ซ่อนรักชายาลับ
ทดลองอ่าน ซ่อนรักชายาลับ เล่ม 3 บทที่ 61 – 62
บทที่ 61
หลังได้ยินเฮ่อเฉวียนเซิ่งพูดใส่เช่นนี้คนสูงอายุเหล่านั้นล้วนไม่ยินยอม แต่ละคนตะโกนหน้าแดงคอโป่งว่าถูกใส่ความ พากันเข้าไปล้อมเฮ่อเฉวียนเซิ่งไว้
ดูจากเจตนา เห็นได้ว่าต้องการจะรุมอัดเจ้าเด็กปากเปราะผู้นี้
ความจริงคำพูดเหล่านี้ที่เฮ่อเฉวียนเซิ่งพูดออกไปมีหลิ่วเหมียนถังเป็นผู้สอน ไม่อย่างนั้นคนหนุ่มซื่อๆ จะพูดจาจี้ใจดำเพียงนั้นได้อย่างไร
หลิ่วเหมียนถังเดาได้ว่าท่านเฉาจะมาหาตนเอง ทว่าคิดไม่ถึงว่าเขาจะหน้าด้านกล้าคว่ำโต๊ะ ถึงขั้นจะทำร้ายคนอีกต่างหาก
สีหน้านางบึ้งตึงลงขณะเอ่ยกับท่านเฉาอีกครั้ง “ข้าไว้หน้าท่านแต่ท่านไม่รับไว้! จะต้องให้ข้าพูดออกมาว่าเจ้าของเบื้องหลังกิจการขนส่งทางเรือสกุลเฉาคือท่านใช่หรือไม่ สมัยนั้นท่านอาศัยโอกาสที่ท่านตาข้าป่วยหนักไม่ได้ดูแลกิจการ แอบแยกการขนส่งทางเรือสกุลลู่ออกมา! ท่านกำการค้าไว้มือหนึ่ง อีกมือกลับยังแบขอรับเบี้ยรายเดือนจากสกุลลู่ของพวกเรา ช่างเป็นคนต่ำช้าหน้าด้านเห็นแก่เงิน! ท่านตาข้ายอมให้ท่าน แต่ข้าไม่มีทางยอม! ในเมื่อท่านท้องใหญ่กินผลประโยชน์สกุลลู่ไปมากเพียงนั้น ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะให้ท่านคายของออกมาทีละนิดๆ! ลองกล้าแตะต้องคนของข้าดูสิ!”
พูดกันตามตรงว่ากับหญิงสาวอายุสิบเก้าปีผู้หนึ่ง ซ้ำปกติเวลาอยู่ต่อหน้าผู้อาวุโสยังมีท่าทีอ่อนน้อมอ่อนหวาน บรรดาคนเก่าแก่เหล่านี้ไม่เคยเห็นหลิ่วเหมียนถังอยู่ในสายตาจริงๆ
แต่ในตอนนี้เมื่อหญิงสาวตีหน้าเคร่งเอ่ยเสียงกร้าว กลับให้กลิ่นอายกดดันคนอย่างบอกไม่ถูก ทำเอาบรรดาคนเก่าแก่เหล่านั้นต่างชะงักงันกันไป
ท่านเฉาโดนพูดใส่จนหน้าตึง หลังได้สติกลับมากลายเป็นอับอายจนพาลโกรธ ยกมือขึ้นทำลายข้าวของต่อ
แม้หลิ่วเหมียนถังจะพูดจาหาเรื่องท่านเฉา ทว่าไม่ได้คิดจะลงมือ พอเห็นลูกจ้างด้านหลังนางทำท่าจะพุ่งเข้าไปดึงตัวคน ก็ถูกหลิ่วเหมียนถังห้ามปรามเอาไว้
ขณะนั้นเองมีคนตะโกนขึ้นมาเสียงดังกังวาน “หยุดเดี๋ยวนี้!”
