ซ่อนรักชายาลับ
ทดลองอ่าน ซ่อนรักชายาลับ เล่ม 3 บทที่ 63 – 64
บทที่ 64
แต่ชุยสิงโจวตะโกนเรียกติดกันอยู่นานก็ไม่เห็นใครเข้ามา เขาเลิกคิ้วถาม “เจ้าจัดการคนไปมากเท่าไร”
หลิ่วเหมียนถังไม่ตอบ นางไม่สะดวกพูดตรงๆ ว่าควันยาสลบตามลมห่อหนึ่งน่าจะทำให้องครักษ์ภายในคฤหาสน์ทั้งหมดสลบไปแล้ว
ต่อมาชุยสิงโจวเดินกะเผลกไปที่ฉากบังลม เขาหยิบชุดคลุมตัวกว้างสำหรับผลัดเปลี่ยนของตนเองมาให้หลิ่วเหมียนถังเปลี่ยน
เมื่อครู่นี้หลิ่วเหมียนถังได้เห็นบาดแผลของเขากับตา บาดแผลบิดเบี้ยวบวมแดงนั้นชวนให้คนเห็นแล้วตื่นตกใจ ซ้ำยังแอบเห็นกระดูกวับแวม มิน่าจ้าวเฉวียนถึงพูดว่าเขามีโอกาสพิการถาวร
ตอนนี้นางเห็นเขาเดินกะเผลกก็รีบดึงมือเขาแล้วเอ่ย “บาดเจ็บเพียงนี้แล้วยังจะเดินส่งเดชได้อย่างไร นั่งลงเสีย ข้าแค่อยากมาส่งยาให้ท่าน ในเมื่อส่งถึงก็จะไปแล้ว…”
พูดจบนางลุกขึ้นเตรียมจากไป กลับถูกฝ่ามือใหญ่ของชุยสิงโจวบีบข้อมือไว้ “บอกแล้วว่าไต่สวนเจ้าเสร็จถึงไปได้ หาไม่ข้าจะไปซีโจวพูดคุยกับท่านตาเจ้าอย่างละเอียด…”
หลิ่วเหมียนถังโมโหจนถลึงตาใส่ “ท่านกล้า?!”
รูปแบบการคบหากันของทั้งสองคนฝังลึกอยู่ในกระดูก สมัยก่อนหลิ่วเหมียนถังคิดอยากตะโกนใส่สามีเมื่อไรก็ไม่เคยจำเป็นต้องยั้งคิด
แต่ตอนนี้ภายในห้องอุ่นอันเงียบสงบ จวบจนตอนที่หลิ่วเหมียนถังเห็นชุยสิงโจวหลุบตามองนาง ถามเสียงเย็นว่า “เจ้าว่าข้าจะกล้าหรือไม่เล่า”
นางถึงค่อยนึกออกว่าเขาไม่ใช่พ่อค้าชุยจิ่ว
ไหวหยางอ๋องผู้ล่าสังหารเผ่าชาวหมานซีเป่ยสามพันลี้ แก้ปัญหาภัยร้ายของราชสำนัก มีอะไรที่ไม่กล้ากัน
คิดมาถึงตรงนี้หลิ่วเหมียนถังเม้มปากไม่พูดอะไรอีก เพียงรับชุดคลุมที่ชุยสิงโจวส่งมาให้แล้วเดินไปเปลี่ยนด้านหลังฉากบังลม
ชุยสิงโจวเดินออกไปจากห้องอุ่น สาดน้ำชาที่เหลือในถ้วยใส่องครักษ์ซึ่งนอนล้มอยู่หน้าประตู
หลังสาดปลุกองครักษ์ขึ้นมาสองคน ก็สั่งเสียงเย็นต่อองครักษ์ที่มีสีหน้างงงวย “ไปหาคนมาปลุกคนอื่นให้หมด แล้วก็อุดรั้วตรงแม่น้ำสายในด้วย ส่งคนไปเฝ้าไว้ให้มากสักหน่อย…อีกอย่างเรียกคนไปต้มน้ำแกงไล่ไอหนาวมาด้วย”
หลังสั่งการทุกอย่างเสร็จ ตอนที่เขาหันกลับเข้ามา หลิ่วเหมียนถังกำลังสวมชุดคลุมตัวหลวมของเขา ใช้ผ้าแห้งเช็ดผมยาวที่ปล่อยสยายเดินออกมาจากหลังฉากบังลม
เดิมทีเป็นชุดคลุมสีขาวตัวหลวมสบายๆ เมื่อสวมใส่บนร่างนาง ยามขยับแขนขาก้าวเดินยังคงเผยให้เห็นทรวดทรงสะโอดสะอง เสน่ห์เย้ายวนแผ่กระจายขึ้นมาทันตา
แน่นอนว่าในความทรงจำที่ค่อนข้างจะยาวนานของชุยสิงโจวมีประสบการณ์ล้ำลึกและละเอียดอ่อนต่อเรือนร่างของหลิ่วเหมียนถัง ยามที่แววตาจับจ้องนาง เรื่องราวในม่านมุ้งเมื่อครั้งอดีตก็ทะลักขึ้นมา ลูกกระเดือกขยับขึ้นลงอย่างห้ามไม่ได้…
หลิ่วเหมียนถังกลับไม่รู้ว่าตนเองสวมชุดคลุมตัวหลวมแล้วดึงดูดสายตาผู้อื่นปานใด นางเพียงคุกเข่าบนพื้นในห้องอุ่น ก้มหน้าลงรอท่านอ๋องสอบสวนแต่โดยดี
