ซ่อนรักชายาลับ
ทดลองอ่าน ซ่อนรักชายาลับ เล่ม 3 บทที่ 65-66
บทที่ 65
ลู่เซี่ยนร้อนใจแทบไฟไหม้ ทว่าความทุกข์ในใจนี้กลับไม่อาจระบายปรึกษากับใคร ตอนที่คนของไหวหยางอ๋องมาเรียกตัวเขาก็ได้แต่บากหน้าไปหา
ครั้งนี้เข้าพบไหวหยางอ๋อง ไม่ใช่สภาพงานเลี้ยงเล็กๆ ในครอบครัวอย่างครั้งก่อนอีก ท่านอ๋องนั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือที่เต็มไปด้วยกองเอกสาร สวมกวนหยกเข็มขัดทอง กำลังก้มหน้าตรวจแก้เอกสารด้วยท่าทางมีสมาธิตั้งอกตั้งใจ
ลู่เซี่ยนเข้าไปแล้วคุกเข่าคารวะท่านอ๋องก่อน หลังผ่านไปนานก็ยังไม่เห็นไหวหยางอ๋องเงยหน้าขึ้น ได้แต่คุกเข่าอยู่อย่างนั้นด้วยความกระวนกระวายใจ
จวบจนครึ่งค่อนวันไหวหยางอ๋องถึงเงยหน้าเอ่ยนิ่งๆ “เหตุใดท่านลู่ยังคุกเข่าอยู่อีก รีบลุกขึ้นมาเร็วเข้า”
ลู่เซี่ยนรู้ว่าไหวหยางอ๋องกำลังวางอำนาจใส่เขา แต่ต่อหน้าท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ระดับนี้ ชาวบ้านทั่วไปอย่างเขานับเป็นอะไรกัน ได้แต่รีบเอ่ยขอบคุณโดยไม่กล้าลุกขึ้นมาจริงๆ
ชุยสิงโจวโบกมือ ให้โม่หรูยกเก้าอี้ตัวหนึ่งมาให้ลู่เซี่ยนนั่งลง
ลู่เซี่ยนถึงได้ลุกขึ้นแล้วหย่อนก้นนั่งลงตรงขอบเก้าอี้อย่างอึดอัด
ชุยสิงโจวถามอย่างสนิทสนมว่าบาดแผลก่อนหน้านี้ของลู่เซี่ยนเป็นอย่างไรบ้างแล้ว ทั้งยังถามว่าท่านผู้เฒ่าลู่สุขภาพแข็งแรงดีหรือไม่
รอพูดคุยเรื่องจิปาถะในบ้านจนแทบไม่เหลืออะไรให้คุยอีก ลู่เซี่ยนจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อนอย่างทนไม่ไหว “หลานสาวของข้าน้อยไม่รู้ความ มารบกวนท่านอ๋องอยู่นาน วันนี้ข้าน้อยจะพานางกลับไปทันทีจะได้ไม่เสียเวลาพักผ่อนของท่านอ๋อง”
ชุยสิงโจวยิ้มน้อยๆ “นางเป็นห่วงบาดแผลที่ขาของข้าถึงได้มาหา ไม่นับเป็นการรบกวนอะไร อีกอย่างข้าเลี้ยงดูนางก็ไม่ใช่เพียงวันสองวันแล้ว แค่ไม่กี่วันนี้ไม่นับเป็นอันใดได้…”
ประโยคเช่นนี้ได้ยินแล้วทำให้ไม่รู้ว่าควรจะต่อความอย่างไรดี ลู่เซี่ยนกัดฟันไม่ต่อความ แต่เอ่ยว่า “หากไม่มีอะไร ข้าน้อยขอตัวลา พาหลานสาวกลับไปก่อนแล้ว”
ชุยสิงโจวนั่งพิงเก้าอี้ นิ้วยาวเคาะโต๊ะขณะเอ่ย “ได้ยินว่าระยะนี้ที่บ้านสกุลลู่มีแม่สื่อไปเยือนไม่ขาดสาย ท่านลู่รีบร้อนกลับไปเช่นนี้ ตั้งใจจะดูตัวให้เหมียนถังต่อไปหรือ”
ลู่เซี่ยนตกใจ ทั้งยังประหลาดใจที่ไหวหยางอ๋องรู้เรื่องราวความเคลื่อนไหวของบ้านสกุลลู่ เขาคาดเดาเจตนาของไหวหยางอ๋องไม่ออกจึงเอ่ยเสียงเบา “มิใช่เช่นนั้น เพียงกลัวว่าผู้อาวุโสที่บ้านจะร้อนใจ…”
