ซ่อนรักชายาลับ
ทดลองอ่าน ซ่อนรักชายาลับ เล่ม 3 บทที่ 63 – 64
บัดนี้นางยากจะอดกลั้นไว้ได้อีก สุดท้ายก็ระเบิดออกมา “ข้าน้อยไม่เข้าใจแล้ว ท่านอ๋องยังจะต้องคิดอะไรอีก คิดว่าท่านเสียเปรียบตรงที่ใดหรือ แม้ข้าน้อยจะมือไม้งุ่มง่าม แต่ตอนนั้นที่ปรนนิบัติท่านอ๋องก็นับว่าทำอย่างขยันขันแข็งจริงหรือไม่ ต่อให้ข้าน้อยรูปโฉมไม่น่ามอง ไม่คู่ควรแตะต้องกายสูงศักดิ์ของท่านอ๋อง ให้ท่านอ๋องดื่มสุราบำรุงฤทธิ์แรง เสียตัวให้ข้าน้อย นั่นเป็นความผิดของข้าน้อยเอง แต่ตอนหลังเห็นท่านอ๋องลุกจากเตียงไม่ไหว ก็…ก็ไม่ได้ดูฝืนใจนี่ ในเมื่อไม่ได้เสียเปรียบ ท่านอ๋องจะพอเข้าใจและเลิกถือสาหาความข้าน้อยในเรื่องเล็กน้อยเหล่านั้นได้หรือไม่”
ชุยสิงโจวเอ่ยหน้าตึง “ใช่เพียงเรื่องเล็กน้อยที่ใดกัน ไฉนเลยจะมีหญิงสาวเยี่ยงเจ้า รู้ว่าเสียตัวให้ข้ากลับเอาแต่คิดจะแต่งให้ผู้อื่น! นี่ใช่เรื่องหรือ เจ้ารู้ดีทุกเรื่อง กลับเอาแต่กลัวตนเองเสียเปรียบ คิดม้วนเสื่อหนีไป เช่นนี้ไม่ใช่บังคับให้ข้าแต่งเจ้าเป็นภรรยาเอกหรอกหรือ”
หลิ่วเหมียนถังถูกคำพูดเขายั่วโมโหก็ยกนิ้วสาบานต่อฟ้าทันที “ข้า! หลิ่วเหมียนถัง! ขอสาบานต่อฟ้า ชาตินี้ต่อให้บุรุษตายไปหมดทั้งใต้หล้า ข้าก็ไม่มีทางคิดแต่งให้กับ…อือๆ…”
หลิ่วเหมียนถังยังไม่ทันเอ่ยคำสาบานร้ายแรงจบก็ถูกชุยสิงโจวปิดปากไว้ก่อน
เขาลืมไปว่าปากของหญิงสาวผู้นี้อำมหิตเพียงใด ประโยคตัดรอนเช่นนี้ก็พูดออกมาได้!
ชั่วขณะหนึ่งริมฝีปากกับลิ้นของทั้งสองคนพัวพันกันอีกครั้ง รอผละจากกันหลิ่วเหมียนถังก็หอบน้อยๆ ทว่าไม่พูดอะไรอีก เพียงหันกลับไปนอนลงเงียบๆ หันหลังใส่ชุยสิงโจว
ชุยสิงโจวกอดเอวคอดกิ่วของนางแน่น ดึงตัวนางเข้ามาใกล้เล็กน้อยพร้อมเอ่ย “ตอนนั้นพวกเราแยกกันรีบร้อนเกินไป เจ้าคิดเสียว่าข้าเสียใจภายหลังแล้ว ไม่ว่าวันหน้าพวกเราจะคืนดีหรือเลิกรา จำต้องให้เวลากันบ้าง ทางด้านข้าใกล้จัดการงานเรียบร้อย รอเดินทางเข้าเมืองหลวงเมื่อไรจะผ่านทางซีโจว ถึงเวลาข้าไปคารวะท่านตาเจ้าดีหรือไม่”
หลิ่วเหมียนถังถูกเขาดึงตัวหันกลับไปมองบุรุษตรงหน้า
พูดกันอย่างไม่มีอคติ เขารูปโฉมหล่อเหลาจริงๆ ไม่ใช่เพียงความหล่อเหลาระดับทั่วไป แต่เป็นกลิ่นอายสง่างามสูงศักดิ์ บรรยากาศกดดันผู้คนจากภายใน
เคยผ่านบุรุษรูปงามเช่นนี้มาแล้ว พอเห็นผู้อื่นก็รู้สึกไม่ต่างจากเคี้ยวเทียน
