ซ่อนรักชายาลับ
ทดลองอ่าน ซ่อนรักชายาลับ เล่ม 3 บทที่ 63 – 64
บทที่ 63
จ้าวเฉวียนไม่ได้รู้เรื่องราวเบื้องหลังของสาเหตุที่ชุยสิงโจวกับหลิ่วเหมียนถังแยกย้ายกันชัดเจนนัก
ความวุ่นวายที่ซีเป่ยแก้ไขได้แล้ว ในตอนนี้ราชสำนักกำลังร่วมมือกับธิดาของกษัตริย์เฒ่า ดูจากท่าทีแล้วมีเจตนาจะปราบปรามซีเป่ยให้อยู่ในความสงบ ส่วนชุยสิงโจวเคลื่อนทัพไปที่โยวโจวทว่าเจอเหตุไม่คาดฝันบางอย่าง จึงไม่อาจย้อนกลับมาได้ชั่วคราว
ครั้งนี้ตอนที่เขาไปพบชุยสิงโจวที่โยวโจว ชุยสิงโจวไม่เต็มใจกระทั่งจะยกเรื่องหลิ่วเหมียนถังขึ้นมาพูด เพียงรีบร้อนฝากฝังเรื่องราวบางอย่างกับเขา จากนั้นมอบสมุนไพรดอกอิงกู่ให้แล้วฝากเขาทำออกมาเป็นยาทา ทั้งยังกำชับห้ามไม่ให้จ้าวเฉวียนบอกหลิ่วเหมียนถังว่าตนเองเป็นคนให้เด็ดขาด มิฉะนั้นนางไม่มีทางใช้แน่ แต่ตัวยาก็ไม่อาจเสียเวลา จึงต้องการให้จ้าวเฉวียนอ้างฐานะหมออธิบายถึงความร้ายแรงให้นางฟัง
หลังฝากฝังเสร็จชุยสิงโจวก็ไล่เขาออกมาแล้ว
แต่ในสายตาของจ้าวเฉวียน เขามองว่าชุยสิงโจวทิ้งปัญหาไป เห็นคุณหนูหลิ่วไม่เหลือผลประโยชน์ก็ไม่คิดรับผิดชอบต่อ ยาทากระปุกนี้น่าจะเป็นของชดเชยทางมโนธรรมอย่างหนึ่งมากกว่า
ที่จริงไม่ต้องให้ชุยสิงโจวกำชับเขาก็ไม่มีทางบอกความจริงพวกนี้กับหลิ่วเหมียนถัง แค่มอบยาทาให้คุณหนูหลิ่วเป็นของขวัญแรกพบหน้าของตนเองอย่างสบายใจ
ส่วนเรื่องจริงที่ว่าหลิ่วเหมียนถังเป็นฝ่ายไม่ต้องการชุยสิงโจวเองนั้น จำเป็นต้องใช้ความกล้าหาญในการจินตนาการถึง ซึ่งท่านโหวจ้าวออกจะขาดแคลนในส่วนนี้ ช่วงเวลาสั้นๆ เลยไม่ทันคิดไปทางนี้ สนใจแต่ทุ่มเทดึงดูดความสนใจของหลิ่วเหมียนถังเท่านั้น
หลิ่วเหมียนถังรู้สึกว่าหากจ้าวเฉวียนไม่ใช่ท่านโหว อาศัยคำพูดกะล่อนปลิ้นปล้อนของเขาคงได้ถูกคนกระทืบตายไปหลายครั้งแล้ว
เขายังไม่ทันพูดจบ หลิ่วเหมียนถังก็หยิบเงินสามร้อยตำลึงมาวางบนโต๊ะเก็บเงิน “ท่านไม่บอกราคาค่ายา ข้าก็มอบให้ไปมั่วๆ แล้วกัน หากท่านโหวไม่รับไว้ก็นำยากลับไปเสีย”
