บทที่ 7
ชุยสิงโจวเสียเวลาเปล่าๆ อยู่ที่นี่ไปหนึ่งคืนก็มากเกินพอแล้ว
หลังเขากินอาหารเช้าเสร็จแล้วเอ่ยกำชับบางอย่างกับหลี่มามาตรงประตูบ้านอีกครั้งก็ขึ้นรถม้าจากไป
สำหรับทางตำบลหลิงเฉวียนนั้น เขายังรู้สึกวางใจ เพราะคนที่จับตาดูหลิ่วเหมียนถังนอกจากหลี่มามาในบ้าน นอกบ้านยังมีองครักษ์ลับอีกนับไม่ถ้วน หากโจรกบฏลู่เหวินปรากฏตัวจะไม่มีโอกาสกลับไปอย่างแน่นอน…
กล่าวถึงทางหลิ่วเหมียนถัง หลังได้รับหน้าที่มานางก็รู้สึกว่าวันเวลาอันแสนน่าเบื่อมีเป้าหมายเพิ่มเข้ามาทันที
หลังกินอาหารเช้าเสร็จเมฆครึ้มสลายหาย แสงอาทิตย์ตกกระทบลงบนถนนหิน สภาพอากาศบนถนนสายเหนืออบอุ่นแจ่มใส
หลิ่วเหมียนถังเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม จึงนำส้นรองเท้าที่ตนเองต้องการเย็บ และให้หลี่มามาเตรียมถั่วลิสงคั่วไว้ตะกร้าหนึ่ง วิ่งไปพูดคุยเรื่อยเปื่อยกับบรรดาหญิงออกเรือนในตรอก
บรรดาหญิงออกเรือนเหล่านั้นต้อนรับเพื่อนบ้านที่มาใหม่อย่างมาก หลังทักทายกันเสร็จเรียบร้อยต่างก็ชะโงกหน้ามองทักษะเย็บปักถักร้อยของฮูหยินสกุลชุย
ทันทีที่ได้เห็นเหล่าหญิงออกเรือนพวกนั้นต่างรู้สึกพึงพอใจ ดูท่าสวรรค์จะยุติธรรม ความโดดเด่นของชุยฮูหยินผู้นี้ทุ่มไปบนใบหน้าหมดแล้ว มือไม่ได้มีความสามารถใดๆ สักนิด ฝีเข็มนั้นหยาบกระด้างอย่างที่ไม่กลัวจะทิ่มเท้าสามีนางบ้างเลย!
เมื่อได้เห็นความงุ่มง่ามของภรรยาคนงามสกุลชุย ความอิจฉาริษยาในใจของเหล่าสตรีก็พากันสงบลงทันควัน รวมกับที่ถั่วลิสงคั่วของหลี่มามาอร่อย หญิงออกเรือนทั้งหลายกินของผู้อื่นปากต้องหวาน* จึงยิ่งสนิทสนมเป็นกันเองกับชุยฮูหยินมากขึ้น
หลิ่วเหมียนถังเองก็ไม่พูดเรื่องที่ร้านค้าของสามีตนเองไม่มีแล้ว เพียงยิ้มแย้มอาศัยหัวข้อสนทนาเรื่อยเปื่อยสืบข่าวถึงร้านที่ค้าขายดีบนถนน พร้อมกับถามด้วยว่าบรรดาร้านที่ตั้งใจขายร้าน ก่อนหน้านี้เสนอราคาอย่างไรบ้าง
ขณะที่บรรดาสตรีเหล่านี้คุยกันติดลม หลี่มามาที่อยู่ด้านข้างกลับมีสีหน้าดำคล้ำอยู่ตลอด
ท่านอ๋องต้องการใช้หญิงสาวผู้นี้เป็นเหยื่อล่อ แต่ให้นั่งอยู่หน้าบ้านตนเองจะล่อโจรกบฏได้อย่างไร
ดังนั้นอาศัยช่องว่างที่แต่ละคนแยกย้ายกันกลับไปทำอาหารกลางวัน หลี่มามาจึงเอ่ยกับหลิ่วเหมียนถังว่า “ฮูหยิน สินค้าชุดแรกของนายท่านใกล้จะมาถึงแล้ว หากไม่รีบเลือกร้านให้เรียบร้อยในสองสามวันนี้ เกรงว่าสินค้าเหล่านั้นจะไม่มีที่ให้จัดวางนะเจ้าคะ”