แต่หลิ่วเหมียนถังไม่อยากเกี่ยวพันกับเขาอีกต่อไป นางเอ่ยตามตรง “สุขภาพของท่านตาข้าไม่ดี ไม่อาจโกรธได้ ขอท่านอ๋องอย่าได้ไปรบกวนเขาเลย นอกจากนี้ข้าไม่ใช่สตรีที่ประตูใหญ่ไม่ออกประตูเล็กไม่ข้าม* โง่งมขลาดเขลา ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรทั้งนั้น แค่ท่านพูดไม่กี่ประโยคก็ยอมเป็นคนรักนอกจวนให้ท่าน หากข้าเป็นสตรีสูงศักดิ์หรือองค์หญิงก็สามารถทำเหมือนที่ท่านอ๋องบอก ค่อยๆ เลิกรากับท่านได้ อย่างมากแค่ถือเสียว่าเลี้ยงบุรุษไว้ฆ่าเวลาเล่น แต่น่าเสียดายที่ข้าเป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่อาจทำตัวตามอำเภอใจ แล้วก็ทำตัวติดพันกับท่านอ๋องไม่ได้ด้วย…”
ชุยสิงโจวโมโหกับคำว่า ‘เลี้ยงบุรุษ’ นิดๆ ชำเลืองตามองนางแล้วถาม “นึกไม่ถึงว่าปณิธานเจ้าจะยิ่งใหญ่น่าดู เลี้ยงดูอย่างไรกัน”
หลิ่วเหมียนถังไม่อยากทะเลาะกับเขา นางลงจากเตียง ลูบชุดของตนเองที่อังเตาอุ่นจนแห้งพอสมควร แล้วเดินเข้าไปเปลี่ยนหลังฉากกั้น จากนั้นชะโงกหน้ามาถามเขา “ประเดี๋ยวให้ข้ารอถูกคนจับตัวไปเข้าคุก หรือให้ข้าว่ายกลับออกไปอีกที”
ชุยสิงโจวถลึงตามองนางอยู่นานโดยไม่พูดอะไร ในตอนที่หลิ่วเหมียนถังหลงคิดว่าเขาจะเรียกคนมาจับตัวนางส่งออกไปถึงได้เอ่ยปาก “ในเมื่อเจ้ามาที่นี่แล้วก็ทำตัวเป็นคนดีให้ถึงที่สุดสิ ขาข้าเจ็บมาก พวกสาวใช้ที่จ้างมามือไม้งุ่มง่ามกันทั้งนั้น เจ้าอยู่ดูแลข้าสักพัก รอเดินทางกลับเมืองหลวงเมื่อไรข้าจะพาเจ้าไปส่งซีโจวด้วย…ถ้าไม่อย่างนั้นเจ้าก็นั่งเกวียนนักโทษกลับไป!”
ประโยคนี้นับว่าจับหลิ่วเหมียนถังขังตายไว้ในคฤหาสน์หลังนี้แล้ว
แต่บอกให้หลิ่วเหมียนถังดูแลชุยสิงโจว มิสู้พูดว่าให้เขาจับตาดูสถานการณ์การใช้ยาของนาง หลังทายากระปุกนั้นอย่างสม่ำเสมอ เส้นเอ็นมือเท้าที่ฝ่อลงของหลิ่วเหมียนถังก็ดูดีขึ้นไม่น้อยจริงๆ
ข้างกายชุยสิงโจวมีท่านหมอยุทธภพอยู่คนหนึ่ง ดูอายุมากแล้ว ไม่รู้ว่าชุยสิงโจวไปเชิญตัวมาจากที่ใด ถือเป็นผู้มีความสามารถ ได้ยินว่าสมุนไพรในยาทาของหลิ่วเหมียนถังก็เป็นท่านหมอผู้นี้หามาได้
ตอนที่เส้นเอ็นมือเท้าของหลิ่วเหมียนถังงอกกลับมาอีกครั้ง ท่านหมอก็ใช้เข็มเงินช่วยกระตุ้นเส้นเอ็นให้พวกมันค่อยๆ เชื่อมต่อกัน
รอเชื่อมเส้นเอ็นเสร็จบริเวณมือเท้าล้วนเข้าเฝือกไม้ไว้ ป้องกันไม่ให้หลิ่วเหมียนถังขยับตัวสุ่มสี่สุ่มห้า
วันๆ หลิ่วเหมียนถังนอนว่างในสภาพเช่นนี้ มีหลี่มามาคอยทำอาหารนานาชนิดเลี้ยงดู เนื้อหนังที่ผอมลงไปในช่วงหลายวันมานี้กลับชดเชยคืนมาหมดแล้ว
