ซ่อนรักชายาลับ
ทดลองอ่าน ซ่อนรักชายาลับ บทที่ 4-บทที่ 6
บทที่ 5
เพราะความรู้สึกผิดจ้าวเฉวียนจึงลองพยายามเป็นวีรบุรุษปกป้องบุปผาดู “สิงโจว ท่านไม่ได้ส่งคนไปตรวจสอบภูมิหลังของนางแต่แรกแล้วหรอกหรือ นางก็แค่หญิงสาวจากครอบครัวดีๆ แม้จะเรียนวิชาหมัดมวยเตะถีบมาจากมารดาบ้าง แต่อย่างไรก็เป็นหญิงสาวบอบบาง ไม่มีความสามารถอะไรทั้งนั้น เมื่อแรกนางแต่งงานเข้าเมืองหลวง ระหว่างทางถูกโจรลักพาตัวไปถึงได้กลายเป็นภรรยาหัวหน้าโจรกบฏ เดิมก็น่าสงสาร…ทุกวันนี้เส้นลมปราณนางไม่มั่นคง เป็นลักษณะของอาการขาดเลือดสูญเสียความทรงจำจริงๆ ไม่รู้เรื่องอะไรในอดีตแม้แต่น้อย…พอจับโจรได้ ท่านจะจัดการกับนางอย่างไร”
ชุยสิงโจวคล้ายไม่อยากจะพูดอะไรมากกับปัญหาข้อนี้ เขาเพียงลุกขึ้นยืนพร้อมเอ่ยเรียบๆ “บุตรสาวของนักโทษผู้หนึ่ง ซ้ำยังเป็นภรรยาของโจรกบฏ เจ้าจะคิดมากเพื่อนางไปไย”
หลังพูดจบเขาก็ลุกขึ้นยืน บอกลาจากไปก่อน
จ้าวเฉวียนถอนหายใจพลางมองแผ่นหลังของชุยสิงโจวที่เดินจากไปอย่างรวดเร็ว ก่อนนึกทอดถอนใจขึ้นอีกครั้ง สตรีโฉมงามแท้ๆ เหตุใดชะตาชีวิตถึงได้เล่นตลก เริ่มแรกถูกโจรลักพาตัวไปให้เสียชื่อเสียง ต่อมายังตกอยู่ในกำมือของไหวหยางอ๋องผู้ไม่รู้จักความรัก นิสัยเหี้ยมหาญ ไม่รู้วิธีรักหยกถนอมบุปผา* อีก…
เขาแหงนหน้าถอนหายใจคราหนึ่ง รู้สึกว่าชีวิตที่เต็มไปด้วยอุปสรรคของหญิงงามมีความผิดของตนอยู่ด้วยส่วนหนึ่ง
ต้องรอดูว่าหลังชุยสิงโจวทลายรังโจรเรียบร้อยจะอารมณ์ดีเกิดใจเมตตาขึ้นหรือไม่ ถึงเวลานั้นเขาจะต้องขอรับตัวหลิ่วเหมียนถังมาเป็นอนุ ดูแลชีวิตที่เหลืออยู่ของนางอย่างเหมาะสมให้ได้
จ้าวเฉวียนโล่งใจขึ้นหลังคิดถึงตรงนี้ หยิบจอกสุราขึ้นดื่มเอง เขาไม่เหมือนกับคานหลักของราชวงศ์อย่างชุยสิงโจว ท่านโหวว่างงานอย่างเขานอกจากศึกษาการแพทย์ก็ชอบของในจอกนี้ที่สุดแล้ว
บัดนี้จันทร์เสี้ยวลอยเด่นกลางนภา คลื่นทะเลซัดสาด ในมือมีสุราเลิศรส ขาดก็แต่หญิงงามเคียงข้าง ช่างน่าเสียดายจริงๆ!
เมื่อพูดถึงไหวหยางอ๋องชุยสิงโจวที่ลงจากภูเขาไปถึงยังท่าเรือ ตอนที่จะขึ้นเรือพลันชะงักฝีเท้าอีกครั้ง มองผิวน้ำนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยกับบ่าวชาย “สั่งให้คนเตรียมรถม้าเดินทางกลับตำบลหลิงเฉวียน”
กว่ารถม้าจะกลับไปถึงตำบลหลิงเฉวียนก็เป็นช่วงต้นยามหนึ่ง* แล้ว แสงจันทร์นวลเด่น ดวงดาราบางตา หน้าบ้านมุงหลังคากระเบื้องบนถนนสายเหนือหลังนั้นก็แขวนโคมไฟไว้
ตอนที่โม่หรู บ่าวชายของชุยสิงโจวเคาะห่วงประตูทำเอาหลี่มามาตกใจไปยกหนึ่ง
นางคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าผู้เป็นนายจะย้อนกลับมาอีกครั้ง
ยังไม่ทันที่นางจะพูดอะไรภายในบ้านก็มีเสียงของหลิ่วเหมียนถังดังลอยออกมา “หลี่มามา ใช่ท่านพี่กลับมาหรือไม่”
ช่วยไม่ได้ ลานบ้านไม่ใหญ่ เสียงที่ประตูหน้าสามารถได้ยินไปถึงในบ้านอย่างชัดเจน หลี่มามามองสีหน้าของท่านอ๋องแล้วได้แต่ตอบกลับอย่างจนใจ “เป็นนายท่านกลับมาแล้วเจ้าค่ะ!”