จ้าวเฉวียนได้แต่รีบเก็บเงินมา ก่อนกำชับวิธีใช้ยาต่างๆ แล้วถึงได้ออกไปจากสำนักคุ้มภัย
หลังหลิ่วเหมียนถังกลับไป ตกดึกได้ทดลองใช้ยาทากระปุกนี้จริงๆ ทว่าใช้แค่กับมือขวา ค่ำคืนวันนั้นข้อมือก็รู้สึกร้อนขึ้นมา ผิวหนังให้ความรู้สึกเหน็บชาคันๆ ราวกับว่าเส้นเอ็นที่ฝ่อกลับมามีความรู้สึกใหม่อีกครั้งในที่สุด
หลิ่วเหมียนถังนั้นยังนับถือวิชาแพทย์ของจ้าวเฉวียนอยู่มาก หากเขาพูดถูก เช่นนั้นรอผ่านไปไม่นานมือเท้าของตนเองก็จะดีขึ้น ไม่มีทางไร้กำลังอีก
หลิ่วเหมียนถังมีข้อเรียกร้องไม่มาก ไม่ได้หวังให้ฟื้นฟูดังเดิม ขอเพียงใช้ชีวิตประจำวันได้ไม่เหมือนคนพิการก็มากพอแล้ว ดังนั้นหลายวันต่อมาจึงคอยใช้ยาทาอยู่อย่างสม่ำเสมอ
เกี่ยวกับเรื่องแม่ลูกสกุลซู หลิ่วเหมียนถังบอกเรื่องที่นางรู้แก่ท่านตาอย่างอ้อมๆ
ท่านตากลับแค่นเสียงเอ่ย “เรื่องที่เจ้าพูดข้าเคยเตือนเจ้ารองไปนานแล้ว จนใจที่ผู้สูงศักดิ์ท่านนี้มีบิดาแท้ๆ ของท่านป้าสะใภ้รองเจ้าแนะนำมา ท่านป้าสะใภ้รองเจ้าพูดแล้วว่าบิดานางเป็นถึงผู้ว่าการอำเภอ สายตามองคนจะแย่ไปกว่าข้ากับเจ้าหรือ ชิงอิงมีบิดามารดา ไม่จำเป็นต้องให้คนแก่อย่างข้าเป็นห่วง แต่เจ้านี่สิ…ไปรู้จักกับท่านโหวจ้าวได้อย่างไร”
ท่านผู้เฒ่ามีสายตาเฉียบแหลม หลิ่วเหมียนถังรู้ว่าชายชราอย่างท่านตาจะต้องมองพิรุธออกแน่นอน ทว่านางเองก็ไม่ได้ลนลาน แค่เล่าโดยอิงตามสถานการณ์ที่จ้าวเฉวียนพูดออกไปเล็กน้อย
ลู่อู่รู้ว่าหลานสาวเป็นคนมีความคิดของตนเอง หากจู้จี้มากเกินไปจะให้ผลตรงกันข้ามแทน แต่ยังคงเอ่ยเตือนนางอย่างจริงจัง “เด็กน้อย เจ้าไม่ใช่คนที่มองคนแต่ภายนอก ต่อให้เขาเป็นท่านโหวผู้หนึ่งจริงๆ ประตูจวนโหวนั้นก็เข้ายาก เจ้าจะต้องจำคำของมารดาไว้ อย่าได้เห็นแก่ความร่ำรวยสูงศักดิ์ หลงผิดไปชั่ววูบ…”
หลิ่วเหมียนถังเผยยิ้ม “ท่านตาวางใจได้เจ้าค่ะ ระหว่างข้ากับท่านโหวจ้าวไม่มีอะไรกันจริงๆ คนอย่างเขาข้าไม่กล้าปีนป่ายหรอก”
ลู่อู่เห็นหลิ่วเหมียนถังไม่สนใจจริงๆ ในใจก็สบายใจขึ้น