ส่วนเรื่องทางสำนักคุ้มภัย หลิ่วเหมียนถังติดต่อลูกจ้างของสำนักคุ้มภัยให้พวกเขานำสมุดบัญชีมาส่งที่โรงเตี๊ยมของโยวโจว จากนั้นให้ฟางเซียส่งมาที่คฤหาสน์อีกที
แต่เพราะดามไม้เอาไว้ เวลาดีดลูกคิดมือเท้าจึงไม่ค่อยคล่องแคล่วนัก
ชุยสิงโจวเห็นนางดีดลูกคิดอย่างเงอะงะก็ยื่นมือไปแย่งลูกคิดมา นิ้วยาวขยับเคลื่อนรวดเร็ว ดีดลูกคิดราวกับพิณโบราณ ลื่นไหลคล่องแคล่วเป็นเสียงดังแต๊กๆ
เวลาครู่เดียวก็จัดการบัญชีให้นางเสร็จเรียบร้อย
หลิ่วเหมียนถังถามเขาอย่างแปลกใจว่าฝึกฝนจนเก่งเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใด แต่ชุยสิงโจวกลับถลึงตาใส่นางแล้วไม่ยอมตอบ
มีเพียงเรื่องเดียวที่ทำให้หลิ่วเหมียนถังวางใจไม่ลง ในเมื่อท่านหมอชราผู้นั้นฝีมือสูงส่งเพียงนั้น แต่เหตุใดขาของชุยสิงโจวจึงไม่เห็นจะหายเสียที
ช่วงนี้เขาสั่งให้ช่างไม้สร้างเก้าอี้ติดล้อเคลือบสีดำขลับออกมาตัวหนึ่ง เวลาเดินเล่นในลานเรือนก็จะนั่งบนเก้าอี้นี้ ให้หลิ่วเหมียนถังเข็นให้
หลิ่วเหมียนถังเข็นรถเข็นจนรู้สึกหดหู่ใจ “ท่านไม่ได้บอกว่าไม่เป็นไรหรือ ไฉนถึงนั่งรถเข็นแล้วเล่า หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ให้ตายข้าก็ไม่มีทางใช้ยานั่นหรอก! ดอกอิงกู่นั่นอยู่ที่ใด ข้าจะออกไปหามาให้ท่าน!”
แต่ชุยสิงโจวไม่ตอบ จนกระทั่งถึงเวลากินข้าว หลังเขาไล่บรรดาสาวใช้ออกไปจนเหลือเพียงพวกเขาสองคนภายในห้อง เขาถึงได้เอ่ย “ความจริงขาข้าอาการดีขึ้นมากแล้วจริงๆ เพียงแต่ทางราชสำนักเร่งให้ข้าเข้าเมืองหลวงตลอดเวลา ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ดีในการเข้าเมืองหลวง สามารถถ่วงเวลาได้ก็ถ่วงเวลาอีกสักหน่อย”
ในช่วงแรกแผลของชุยสิงโจวดูน่าตกใจมาก เกือบจะเห็นกระดูกอยู่แล้ว แต่ตอนนี้บาดแผลเริ่มสมานกัน มีเนื้อใหม่งอกออกมา ดูดีขึ้นมากแล้ว
พูดกันตามตรงหลิ่วเหมียนถังเริ่มสงสัยว่าบาดแผลในตอนแรกของเขาคล้ายจะเกินจริงไปสักหน่อย ตอนนี้ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ยิ่งยืนยันความคิดในใจนาง
ดังนั้นนางจึงมองตาเขาพลางถาม “ท่านไม่อยากอภิเษกสมรสกับองค์หญิงถึงได้จงใจทำให้ตนเองบาดเจ็บ?”
ชุยสิงโจวไม่ตอบ ทว่านี่ก็เทียบเท่ากับยอมรับคำพูดของนางเงียบๆ
ในใจหลิ่วเหมียนถังรู้สึกโกรธ เขาอุตสาหะปลอมจนเหมือนคนพิการเพียงนี้ หากรู้แต่แรกนางไม่มีทางมาที่นี่ด้วยตนเองหรอก ผลปรากฏว่ายังถูกเขาขู่เข็ญอีกต่างหาก!