ชุยสิงโจวผงกศีรษะ “เช่นนั้นก็ดี ผู้อื่นไม่ทราบ ทว่าท่านลู่ทราบดีว่าระหว่างเหมียนถังกับข้าขาดเพียงกราบไหว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยาเท่านั้น สายสัมพันธ์สามีภรรยาสองปีใช่อะไรที่บอกให้ลืมก็ลืมได้ที่ใดกัน นางอยู่ที่บ้านสกุลลู่อย่างว่าง่ายยังดี แต่หากให้นางแต่งงานไปเงียบๆ โดยไม่บอกไม่กล่าว จะให้ข้าเอาศักดิ์ศรีไปวางไว้ที่ใด”
ลู่เซี่ยนเป็นคนพูดไม่เก่ง แม้จะรู้สึกว่าคำพูดของไหวหยางอ๋องออกจะเหลวไหล ทว่าในเวลาอันสั้นกลับไม่รู้ว่าควรโต้แย้งอย่างไร กอปรกับท่านอ๋องเอ่ยด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจจนทำให้ฟังดูมีเหตุผลอยู่บ้าง
แต่..อิงตามความหมายของเขา หลิ่วเหมียนถังมิใช่ว่าต้องเป็นหญิงทึนทึกแต่งงานไม่ได้อีกแล้วหรือ
ลู่เซี่ยนจึงรวบรวมความกล้าเอ่ย “การแต่งงานของเหมียนถัง ข้าน้อยเองก็ตัดสินใจไม่ได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผู้อาวุโสที่บ้าน ท่านอ๋องเองก็พูดแล้วว่าเหมียนถังกับท่านไม่ใช่คู่สามีภรรยาที่ผ่านการกราบไหว้ฟ้าดิน พูดให้ไม่น่าฟังสักหน่อยก็คือ…ลักลอบคบกัน ไม่ว่าไปอยู่ที่ใดมาก็ไม่นับ ตอนแรกท่านอ๋องก็ส่งเหมียนถังกลับบ้าน นับจากนี้มีอิสระในการแต่งงาน ทั้งสองคนไม่ติดค้างกันแล้วมิใช่หรือขอรับ”
ชุยสิงโจวขมวดคิ้วเอ่ยเสียงเย็น “ท่านเป็นผู้อาวุโสของเหมียนถัง เหตุใดจึงสาดน้ำสกปรกใส่คุณหนูบ้านตนเองเช่นนี้ นับประสาอะไรกับที่เหมียนถังเป็นคนดีมาก หากรู้ว่าท่านพูดถึงนางเช่นนี้มิใช่จะเสียใจหรือ อีกอย่างท่านรู้ทั้งรู้ว่านางเคยเป็นคนของข้า กลับตั้งใจจะยกนางให้บุรุษอื่นเช่นนี้ นี่ท่านตั้งใจจะทำอันใด หากสามีในอนาคตของนางรับรู้เรื่องนี้เข้าจะสร้างความลำบากให้นางอย่างไรอีก”
ลู่เซี่ยนย่อมรู้ถึงความลำบากในตอนนี้ของหลิ่วเหมียนถัง แต่ต่อให้บุรุษทั้งโลกตายไป หลิ่วเหมียนถังก็ไม่อาจแต่งให้ไหวหยางอ๋องอยู่ดี!
หากในวันหน้าชุยสิงโจวได้รู้เรื่องที่หลิ่วเหมียนถังเคยทำในอดีต…แค่คิดขึ้นมาลู่เซี่ยนก็หลั่งเหงื่อเย็นเต็มหน้าผากแล้ว
แต่เรื่องโต้คารมเขาไม่อาจพูดเอาชนะไหวหยางอ๋องได้ ขณะนั้นจึงร้อนใจจนเผยกลิ่นอายชาวยุทธ์ จ้องตาพลางถาม “เช่นนั้นความหมายของท่านอ๋องคือจะให้เหมียนถังของข้าน้อยเสียเวลาจนตายหรือ”
ชุยสิงโจวโบกมือสั่งโม่หรูรินน้ำชาให้ลู่เซี่ยนอีกถ้วย “ดูท่านลู่พูดเข้าสิ เหมียนถังแค่ทะเลาะกับข้าเฉยๆ นางคงไม่อาจเอาแต่ทำตัวตามอารมณ์ ไม่สนใจข้าตลอดไปกระมัง เพียงแต่ตอนนี้ข้ายุ่งกับงาน ไม่มีเวลามาจัดการเรื่องนี้ แต่หากตอนที่ข้ากำลังทุ่มเทชีวิตเพื่อบ้านเมือง กลับถูกคนเล่นงานทำให้เสียสตรีของตนเองไป ต่อให้ข้าลงไปอยู่ยมโลกก็จะไม่ยอมปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแน่!”
