บทที่ 62
หลังหลิ่วเหมียนถังอ่านจดหมายจบ นางนั่งดมกลิ่นหอมของดอกไม้ที่โชยรื่นจากบนกระดาษอยู่สักพัก ข้างหูประหนึ่งได้ยินเสียงผึ้งดังหึ่งๆ ลอยมา
คนผู้นั้นก็ช่างเสียสติ ในเมื่อมีแต่ผึ้งเหตุใดถึงยังไปแช่น้ำอีก เขาบอกว่าถูกผึ้งต่อยอยู่หลายครั้ง ไม่รู้ว่าอาการหนักหรือไม่…
รอหลิ่วเหมียนถังรู้สึกตัวว่ามุมปากของตนเองหยักยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว หัวใจก็เย็นวาบ จึงรีบหุบยิ้มลง จากนั้นค่อยๆ ลุกขึ้นจ่อจดหมายเผาในเตาอุ่น
แต่สำหรับดอกเฟิงเหยาแห้งดอกนั้น เดิมนางถือไว้เหนือเตาแล้ว แต่หลังใคร่ครวญยังคงเสียบไว้ในตำราเล่มหนึ่งที่ปกติชอบอ่าน กลิ่นดอกไม้นั้นหอมเกินไป สามารถรมให้หน้าตำราหอมขึ้นมาด้วยเช่นกัน
หลังผ่านเรื่องนี้ความเกียจคร้านก่อนหน้านี้ของนางก็ลดลงไปบ้าง หลิ่วเหมียนถังหวีผมเกล้าผมเรียบร้อย เตรียมจะกินข้าวก่อนค่อยเปลี่ยนชุด
นางตื่นสาย ดังนั้นอาหารเช้าที่กินจึงดูไม่เหมาะสมจะเป็นอาหารเช้าแล้ว นอกจากข้าวต้มหม้อดินหนึ่งชาม ยังมีตับห่านสีชาดหนึ่งจาน ดูท่าสุดท้ายฟั่นหู่ยังคงคิดหาวิธียัดเยียดห่านหิมะเข้าไปในห้องครัวของบ้านสกุลลู่ได้อยู่ดี
หลิ่วเหมียนถังไม่อยากกิน แต่คิดถึงว่าไม่อาจสิ้นเปลืองอาหาร สุดท้ายจึงยังคีบใส่ปาก เป็นรสชาติอร่อยเหมือนเดิมกับในความทรงจำ
หลังรีบกินข้าวต้มหมดไปชามหนึ่ง นางก็ไปตรวจดูบัญชีที่ห้องบัญชีต่อ
แต่ตอนที่เดินไปได้ครึ่งทาง บังเอิญเจอกับท่านป้าสะใภ้รองเฉวียนซื่อที่จะไปตรวจสอบเงินส่วนกลางพอดี เลยเดินไปพร้อมกันกับหลิ่วเหมียนถัง
หลิ่วเหมียนถังมองใบหน้าท่านป้าสะใภ้รองที่โดนไอเย็นกัดจนแดงราวกับยืนหนาวอยู่ในสวนมานานแล้ว
แต่ท่านป้าสะใภ้รองบอกว่า ‘บังเอิญ’ เจอกัน นางเองก็ไม่สะดวกถามว่าท่านป้าสะใภ้รองจงใจมารอตนเองแต่เช้าใช่หรือไม่
เส้นทางไปยังห้องบัญชีไม่นับว่ายาวมาก แต่เฉวียนซื่อคล้ายมีคำถามไม่จบไม่สิ้น เริ่มจากถามว่าหลิ่วเหมียนถังจะไปทำอะไรที่ห้องบัญชี
หลิ่วเหมียนถังตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ บอกเพียงว่าไปช่วยท่านตาดูบัญชีรายจ่ายที่หลายปีมานี้จ่ายให้บรรดาคนเก่าแก่ของสำนักคุ้มภัย ช่วยเรียบเรียงแทนท่านผู้เฒ่าเสียหน่อย
ต่อมาเฉวียนซื่อถามอย่างคลุมเครือต่อว่าหลิ่วเหมียนถังอยากได้บ้านสามีเช่นใด นางมีหลานชายห่างๆ อยู่คนหนึ่ง ฐานะครอบครัวนับว่ามั่นคง นิสัยเองก็ซื่อสัตย์ไว้ใจได้ แค่ว่าก่อนหน้านี้เคยมีภรรยาเอกที่เสียชีวิตไป ดังนั้นคนที่มาเป็นภรรยาเอกคนใหม่จะใช่คุณหนูหรือไม่ เขาไม่ถือสานัก ที่ผ่านมายังไม่เจอใครตรงใจ หากหลิ่วเหมียนถังสนใจสามารถลองพูดกับท่านตานางขึ้นมาได้
หลิ่วเหมียนถังได้ยินเรื่องนี้แล้วหันไปมองท่านป้าสะใภ้รองหนหนึ่ง