ทุกคนเหลียวหน้ามองไป ล้วนนึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นลู่อู่เดินเข้ามาในสำนักคุ้มภัยด้วยสีหน้ากรุ่นโกรธ
ทันทีที่ท่านเฉาเห็นเขาก็ประหนึ่งเห็นดาวช่วยชีวิต คุกเข่าลงตรงหน้าลู่อู่พลางร่ำไห้ปาดน้ำตา ฟ้องว่ายายหนูเหมียนถังน่าโมโหเพียงใด
แต่ลู่อู่ไม่รอให้เขาพูดจบก็ยกไม้เท้าในมือฟาดใส่ใบหน้าอีกฝ่ายแรงๆ ไปหนหนึ่ง
วรยุทธ์ของลู่อู่ยังคงอยู่ เพียงแค่เจ็บป่วยมาหลายปีจึงส่งผลให้ไม่ค่อยมีแรงนัก แต่วันนี้เขาโมโหเลือดขึ้นหน้า เรี่ยวแรงที่ใช้ออกไปเองก็เต็มเปี่ยม
ท่านเฉาผู้นั้นยามอยู่ต่อหน้าผู้อื่นทำตัวเป็นนายท่าน แต่อยู่ต่อหน้าลู่อู่ไม่ใช่กระทั่งผายลม โดนฟาดจนเซเสียหลักล้มไปนั่งแปะบนพื้น
พวกที่เหลือที่ร่วมด้วยช่วยกันพอเห็นลู่อู่ปรากฏตัวต่างพากันเงียบกริบเป็นจักจั่นจำศีล พูดอะไรไม่ออก
ลู่อู่ให้ความสำคัญกับมิตรภาพจริงๆ แต่เขาเองก็เป็นคนลำเอียง! หลานสาวก็คือเกล็ดย้อนของเขาลู่อู่ ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามแตะต้อง!
ตอนแรกที่เขาได้ยินว่าหลิ่วเหมียนถังรับสำนักคุ้มภัยไปทำต่อก็นึกว่านางแค่อยากเล่นสนุก แล้วก็หาวิธีทำเงินให้กับที่บ้านไปในตัว
แม้เขาจะด่าทอบุตรชายสองคน ทว่าตัดใจต่อว่าหลิ่วเหมียนถังไม่ลงสักคำ เพียงคิดว่าจะหาเจ้าของที่เหมาะสมขายคฤหาสน์ให้ จากนั้นเอาเงินคืนให้หลิ่วเหมียนถังอีกที
นึกไม่ถึงว่าวันนี้กลับมีลูกจ้างสำนักคุ้มภัยมาตามหาเขา บอกว่ามีคนไปก่อเรื่องที่สำนักคุ้มภัย คุณหนูหลิ่วคุมสถานการณ์ไม่ค่อยอยู่แล้ว
ดังนั้นลู่อู่ถึงได้พาบ่าวอาวุโสกับบ่าวรับใช้ที่บ้านรีบเร่งเดินทางมา ไม่คาดว่าจะได้เห็นภาพบรรดาคนเก่าแก่ใช้ความอาวุโสมารังแกหลิ่วเหมียนถังเข้าให้เต็มๆ ตา
เขายังได้ยินคำพูดเหล่านั้นของเฮ่อเฉวียนเซิ่งกับหลิ่วเหมียนถังอย่างครบถ้วน ความจริงเรื่องที่เฉาอู่ขโมยลูกค้าของกิจการทางน้ำของสำนักคุ้มภัยโดยแยกไปเปิดกิจการสกุลเฉาเอง เรื่องนี้ก็มีคนเคยบอกกับเขามานานแล้ว แต่เฉาอู่อ้างว่ากิจการขนส่งทางเรือนั้นเปิดให้หลานชายของตน
ตอนนั้นสุขภาพลู่อู่ไม่สู้ดี มองดูลูกน้องในวันวานร้องห่มร้องไห้ต่อหน้าบอกว่าตนถูกใส่ความ ย่อมต้องเชื่อคำพูดของอีกฝ่าย
ประโยคที่เขาได้ยินในวันนี้หากบุตรชายคนโตพูดให้เขาฟัง เขาจะไม่เต็มใจฟังอย่างยิ่ง เพราะรู้สึกว่าบุตรชายคนโตไม่พอใจว่าคนเก่าแก่กลุ่มนี้เป็นภาระ หาข้ออ้างปล่อยปละไม่สนใจ
แต่พอประโยคนั้นออกมาจากปากทายาทที่หลงเหลืออยู่ของสกุลเฮ่อ กลับฟังดูเป็นความจริงอย่างมาก
มิหนำซ้ำตาเฒ่าเฉาอู่ผู้นี้เวลาอยู่ต่อหน้าตนเองดูซื่อสัตย์ภักดี เวลาอยู่ลับหลังกลับผยองอวดดีถึงเพียงนี้!