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เรียกว่าตัดสินบทสรุปให้แล้ว ความหมายโดยคร่าวๆ คือคนสามารถพาไปได้ ทว่าห้ามแต่งงาน!
หลังลู่เซี่ยนออกมาจากห้องหนังสือของไหวหยางอ๋อง โม่หรูพาเขาไปยังเรือนแยกแห่งหนึ่งของคฤหาสน์ ทันทีที่เขาเข้าไปในเรือนก็ได้เห็นหลิ่วเหมียนถังกำลังถอดไม้ดามมือเท้าออก
หลายวันมานี้มือเท้าของนางมีเรี่ยวแรงกว่าแต่ก่อนมากนัก แม้ไม่อาจแข็งแรงเทียบเท่าสมัยก่อน แต่ใช้ชีวิตประจำวันได้ไม่เป็นปัญหา
เพียงแต่กลัวว่าเส้นเอ็นจะเคลื่อนอีกถึงได้ดามไม้ไว้ตลอดเวลา ตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว ใส่ไม้ดามจะเคลื่อนไหวไม่สะดวก นางเลยถอดไม้ดามออกก่อนเสียเลย
ลู่เซี่ยนไม่มีเวลาสนใจถามไถ่เรื่องมือเท้าของหลิ่วเหมียนถัง เขาเอ่ยอย่างร้อนใจ “เหตุใดเจ้ามาอยู่กับเขาอีกแล้วเล่า เจ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อครู่นี้เขาพูดอะไรกับข้า”
หลิ่วเหมียนถังสั่งให้สาวใช้ที่ปรนนิบัตินางออกไปก่อน รอภายในห้องไม่มีใครแล้วถึงได้เอ่ยกับท่านลุงใหญ่ “ไม่ว่าท่านอ๋องจะพูดอะไรท่านแค่คิดเสียว่าเขาผายลมก็พอ ข้าให้ปี้เฉ่ากับฟางเซียเก็บสัมภาระเรียบร้อยแล้ว สามารถเดินทางกลับซีโจวได้ทุกเมื่อเจ้าค่ะ”
ลู่เซี่ยนตบตัก “แต่เขาเป็นไหวหยางอ๋องนะ! สำหรับชาวบ้านอย่างพวกเรา หนึ่งประโยคของเขาเท่ากับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ พวกเราจะเห็นเป็นการผายลมได้อย่างไร เขา…เขาหมายห้ามไม่ให้เจ้าแต่งกับคนอื่น!”