เมื่อครู่นี้บาดแผลที่ขาของชุยสิงโจวได้รับการกระทบกระเทือนเข้าแล้วจริงๆ ขณะนี้ความเจ็บปวดกำลังโถมใส่ เขากดข่มความคิดนอกลู่นอกทางเอาไว้ กลับไปนอนบนตั่งนิ่มอีกครั้งแล้วเอ่ยกับนาง “ที่นี่ไม่มีเก้าอี้หรือไร เสแสร้งคุกเข่าอยู่บนพื้นคิดทำอะไร หากเคารพกันจริงๆ บรรดาองครักษ์ของข้าคงไม่มีทางนอนกองบนพื้นกันหมดหรอก”
หลิ่วเหมียนถังเม้มปาก “ข้าได้ยินจากท่านโหวจ้าวมาหมดแล้ว ท่านมอบยาวิเศษทั้งหมดให้ข้า บาดแผลที่ขาของตนเองกลับไร้ทางเยียวยา บุญคุณเช่นนี้เหมียนถังรับไว้ไม่ไหว จึงรีบนำยากลับมาคืนท่าน ขอท่านอ๋องอย่าได้ล้อเล่นกับร่างกายสูงศักดิ์ของตนเอง”
ชุยสิงโจวคาดเดาได้ว่าจ้าวเฉวียนปิดปากไม่สนิท หลุดเผยให้หลิ่วเหมียนถังรับรู้ แต่ยังคงอดขมวดคิ้วเอ่ยไม่ได้ “มิน่าถึงได้เป็นคนว่างงาน ทำเรื่องใหญ่อะไรไม่ได้จริงๆ ด้วย”
เมื่อครู่เขาดูในกระปุกแล้วปริมาณยายังเหลืออยู่มากเพียงนั้น เห็นได้ว่าหลายวันมานี้หลิ่วเหมียนถังไม่ได้ใช้เลย กลับเก็บไว้ให้เขาทั้งหมด ขณะเดียวกับที่โกรธและนึกห่วงใยบาดแผลนาง ภายในใจเขาก็อบอุ่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
พูดกันตามตรงคราวที่หลิ่วเหมียนถังจากไปอย่างเด็ดขาดเพียงนั้น ทำร้ายจิตใจชุยสิงโจวจนย่อยยับจริงๆ
เขาถามตนเองว่าแม้จะหลอกลวงนาง แต่ความรู้สึกต่อนางในภายหลังมีตรงใดบ้างที่เป็นของปลอม แต่นางพูดว่าจะไปก็ไปเลย ไม่เหลือพื้นที่ให้ประนีประนอมกันสักนิด
ตอนนี้มองดูนางเดินทางไกลนำยามามอบให้ ทั้งยังติดที่ศักดิ์ศรีจึงกลับมาข้างกายเขาอย่างลับๆ ล่อๆ ชุยสิงโจวเสมือนได้เห็นแม่นางที่ไล่ตามมาจากตำบลหลิงเฉวียน บอกว่าเป็นตายไม่พรากจาก จะต้องพาเขากลับบ้านให้ได้ผู้นั้นอีกครั้ง
ความทรงจำดีงามผุดขึ้นมาในใจ ต่อให้ขาเจ็บก็ทนได้
คิดมาถึงตรงนี้เขาเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน “ไม่ต้องเป็นห่วงอาการบาดเจ็บที่ขาของข้าหรอก แม้จะดูน่าตกใจไปบ้าง แต่วันหน้ายังหาวิธีรักษาหายได้ เจ้าดูแลตนเองก่อน มือเท้าเจ้าหายดีถึงจะสำคัญ”
ที่ชุยสิงโจวไม่ได้พูดคือบาดแผลที่ขาของเขานั้นเป็นความตั้งใจของเขาเอง
ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่ข่าวเรื่องไทเฮามีเจตนาให้เขาเป็นบุตรเขยลอยมาเข้าหู ชุยสิงโจวได้ยินว่าองค์หญิงผู้นั้นมีนิสัยยโสโอหัง เป็นสายเลือดขัตติยะที่อู๋ไทเฮาทะนุถนอมตามใจมาตั้งแต่เด็ก
ชุยสิงโจวรู้ตัวว่าตนไม่ใช่คนนิสัยดี ยิ่งไม่อยากต้องก้มหน้าเรียกขานตนเป็นกระหม่อม เคารพนอบน้อมทุกเรื่องต่อสตรีผู้หนึ่งในห้องนอนของตนเอง ดังนั้นหญิงงามท่านนี้เขารับไม่ไหว!
แต่ทุกวันนี้ตัวเขาไม่ได้อยู่ในท้องพระโรง ในราชสำนักมักมีคนพูดกระแนะกระแหนเหน็บแนมเขา การปฏิเสธเด็ดขาดไม่ใช่แผนการที่ดี จึงจำเป็นต้องให้ตนลำบากสักหน่อยเพื่อล้มเลิกความตั้งใจของไทเฮาอ้อมๆ
ซ้ำได้ยินว่าบุพเพแต่งงานดีๆ เช่นนี้มีผู้บัญชาการสือเป็นคนส่งเสริมสุดกำลัง เบื้องหลังย่อมมีสุยอ๋องเป็นคนวางแผน ชุยสิงโจวจดบัญชีนี้ไว้ในชื่อสุยอ๋อง จะต้องมีสักวันที่หวนคืนกลับไปให้ทั้งหมดอย่างแน่นอน!