ก็จริง หลิ่วเหมียนถังไม่ใช่ยายหนูบ้านรองคนนั้นที่นึกแต่ไล่ตามจับความร่ำรวย ต่อให้เป็นท่านโหวผู้หนึ่ง หลิ่วเหมียนถังของเขาก็ปฏิบัติด้วยอย่างไม่เย่อหยิ่งไม่ต้อยต่ำอยู่ดี
เพียงแต่หลายวันมานี้ท่านโหวจ้าวผู้นั้นมักหาสารพัดวิธีมาที่บ้านสกุลลู่ โดยเฉพาะทุกครั้งเวลามีแม่สื่อมาสอบถามสถานการณ์ของหลิ่วเหมียนถัง ท่านโหวจ้าวจะเอ่ยแทรกขัดเสมอ ช่างน่ารำคาญจริงๆ
วันพรุ่งนี้เขากำชับให้บ่าวเฝ้าประตูปิดบ้านไม่ต้อนรับแขกแล้ว หากบ้านรองคิดจะจับคนมีอำนาจก็ออกไปจับข้างนอก อย่าได้ชักนำกลิ่นหอมกลิ่นเหม็นเข้ามาในบ้าน
แต่จ้าวเฉวียนไม่ได้รู้ตัวว่าตนทำให้คนรำคาญ ในเมื่อเข้าบ้านสกุลลู่ไม่ได้ เขาก็ตรงไปที่สำนักคุ้มภัยแทน พูดคุยกับหลิ่วเหมียนถังผ่านโต๊ะเก็บเงินก็ดีเหมือนกัน
กระทั่งภายหลังหลิ่วเหมียนถังก็ไปที่สำนักคุ้มภัยน้อยครั้งลงเรื่อยๆ ถึงขั้นที่ท่านโหวจ้าวตามหาตัวคนไม่เจอ
จ้าวเฉวียนหงุดหงิดอย่างมาก เขายังมีงานให้ทำ ไม่อาจรั้งอยู่ซีโจวได้นานนัก หากหลิ่วเหมียนถังเอาแต่หลบหน้าตนเอง เขาจะพูดคุยตกลงกับนางเรื่องรับตัวนางเข้าจวนโหวได้อย่างไร
วันนี้เขาจึงจงใจรออยู่ที่ประตูหลังของบ้านสกุลลู่ ขอเพียงหลิ่วเหมียนถังออกมาก็จะสารภาพความรักที่ตนมีต่อนางอย่างหมดเปลือก
หลายวันมานี้เพื่อหลบเลี่ยงท่านโหว หลิ่วเหมียนถังจึงไม่เคยออกจากบ้านทางประตูหลัก นึกไม่ถึงว่าจ้าวเฉวียนจะเต็มใจยืนรอนางอยู่ตรงประตูหลังที่เต็มไปด้วยถังทิ้งเศษอาหาร ค่อนข้างสกปรก
พอหลิ่วเหมียนถังลองตั้งใจใคร่ครวญ ถึงแม้จ้าวเฉวียนจะร่วมมือกับชุยสิงโจวหลอกตนเอง แต่ท้ายที่สุดจ้าวเฉวียนยังคงมีคุณธรรมของหมอช่วยชีวิตนางไว้
หลิ่วเหมียนถังรู้สึกว่าควรจะเชิญท่านโหวจ้าวไปดื่มชาสักถ้วยด้วยซ้ำ พร้อมพูดกับเขาให้ชัดๆ ไปเลย
นางจึงเชิญท่านโหวไปที่ร้านน้ำชาตรงประตูเมืองฝั่งตะวันออก ประเดี๋ยวนางจะตามไปทันที
รอทั้งสองคนนั่งอยู่ในห้องส่วนตัวของร้านน้ำชา หลิ่วเหมียนถังรินน้ำชาให้จ้าวเฉวียนถ้วยหนึ่ง ก่อนเอ่ยอย่างอ้อมค้อมว่าความรู้สึกที่นางมีให้เขามีแต่ความซาบซึ้งใจไม่มีอย่างอื่น ขอให้ท่านโหวจ้าวอย่าได้ยึดติด ปล่อยวางได้จึงจะดี