หลิ่วเหมียนถังฟังคำพูดผยองอวดดีของชุยสิงโจวมานานแล้ว ไม่รู้สึกเหนือความคาดหมาย เพียงพับเสื้อผ้าไปพลางอธิบายกับท่านลุงใหญ่ด้วยสีหน้าสบายๆ “เขาก็แค่พยายามรักษาศักดิ์ศรีตนเอง ตอนอยู่ที่ด่านอู่หนิงข้าไม่ควรกลับไปก่อน รอเขาเอ่ยปากไล่ก็ดีไปแล้ว ตอนนี้ท่านอ๋องเสียศักดิ์ศรี รับไม่ได้ที่ตนเองถูกทิ้งก่อน จึงต้องการเรียกศักดิ์ศรีกลับมา เขาเองก็อายุไม่น้อยแล้ว รอสงครามที่ซีเป่ยจบลง มารดาเขาย่อมจัดการเรื่องแต่งงานให้เขา พอเขาแต่งภรรยามีบุตรเมื่อไร ไฉนเลยจะว่างมาสนใจคนอื่นอีก”
หลิ่วเหมียนถังพูดอย่างผ่อนคลาย แต่ลู่เซี่ยนกลับรู้สึกว่าคำพูดของชุยสิงโจวไม่คล้ายกำลังล้อเล่น “อย่างนั้นหากเขาเอาแต่คิดถึงเจ้า เจ้าก็จะไม่แต่งงาน? หลายวันมานี้เจ้ากับเขา…”
มีบางเรื่องที่คนเป็นลุงไม่อาจจะถามไถ่จริงๆ ลู่เซี่ยนร้อนใจจนหนวดกระดิก
หลิ่วเหมียนถังกลับช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้ท่านลุงใหญ่อย่างเข้าอกเข้าใจ “ในเมื่อข้ารู้ว่าเขาไม่ใช่สามีข้า ย่อมไม่มีทางร่วมห้องกับเขาอีก ตอนนี้แค่ให้เวลาทำใจกับเขา ค่อยๆ แยกจากกันเท่านั้น”
สมัยนั้นลู่เซี่ยนแต่งภรรยาตามคำสั่งของบิดามารดา เกี่ยวกับเรื่องความรักชายหญิงที่คบๆ เลิกๆ พวกนี้ นั่นเป็นเรื่องที่แม้แต่ได้ยินยังไม่เคยได้ยินมาก่อน
แต่ตอนนี้หลิ่วเหมียนถังมีท่าทีใจเย็นสบายใจก็ให้รู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ได้ร้ายแรงขนาดที่เขาคิด แต่จะให้หลิ่วเหมียนถังไม่แต่งงาน…
“แล้วถ้าหากเขาไม่แต่งงานเสียที เจ้ามิใช่จะหาบ้านสามีไม่ได้หรอกหรือ สตรีไม่เหมือนบุรุษ ไม่อาจเสียเวลาได้นะ!”
หลิ่วเหมียนถังกลับยิ้มน้อยๆ “ท่านลุงใหญ่คิดมากไปแล้วจริงๆ หากเป็นหญิงสาวดีๆ มีเงินทองติดกาย ข้างกายก็จะเต็มไปด้วยเด็กหนุ่มคอยช่วยเหลือเช่นกัน อีกทั้งข้ายังรูปโฉมไม่ได้แย่ อนาคตหาเงินให้ได้มากๆ ก็พอ ไม่แน่ว่าอาจเจอคนที่ดีกว่าเขาก็ได้…”
ลู่เซี่ยนรู้สึกว่าหลิ่วเหมียนถังเป็นโรคเดียวกับมารดานาง มองบุรุษแต่ภายนอก ยามนั้นหัวข้อสนทนาพลันเปลี่ยนไปเป็นเรื่องจะพิจารณาความเก่งกาจของบุรุษอย่างไรแทน
เห็นท่านลุงใหญ่เสียสมาธิ หลิ่วเหมียนถังถึงลอบโล่งใจ
ความจริงเรื่องที่ชุยสิงโจวเสียใจที่พวกเขาเลิกรากันอย่างรีบร้อนเกินไปอยู่เหนือความคาดหมายของนางจริงๆ
แต่ไม่ว่าอย่างไรชาตินี้ระหว่างนางกับเขาก็ไร้วาสนา หลายวันมานี้เป็นเพียงภาพงดงามแสนสั้นของบุปผาในกระจก จันทราในน้ำเท่านั้น เก็บความทรงจำไว้ให้กันและกันมากขึ้นเท่านั้น
ในเมื่อขาของเขาไม่เป็นอะไร เช่นนั้นนางเองก็สบายใจแล้ว
หลังจากนี้นางจะต้องจดจำไว้เสมอว่าชุยสิงโจวไม่ใช่ชุยจิ่วคนตกอับที่นางเข้าใจผิดผู้นั้น นี่คือบุรุษที่ถูกกำหนดมาให้ทำการใหญ่ สุขภาพของเขาไม่จำเป็นต้องให้นางเป็นห่วง
ครั้งนี้ตนเองจุ้นจ้านมาที่นี่ ไปเย้าแหย่เขา ครั้งหน้าจะต้องจดจำไว้ ไม่สนใจเขาอีกเป็นพอ
จากคำพูดของท่านลุงใหญ่ลู่เซี่ยน ตอนนี้นางสามารถกลับไปได้แล้ว
แต่ชุยสิงโจวกลับให้ท่านลุงใหญ่ค้างอยู่อีกสองสามวัน ดื่มด่ำกับน้ำพุร้อนและอาหารรสเลิศของโยวโจวให้เต็มคราบก่อนค่อยจากไป