หลิ่วเหมียนถังกลับส่งยิ้มให้นางอย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องรีบร้อน ข้ามีแผนการในใจแล้ว ประเดี๋ยวตอนบ่ายพวกเราไปเดินดูในตำบล ไม่มีทางทำให้สามีเสียเวลาแน่นอน”
พูดจบนางก็กลับเข้าบ้านไปพลิกค้นเสื้อผ้าที่ต้องการใส่ไปเดินดูร้านค้าในตอนบ่าย
หลี่มามาเห็นสภาพกระตือรือร้นของหลิ่วเหมียนถังแล้ว ในใจก็ลอบทอดถอนใจยาวๆ พูดไปแล้วที่จริงแม่นางผู้นี้ก็เป็นบุตรสาวของครอบครัวดีๆ หากตอนแรกไม่ได้ถูกลักพาตัวก็คงมีชีวิตแต่งงานมั่นคงเป็นมารดาคนไปแล้ว
นางรับใช้หญิงสาวผู้นี้มาหนึ่งปี กระจ่างใจดีว่าความจริงนิสัยของแม่นางผู้นี้ไม่เลว ตอนนี้ได้เห็นอีกฝ่ายตั้งอกตั้งใจทำการค้าเพื่อ ‘สามี’ นางก็ให้รู้สึกเหมือนรับชมงิ้วโศกอยู่
ขอให้ทุกอย่างราบรื่นที หลิ่วเหมียนถังช่วยท่านอ๋องจับตัวหัวหน้าโจรได้ในเร็ววัน ถึงเวลานั้นต้องดูว่าท่านอ๋องจะเมตตาไว้ชีวิตแม่นางอาภัพผู้นี้ได้หรือไม่
แต่พอหลี่มามาได้เห็นหลิ่วเหมียนถังหลังแต่งตัวเสร็จกลับนิ่งอึ้งไป แม้ในหีบเสื้อผ้าของหลิ่วเหมียนถังจะไม่มีชุดใหม่ๆ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเลือกชุดที่เก่าเพียงนี้มาสวมใส่กระมัง หากนางมองไม่ผิดชุดนั้นเป็นชุดที่แขวนอยู่ในลานบ้านซึ่งบ่าวหญิงใบ้จะนำมาสวมเวลาผ่าฟืนเท่านั้น
“ฮูหยิน ท่าน…”
หลิ่วเหมียนถังเอ่ยขัดทันทีโดยไม่รอให้หลี่มามาถามจบ “จะไปซื้อของเช่นนี้ หากแต่งตัวดูดีเกินไปจะกลายเป็นแพะอ้วนถูกรอเชือด เจ้ามีเสื้อผ้าเก่าๆ หรือไม่ รีบไปเปลี่ยนเร็วเข้า”
หลี่มามาไร้หนทาง ได้แต่ทำตามคำสั่ง เปลี่ยนเป็นชุดที่ซักจนเก่าแล้วตามหลิ่วเหมียนถังออกจากบ้าน
เมื่อช่วงเช้าบรรดาหญิงออกเรือนเหล่านั้นเสนอตำแหน่งร้านค้าดีๆ มาอยู่หลายแห่ง แต่หลิ่วเหมียนถังดูอยู่ไม่นานก็กลับไป สุดท้ายตอนที่นางไปถึงถนนตะวันออกจู่ๆ ก็หยิบผ้ายาวผืนบางขึ้นมาบดบังใบหน้าไว้ พร้อมทั้งกำชับให้หลี่มามาปิดหน้าเช่นกัน จากนั้นถึงได้เดินต่อ
เดินไปไม่ไกลก็เห็นร้านแคบๆ แขวนป้าย ‘ขาย’ เอาไว้ นางมองสำรวจอยู่ครู่หนึ่งก่อนเดินเข้าไปสอบถามราคา
เดิมทีร้านนี้เป็นร้านขายอาหารกินเล่น กำแพงร้านถูกควันถ่านและน้ำมันเก่านานปีรมจนสีออกเหลืองคล้ำ พื้นที่คับแคบไม่พูดถึง ซ้ำยังเป็นตรอกที่ปลีกวิเวกตรอกหนึ่ง ไม่นับเป็นทำเลร้านที่ดีอันใดจริงๆ
แต่หลิ่วเหมียนถังกลับดูสนใจมาก นางค่อยๆ ปลดผ้าคลุมหน้าออก ทั้งยังสอบถามราคาขายร้านกับเถ้าแก่ขึ้นมา ตอนแรกเถ้าแก่เห็นนางแต่งตัวอัตคัด เดิมยังหลงคิดว่ามาขายแป้งทอด นึกไม่ถึงว่านางกลับถามเรื่องขายร้าน จึงอดมองสำรวจอย่างสงสัยไม่ได้