เฉวียนซื่อเองก็กำลังยิ้มแย้มมองนาง เพียงแต่สายตาคล้ายแฝงความนัยลึกซึ้ง หลิ่วเหมียนถังไม่ถือสาหากท่านป้าสะใภ้รองจะรู้เรื่องที่ตนเองเคยเป็นสามีภรรยากับใครที่ซีเป่ย แต่ท่านป้าสะใภ้รองยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดสะกิดนาง เช่นนั้นก็ออกจะน่าขันแล้ว
ดังนั้นนางจึงหลุดหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้ “ขอบคุณที่ท่านป้าสะใภ้รองนึกถึงข้า เลือกหาคนที่เหมาะสมเพียงนี้ให้ แต่ข้าไม่อยากรีบแต่งงานจริงๆ ถึงห้องบัญชีแล้ว ข้าขอตัวไปตรวจสอบบัญชีก่อน เชิญท่านป้าสะใภ้รองตามสบายเจ้าค่ะ”
พูดจบนางก็เดินเข้าไปในห้องบัญชี บนโต๊ะเล็กในห้องมีสมุดบัญชีวางรอไว้ให้หลิ่วเหมียนถังตรวจดู
เฉวียนซื่อเห็นหลิ่วเหมียนถังเดินเข้าห้องบัญชีไปโดยไม่แม้แต่หันหน้ากลับมา สีหน้าก็บึ้งตึงไม่น่ามองทันควัน นางพูดจาดีๆ กับยายเด็กนี่ ยายเด็กน่าตายนี่กลับวางท่าทางขึ้นมา!
มิหนำซ้ำทั้งๆ ที่บ้านรองเป็นคนดูแลครอบครัว แต่ตอนนี้พ่อสามีกลับเอ่ยปากบอกให้หลิ่วเหมียนถังเป็นคนดูแลบัญชีแยกของนอกบ้าน นี่นับเป็นเรื่องประเภทใดกัน!
ที่น่าตายที่สุดคือเมื่อวานตอนไปจุดธูปไหว้พระที่วัด ตอนหลังเสิ่นซื่อจากบ้านใหญ่เองก็มาด้วย ซูฮูหยินผู้นั้นเอาแต่คอยสืบข่าวเรื่องหลิ่วเหมียนถังจากเสิ่นซื่อทั้งแบบโจ่งแจ้งและเป็นนัยๆ ทำเอาเฉวียนซื่อได้ยินแล้วอึดอัดใจมาก
ด้วยสาเหตุที่สกุลซูมาหาตนเองนั้นเป็นเพราะได้รับการไหว้วานจากบิดานางให้เอาหีบใบหนึ่งมาให้เฉวียนซื่อด้วย ดังนั้นถึงได้รั้งอยู่ที่นี่หลายวัน
ตอนแรกบิดาเองก็ไม่ได้ตกลงเรื่องหมั้นหมายกับสกุลซูอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ แค่เปิดเผยเจตนาเล็กน้อย ต่อมาก็ต้องดูว่าตอนที่สกุลซูมาเที่ยวซีโจว บุตรสาวของเฉวียนซื่อมีความสามารถพอจะจับบุตรชายสกุลซูได้หรือไม่แล้ว
ในเมื่อไม่ได้พูดจากันแน่ชัด หากซูฮูหยินเปลี่ยนใจไปถูกใจหลิ่วเหมียนถังแทน นั่นเรียกว่าเป็นเรื่องราวประเภทใดกัน!
เมื่อคืนวานเฉวียนซื่อเล่าเรื่องซูฮูหยินให้สามีลู่มู่ฟังอย่างร้อนใจ แต่ลู่มู่กลับไม่แยแส เอ่ยแค่นเสียงว่า ‘นั่นเป็นเพราะนางไม่รู้เรื่องที่หลิ่วเหมียนถังทำ จะต้องขวัญกล้าเพียงใดถึงกล้ารับสะใภ้เช่นนี้เข้าบ้าน!’
เฉวียนซื่อรู้สึกว่าในคำพูดของลู่มู่แฝงความนัยบางอย่าง รีบลุกขึ้นมาสะกิดถามทันที
ลู่มู่รู้ตัวว่าพลั้งปาก แต่เรื่องบนภูเขาหยั่งซานไม่อาจพูดออกไป ดังนั้นเลยเลือกเรื่องที่ไม่สลักสำคัญมาเล่า บอกเพียงว่าตอนที่หลิ่วเหมียนถังสูญเสียความทรงจำเคยถูกคนหลอกไปเป็นสามีภรรยาอยู่สองปี
แต่ตอนที่ลู่เซี่ยนเล่าให้น้องชายฟังก็ไม่ได้บอกว่าฝ่ายบุรุษเป็นใคร ดังนั้นลู่มู่เลยคิดว่าก็แค่ทหารเสเพลในกองทัพนายหนึ่งจึงไม่ได้ติดใจ แค่รู้สึกโมโหแทนหลานสาว รู้สึกว่าเด็กสาวในบ้านถูกผู้อื่นเอาเปรียบ