มิหนำซ้ำ…กระทั่งองค์หญิงเขายังไม่เห็นในสายตา ไม่รู้ว่าอนาคตจะแต่งงานกับคนเช่นไร
ชั่วขณะนั้นหลิ่วเหมียนถังคิดว้าวุ่นเหลวไหล เอ่ยปากถาม “อีกไม่กี่วันข้าก็ถอดไม้ดามออกได้แล้ว ไม่ทราบว่าท่านอ๋องยังต้องการรั้งตัวข้าไว้อีกนานเพียงใดเจ้าคะ”
ชุยสิงโจวยื่นมือไปคีบกุ้งทอดตัวหนึ่งใส่ถ้วยหลิ่วเหมียนถัง “ท่านลุงใหญ่ของเจ้ามาโยวโจวได้สักพักแล้ว วันนี้มีเวลาว่างพอดี ข้าเลยส่งคนไปเชิญเขามา จะได้กินอาหารกลางวันด้วยกันกับเขา”
ที่แท้ลู่เซี่ยนไล่ตามหาหลิ่วเหมียนถังมาจนถึงโยวโจวแล้ว
หลิ่วเหมียนถังได้ยินเข้าก็วางถ้วยลงแล้วเอ่ย “ท่านอ๋องเชิญตัวเขามาด้วยเรื่องใด ท่านมีธุระมากมาย อย่าได้เสียเวลาอีกเลย…ข้ากลับไปกับท่านลุงใหญ่ก็พอ”
แต่ชุยสิงโจวไม่สนใจนาง สั่งให้คนไปเชิญตัวลู่เซี่ยนมาอยู่ดี
หลิ่วเหมียนถังชักร้อนใจ ขมวดคิ้วถาม “ท่านตั้งใจจะทำอะไรกันแน่”
ชุยสิงโจวคุ้นชินกับนิสัยประเดี๋ยวแสร้งทำตัวนอบน้อมประเดี๋ยวไร้มารยาทของนางแล้ว ยามนี้เขาเพียงเลิกคิ้วเอ่ย “เจ้าให้ข้าอย่าลงโทษพวกฟั่นหู่ ข้าก็อุตส่าห์ทำตามที่เจ้าต้องการแล้ว นี่ข้าแค่จะเจอท่านลุงใหญ่เจ้า เจ้ากลับทำหน้าบึ้งใส่ข้า! ไร้กฎเกณฑ์มารยาท วันพรุ่งนี้ไปเรียนรู้มารยาทกับหลี่มามาอีกทีเสีย”
หลิ่วเหมียนถังเห็นเขาวางท่าเป็นท่านอ๋องก็ข่มโทสะไว้ คุกเข่าลงเอ่ย “เรียนถามท่านอ๋อง ท่านจะพบท่านลุงใหญ่ข้าไปไยเจ้าคะ”
ชุยสิงโจวเลิกคิ้วเอ่ย “ก็แค่กำชับเขาว่าหลังพาเจ้ากลับไปอย่าเพิ่งใจร้อนหมั้นหมายให้เจ้า ไม่อย่างนั้นข้าจะพาทหารหนึ่งแสนนายไปถล่มถึงซีโจวให้เจ้าดู!”
ขณะที่ทางลู่เซี่ยนไล่ตามมาถึงโรงเตี๊ยมของโยวโจวโดยไม่ทันพักหอบหายใจ ก็เจอเพียงสาวใช้สองคน ไม่เห็นตัวหลิ่วเหมียนถัง
พอถามโดยละเอียดถึงได้รู้ว่าหลิ่วเหมียนถังถูกกักตัวอยู่ในคฤหาสน์น้ำพุร้อนที่พักชั่วคราวของไหวหยางอ๋อง
ลู่เซี่ยนได้ยินแล้วร้อนใจจนขยี้เท้า…หาเรื่องตายจริงๆ! เหตุใดศัตรูคู่อาฆาต คู่เวรคู่กรรมสองคนนี้ถึงได้ไปอยู่ด้วยกันอีกแล้วเล่า
* ประตูใหญ่ไม่ออกประตูเล็กไม่ข้าม เป็นสำนวน หมายถึงธรรมเนียมของหญิงสาวสมัยโบราณที่ไม่ออกไปเตร็ดเตร่นอกบ้าน และไม่เปิดรับแขกเข้ามาถึงเรือน
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 8 ม.ค. 66 เวลา 12.00 น.