ่าไปถึงเมืองหลวงนานแล้ว หากนำเรื่องนี้มาลงโทษย่อมไม่ชอบธรรม ยากจะทำให้ผู้คนยอมรับได้!”
ทว่าชุยจิ่วยังคงไม่พูดอะไร เขาลูบไล้จอกสุราช้าๆ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
ขณะนั้นเองหญิงวัยกลางคนหน้าดำคล้ำรูปร่างผอมผู้หนึ่งก็ถูกองครักษ์พาเข้ามา นางหยุดยืนอยู่ข้างศาลาบนภูเขาแล้วคุกเข่าเอ่ย “ท่านอ๋อง บ่าวมีเรื่องจะรายงานเจ้าค่ะ”
ชุยจิ่ว…พูดให้ถูกต้องกว่านั้นคือ ‘ชุยสิงโจว’ หรือไหวหยางอ๋องที่เพิ่งรับตำแหน่งต่อจากบิดา เมื่อเขาได้ยินแล้วก็เอ่ยขึ้นเรียบๆ “วันนี้เจ้าไปเดินเล่นในเมืองเป็นเพื่อนนาง มีอะไรผิดปกติหรือไม่”
หญิงวัยกลางคนหน้าดำคล้ำก็คือหลี่มามา ผู้ที่เดิมควรตามฮูหยินกลับไปหุงหาอาหารที่บ้านบนถนนสายเหนือ
หลังเกิดเรื่องในตรอกเล็กๆ นั่นหลิ่วเหมียนถังก็ไม่นึกอยากไปเลือกซื้อผ้าอีก จึงพาหลี่มามากลับมาบ้านเร็วหน่อย
ตลอดทางที่เดินมาหลิ่วเหมียนถังเหน็ดเหนื่อยยิ่ง ร่างกายที่เจ็บป่วยมานานของนางจึงทนไม่ไหว นอนหลับไปตามความเคยชินแล้ว
หลี่มามาเห็นว่านางนอนหลับไม่มีทางตื่นขึ้นมาในเวลาสั้นๆ จึงออกจากบ้านขึ้นรถม้า เดินทางมารายงานผู้เป็นนาย
เมื่อนางได้ยินท่านอ๋องถามก็ตอบกลับอย่างนอบน้อม “เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น บ่าวจึงตั้งใจมารายงานท่านอ๋องเจ้าค่ะ”
จากนั้นจึงเล่าเรื่องนักเลงบนถนนที่เจอรวมถึงเหตุการณ์ทั้งหมดออกมา
ชุยสิงโจวปลายคิ้วไม่ขยับ ใบหน้าอันหล่อเหลาไร้ความรู้สึก เพียงรับฟังประสบการณ์ในตรอกเล็กๆ ที่นางเล่าอยู่เงียบๆ
จ้าวเฉวียนที่อยู่ด้านข้างกลับนึกปวดใจแทนหญิงสาวที่ต้องพยายามปกป้องตนเองจนสุดกำลัง แต่ตอนที่เขาได้ยินเรื่องหลิ่วเหมียนถังใช้ปิ่นเงินจัดการนักเลงในตรอกก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความตกใจพร้อมซักถามต่ออย่างอดใจไม่อยู่ “เช่นนั้นตอนหลังนางปล่อยพวกนักเลงไปหรือไม่”
หลี่มามาย้อนนึกภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นแล้วก็อดไม่ไหวที่จะอาเจียนแห้งออกมา ก่อนจะรีบข่มกลั้นไว้ทันควัน “ปล่อยเจ้าค่ะ…”
“นางทำอะไรกับพวกเขา?” ไหวหยางอ๋องชุยสิงโจวที่เงียบมาโดยตลอดเปิดปากถามขึ้นกะทันหัน
หลี่มามามีสีหน้าแปลกพิกลเหมือนอยากจะอาเจียนอีกครั้ง บนใบหน้าคล้ำผุดสีม่วงขึ้นมาก่อนฝืนใจเอ่ย “นางให้บ่าวชายสองคนนั้นกินอุจจาระสุนัขในตรอก…”