ในขณะนั้นได้ยินเสียงดังสวบสาบออกมาจากด้านในบ้าน ตามด้วยเสียงค่อนข้างร้อนรนของหลิ่วเหมียนถัง “สามีรอก่อนสักครู่ ภายในห้องรกมาก ให้ข้าได้เก็บกวาดก่อน…”
น่าเสียดายที่หลิ่วเหมียนถังยังพูดไม่ทันจบ ชุยสิงโจวก็เลิกม่านผลักประตูเดินเข้ามาแล้ว
หลิ่วเหมียนถังกำลังแช่เท้าในอ่างไม้ เรือนผมเองก็ปล่อยสยายลงมา สวมชุดนอนตัวหลวมโพรก สภาพไม่ค่อยจะเรียบร้อยนัก
เมื่อครู่นี้นางได้ยินเสียงจากประตูบ้านก็จะรีบเช็ดเท้า แต่งตัวให้เรียบร้อยต้อนรับสามี ไฉนเลยจะรู้ว่าสามีขายาวก้าวกว้าง แค่ไม่กี่ก้าวก็เดินเข้ามาแล้ว
ก่อนที่ชุยสิงโจวจะเข้าไปในห้อง ตั้งมั่นไว้แล้วว่าจะสอบสวนหญิงสาวผู้นี้โดยละเอียด เพราะนึกไม่ถึงว่านางจะจดจำวิชาสกัดจุดได้ หมายความว่าความทรงจำบางส่วนฟื้นคืนมาบ้างแล้วใช่หรือไม่
และหากหลิ่วเหมียนถังจดจำขึ้นมาได้แต่ไม่คิดหนี เช่นนั้นก็คงตั้งใจจะแฝงตัวอยู่ข้างกายเขาด้วยเจตนาร้าย
หากเป็นเช่นนี้ก็ดี ขอเพียงนางคิดหนีก็จะสามารถไล่ตามสืบเสาะขึ้นไป แอบส่งคนสะกดรอยตามนางไปได้
แต่หากนางคิดลอบสังหาร เขาก็จะมอบโอกาสที่มากพอให้นาง จับนางให้ได้คาหนังคาเขา ถึงเวลานั้นต่างฝ่ายจะได้ข้ามรายละเอียดไร้สาระ สะดวกเวลาไต่สวนเรื่องโจรกบฏจากปากนางมากยิ่งขึ้น…
ชุยสิงโจวเป็นคนตัดสินใจเด็ดขาด จะสอบสวนหญิงสาวผู้นี้อย่างไร ในใจเขาคิดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ทว่าหลังกวาดสายตาเย็นชาเข้าไปในห้องกลับต้องหยุดชะงัก
โฉมงามตรงหน้าดั่งหยกเนื้อเนียน อยู่ในชุดคลุมตัวหลวมสีขาวเรียบ เรือนผมสีดำขลับปล่อยสยาย ส่งผลให้ดวงหน้าแลเล็กลงอีกหลายส่วน โดยเฉพาะท่อนขาที่แช่อยู่ในอ่างไม้ซึ่งเผยออกมา นวลผ่องจนคนไม่อาจละสายตา…
คราวนี้หลิ่วเหมียนถังไม่มีเวลาไปสนใจเช็ดเท้าแล้ว ได้แต่รีบสวมรองเท้า รวบผมยาวเดินเข้าหา ก่อนย่อตัวลงคารวะแล้วเอ่ย “ไม่ทราบว่าสามีจะกลับมาคืนนี้จึงไม่ได้ให้มามาเตรียมอาหารไว้ด้วย ไม่ทราบว่าสามีได้กินอะไรรองท้องมาจากข้างนอกหรือไม่เจ้าคะ”
ท่วงท่าต้อนรับของนางนับว่าเหมาะสม แต่ก็มองออกว่าเพราะขาอ่อนแรงจึงดูงกๆ เงิ่นๆ ไปบ้าง
หลังจากที่นางฟื้นขึ้นมามือเท้าล้วนพิการ คิดอยากคล่องแคล่วเหมือนคนทั่วไปนั้นเป็นไปไม่ได้แล้ว ไม่รู้จริงๆ ว่าเมื่อตอนกลางวันนางจัดการบุรุษตัวโตสามคนให้อยู่หมัดได้อย่างไร
พอหลิ่วเหมียนถังคารวะเสร็จ สามีที่อยู่ตรงหน้ากลับนิ่งเงียบอยู่นาน ด้วยเมื่อกลางวันนางสร้างปัญหาเอาไว้ มีความร้อนตัวอยู่ จึงรีบเงยหน้าขึ้นมองสีหน้าของสามี
ชุยสิงโจวมองสภาพยิ่งปกปิดยิ่งเด่นชัดของนางก่อนปลดเสื้อคลุมออก ดึงเก้าอี้ด้านข้างตัวหนึ่งมานั่งลงแล้วถามเสียงเรียบ “วันนี้ออกไปข้างนอกสนุกหรือไม่”
หลิ่วเหมียนถังคิดว่าคนเรากล้าทำก็ต้องกล้ารับ นับประสาอะไรกับที่นางแทงคนในตรอกเล็กๆ ไปอย่างสาแก่ใจ ทว่ากลับทิ้งปัญหาไว้ให้สามี หลังใจเย็นลงก็เห็นว่านางเป็นคนผิดจริงๆ
ดังนั้นนางจึงเม้มปาก หลังประคองชาถ้วยหนึ่งยื่นให้เขา จึงเล่าเรื่องวันนี้ออกมาอย่างซื่อสัตย์