ดวงตาที่ถูกปิดมานานของลู่อู่ ในที่สุดก็ค่อยๆ เปิดกว้างขึ้นแล้ว!
เมื่อนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ของเฉาอู่ ท่านผู้เฒ่าลู่เองก็โมโห เอ่ยเสียงดังกังวาน “เฉาอู่ เจ้าเก่งนักก็ไปทำตัวเป็นนายท่านที่อื่นเสีย แต่ว่าภายในห้องโถงนี้ไม่ว่าจะโต๊ะตัวใดก็ไม่ใช่ของเจ้า! หลานสาวข้ามีความสามารถแย่งงานจากปากเจ้าได้ หากเจ้าไม่พอใจก็ไปแสดงฝีมือออกมา อย่ามาก่อเรื่องโวยวายที่นี่! ดูจากพฤติกรรมของ ‘ท่านเฉา’ อย่างเจ้า บวกกับหลานชายที่มีความสามารถของเจ้าแล้ว เดิมทีก็ไม่จำเป็นต้องให้สกุลลู่ของข้าคอยช่วยเหลืออยู่แล้วนี่ นับจากนี้ไปสกุลลู่กับท่านเฉานับว่าหมดหนี้บุญคุณกัน ขอให้วันหน้าท่านเฉาอย่าได้อ้างชื่อข้าลู่อู่อีก!”
ลู่อู่ทำงานมาหลายสิบปี เส้นสายที่สะสมไว้มีมากจนน่าตกใจ กิจการขนส่งทางเรือของท่านเฉาดำเนินกิจการได้ราบรื่นเพียงนี้เป็นเพราะอ้างชื่อว่าเป็นลูกจ้างเก่าแก่ที่ภักดีของสกุลลู่ ยืมชื่อเสียงของผู้คุ้มภัยอาวุโสมาใช้
แต่วันนี้ลู่อู่ประกาศเจตนาตัดขาดกับตาเฒ่าเฉาอู่ออกมาที่นี่ รอบข้างมีคนอยู่มากมายเพียงนี้ เรื่องนี้ไม่อาจปิดบังอยู่ เพียงไม่นานก็จะแพร่กระจายไปทั่ว
ใบหน้าของเฉาอู่ประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวแดง แม้แต่ฝันยังนึกไม่ถึงว่าท่านผู้เฒ่าลู่ที่ป่วยซมไม่เคยออกจากบ้านมานานจะมาปรากฏตัวที่นี่ ทุกวันนี้กิจการของเขาไม่ดี ยังจำเป็นต้องอ้างชื่อสกุลลู่เพื่อใช้เส้นสาย ไม่อาจแตกหักในตอนนี้ได้จริงๆ ดังนั้นจึงเริ่มร้องไห้ บอกว่าตนเองเพียงเลอะเลือนไปชั่ววูบด้วยความโมโห
หลิ่วเหมียนถังกลับเติมน้ำมันใส่ไฟอย่างไม่หนักไม่เบาอยู่ด้านข้าง “อย่างท่านเฉาไม่เรียกเลอะเลือนหรอก ท่านวางอำนาจใส่คนอื่นได้ร้ายกาจจะตาย! พวกลูกเรือที่ท่านแอบซื้อตัวที่ท่าเรือ ให้พวกเขาลอบสับเปลี่ยนลังสินค้าของเรือพวกเราก่อนหน้านี้ถูกคนจับตัวส่งไปที่ว่าการแล้ว พวกเขาสารภาพแล้วว่าหลานชายท่านเป็นคนจ้างวาน ข้าคิดว่าในอีกไม่กี่วันนี้คนของที่ว่าการก็น่าจะไปจับตัวคนแล้ว มิสู้…ท่านเฉากลับไปจัดการธุระก่อนดีกว่า”
ตาเฒ่าเฉาอู่ได้ยินแล้วหน้าเปลี่ยนสี บวกกับความขายขี้หน้า จึงไม่มีเวลามาสนใจรำลึกอดีต เกาะมิตรภาพกับลู่อู่อีก เพียงรีบร้อนกลับไปทันที