นึกถึงภาพบ่าวชายสองคนนั้นประคองคุณชายวิ่งหนีออกไปจากตรอก ก่อนร้องหาน้ำกลั้วปาก หลี่มามาก็รู้สึกว่าปีนี้นางไม่มีทางกินอาหารได้อย่างเอร็ดอร่อยอีกต่อไป
คำตอบเช่นนี้เรียกว่าเหนือความคาดหมาย ชวนให้คนไม่รู้จะพูดอะไรดีจริงๆ
เดิมจ้าวเฉวียนกำลังคีบกับข้าว หลังได้ยินคำตอบของหญิงวัยกลางคนเขาก็หมดความอยากอาหารทันควัน วางตะเกียบลงทันที
ชุยสิงโจวฟังรายงานจากหลี่มามาจบแล้วโบกมือบอกให้นางออกไป
แต่หลี่มามากลับยังมีอีกเรื่องให้รายงานจึงรีบเอ่ย “นางชอบซักไซ้บ่าวว่าร้านค้าของนายท่านอยู่ที่ใด ดูท่าทางแล้วจะต้องการไปดูกับตาตนเอง…ตอนนี้ดูแล้วหญิงสาวผู้นี้อันตรายเกินไป บ่าวว่าท่านอ๋องเปิดเผยเรื่องราวออกไปตรงๆ เลิกเล่นสนุกเป็นเพื่อนนาง แล้วก็อย่าให้นางได้เข้าใกล้ท่านอีก…”
ชุยสิงโจวเงยหน้ามองหลี่มามา สีหน้านิ่งเฉย น้ำเสียงราบเรียบ “หลี่มามา ทำตามที่ข้าสั่งเจ้าไว้ให้ดีก็พอ”
เสียงของเขาไม่ดัง แต่หลี่มามาได้ยินแล้วหน้าเปลี่ยนสี รีบหมอบลงไปทันทีทันใด แม้นางจะดูแลท่านอ๋องให้เติบโตมา แต่ก็รู้ว่าตั้งแต่เล็กจนโตท่านอ๋องไม่เคยยอมให้คนนอกมาเจ้ากี้เจ้าการ นางในฐานะบ่าวรับใช้นับว่าพูดมากจนล่วงเกินแล้วจริงๆ
ชั่วขณะนั้นชุยสิงโจวเอ่ยกำชับองครักษ์ที่อยู่ด้านข้าง “ไปซื้อร้านแห่งหนึ่งในตำบล เอาพวกเครื่องเคลือบดินเผาไปวางไว้ เสร็จแล้วบอกสถานที่ให้หลี่มามารู้ด้วย”
หลังผู้ใต้บังคับบัญชาได้ยินคำสั่งจากท่านอ๋องก็รับคำสั่งลงจากภูเขาไปทันที ส่วนหลี่มามาเองก็เดินทางตามกลับไปที่ถนนสายเหนือของตำบล
จ้าวเฉวียนยิ้มขื่นกล่าว “สิงโจว นางสูญเสียความทรงจำทั้งหมด จดจำโจรกบฏลู่เหวินผู้นั้นไม่ได้แล้ว ท่านนำหญิงสาวอ่อนแออย่างนางมาเป็นเหยื่อล่อ จะผิดต่อหลักวิญญูชนเกินไปหรือไม่”
ชุยสิงโจวไม่แม้แต่มองจ้าวเฉวียนสหายสนิทสักครั้ง แค่ยกจอกสุราขึ้นพร้อมเอ่ยเสียงเย็น “ตัวการแรกที่ทำให้นางหลงคิดว่าข้าเป็นสามีของนางคือเจ้าจริงหรือไม่”
จ้าวเฉวียนไฉนเลยจะรู้ว่าคำพูดเย้าเล่นในตอนแรกจะก่อให้เกิดสถานการณ์ในปัจจุบัน!
เขาได้แต่เอ่ยกับสหายสนิทอย่างจนใจ “ท่านเก้าของข้า ตอนนั้นท่านรีบร้อนส่งคนมาเรียกข้าไปรักษานาง พอถามว่านางเป็นใครท่านก็ไม่ยอมตอบ ข้าเห็นนางรูปโฉมงดงามเลยหลงคิดว่าเป็นหญิงงามที่ท่านไปทำความรู้จักที่ใดเข้า ตอนหลังพอนางพูดได้ท่านก็ดันไม่อยู่ นางได้ยินข้าเรียกท่านว่า ‘ท่านชุยจิ่ว’ จึงถามว่าท่านชุยจิ่วมีความสัมพันธ์ใดกับนาง ข้าเลยตอบไปส่งๆ ว่าเป็นคนในใจของแม่นาง…เรื่องราวหลังจากนั้นท่านเองก็ไม่ได้ปฏิเสธนี่?”
ชุยสิงโจวมองฟ้าแล้ววางจอกสุราเตรียมลงจากภูเขาไปขึ้นเรือ หลายวันมานี้ศึกทลายรังโจรกำลังดุเดือด เขาจำเป็นต้องกลับกระโจมบัญชาการไปควบคุมสถานการณ์ ครั้งนี้ที่มาตำบลหลิงเฉวียน นอกจากมาเพื่อเลือกซื้อเครื่องเคลือบดินเผาสำหรับถวายให้ไทเฮาแทนมารดาแล้ว ก็เพื่อพาหลิ่วเหมียนถังภรรยาโจรที่สูญเสียความทรงจำมาลงหลักปักฐานเป็นหลักแหล่งด้วย
ตอนแรกที่จับตัวหญิงสาวซึ่งบาดเจ็บหนักผู้นี้ได้โดยไม่ตั้งใจ เพื่อเป็นการปิดบังหูตาผู้คนชุยสิงโจวจึงไม่เคลื่อนย้ายสถานที่ แต่เรียกตัวจ้าวเฉวียนเจ้าคนว่างงานผู้เชี่ยวชาญวิชาแพทย์ซึ่งแวะมาเยี่ยมเยียนพอดีมารับมือฉุกเฉิน
ไฉนเลยจะรู้ว่าหลังหญิงสาวผู้นั้นฟื้น กลับเป็นเพราะเขาห้อยถุงพกใบหนึ่งกับตัว ร่วมกับการชักนำผิดๆ ของจ้าวเฉวียน นางจึงเข้าใจผิดว่าเขาเป็น ‘ชุยจิ่ว’ สามีพ่อค้าที่ตอนแรกนางควรจะแต่งงานด้วย
ส่วนเรื่องราวภายหลังจากนั้นเป็นการปล่อยเลยตามเลย เขาไม่เคยพูดว่าเขาเป็นสามีของนาง แต่เป็นเพราะหญิงสาวผู้นี้ศีรษะกระแทกสมองมีปัญหา เข้าใจผิดไปเองอย่างโง่งมเท่านั้น
ในเมื่อไม่ว่าอย่างไรก็เป็นสตรีของศัตรูคนหนึ่ง แม้ว่ามือจะไร้กำลังเชือดไก่ ยากจะก่อให้เกิดปัญหาแทรกแซงได้ แต่มิสู้ให้นางหลงเข้าใจผิดว่าตนเองเป็นภรรยาของพ่อค้าสกุลชุย การจะพาย้ายมาตำบลหลิงเฉวียนก็เป็นเรื่องง่ายดายแล้ว
ได้ยินว่าโจรกบฏลู่เหวินรักใคร่ในตัวหญิงสาวผู้นี้มาก หากนางปรากฏตัวขึ้นที่ตำบลหลิงเฉวียนซึ่งไม่ไกลจากรังโจรจะต้องล่องูออกจากถ้ำได้แน่ เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าหญิงสาวผู้นี้จะยังซุกซ่อนฝีมือเอาไว้ด้วย วิชาสกัดจุดเช่นนี้ต้องใช้เวลาศึกษาฝึกฝนนานกี่ปีกันหนอ
นึกถึงท่วงท่านอบน้อมอ่อนหวานยามอยู่ต่อหน้าตนของหญิงสาวนามหลิ่วเหมียนถังผู้นั้น มองไม่ออกสักนิดว่าจะเป็นบุปผาบอบบางที่มีหนามแหลมคม
รอยยิ้มเย็นตรงมุมปากไหวหยางอ๋องชุยสิงโจวลึกซึ้งยิ่งขึ้น จ้าวเฉวียนเห็นสีหน้ายิ้มเย็นของชุยสิงโจวแล้วก็ลอบปาดเหงื่อเย็นแทนหญิงสาวที่สูญเสียความทรงจำผู้น่าสงสารคนนั้นเงียบๆ