ซ่อนรักชายาลับ
ทดลองอ่าน ซ่อนรักชายาลับ บทที่ 7-บทที่ 9
แม่นางผู้นี้มีรูปโฉมงดงาม ส่งผลให้ท่าทางของเถ้าแก่โอนอ่อนลงบ้าง ไม่ได้ขับไล่ไสส่งนางโดยหาว่าเป็นพวกต้มตุ๋นในทันที
ทว่าราคาที่เขาพูดกลับไม่สมเหตุสมผลเอามากๆ แค่ดูก็รู้ว่าไม่ได้เห็นหลิ่วเหมียนถังเป็นคนจะมาซื้อจริงๆ
หลิ่วเหมียนถังยิ้มกล่าวอย่างไม่ร้อนรน “บอกตามตรงบ้านข้าทำกิจการเกี่ยวกับงานศพ ไม่ต้องการร้านค้าที่ดีเลิศ อย่างมากแค่แขวนอักษร ‘เตี้ยน’* ดึงดูดผู้คนเท่านั้น ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางสนใจร้านค้าเล็กๆ เก่าๆ ของท่านหรอก หากท่านเสนอราคาตามจริง วันนี้ข้าก็สามารถตัดสินใจแทนสามี ลงนามสัญญาพร้อมจ่ายเงินได้เลย”
เจ้าของร้านได้ยินนางพูดเช่นนี้ แรกเริ่มขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกว่าอัปมงคล จากนั้นจู่ๆ ดวงตาก็สว่างวาบแล้วเอ่ย “พูดจริงหรือ”
หลิ่วเหมียนถังยิ้มน้อยๆ “ไม่ได้หลอกลวงแน่นอน! เพียงแต่เป็นการค้าเล็กๆ เงินในมือมีไม่มาก ขอให้ท่านเสนอราคาตามจริงด้วย”
ทั้งสองคนต่อรองราคากัน หลี่มามาเพียงแค่รับฟังอยู่เงียบๆ ด้านข้าง พร้อมกับคำพูดก่อนหน้านี้คืนไปด้วย แม่นางหลิ่วอยู่ห่างจากคำว่า ‘ภรรยาที่ดี’ ไปไกล โชคดีที่ไม่ได้แต่งเข้าไปในตระกูลพ่อค้าสกุลชุยจริงๆ ไม่อย่างนั้นต่อให้มีทรัพย์สมบัติมากกว่านี้ก็คงโดนภรรยาเอาไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจนหมด
ทั้งๆ ที่ท่านอ๋องบอกนางว่าจะทำกิจการเครื่องเคลือบดินเผา นางกลับเห็นแก่ของถูก เลือกร้านค้าคับแคบแห่งนี้ มิหนำซ้ำเมื่อเช้าพวกหญิงออกเรือนเหล่านั้นพูดว่าร้านแป้งทอดแห่งนี้มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับร้านชุยปิ่ง** ข้างๆ จนลงไม้ลงมือกันหลายครั้ง เกือบถึงตายเสียด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้ถึงต้องขายร้านทิ้งแล้วย้ายไปอยู่ที่อื่นแทน
ทว่าเถ้าแก่ร้านข้างๆ มีชื่อเสียงเรื่องชอบใช้กำลัง คนที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังต่างไม่อยากมีเพื่อนบ้านนิสัยไม่ดี ไม่มีทางที่จะมีใครมาซื้อ ดังนั้นจึงขายไม่ออกเสียที
ผลปรากฏว่าหลังหลิ่วเหมียนถังหารายละเอียดเรียบร้อย กลับกระตือรือร้นมาซื้อของที่ไม่มีใครต้องการ…ช่างสิ้นเปลืองถั่วลิสงที่นางคั่วไปเป็นตะกร้ายิ่งนัก
แต่เป้าหมายของท่านอ๋องคือการใช้นางล่อโจร ในเมื่อนางชอบสิ้นเปลืองเงิน เช่นนั้นก็เชิญตามสบายใจ
หลังหลี่มามาลอบถลึงตาใส่หลิ่วเหมียนถังเงียบๆ ก็ไม่พูดอะไรอีก เพียงมองนางเจรจากับเถ้าแก่ร้านอย่างคล่องแคล่ว ทั้งยังหาพยานมา ก่อนซื้อร้านนี้ไว้ในราคาที่ต่ำมาก
เหตุผลที่ราคาต่ำมาก นอกจากเพราะหลิ่วเหมียนถังใช้ทั้งไม้อ่อนไม้แข็งต่อราคาเก่งมากแล้ว ยังเป็นเพราะนางพูดว่าตนเองทำการค้ากับคนตายด้วย
เถ้าแก่ร้านแป้งทอดพ่ายแพ้จนต้องอยู่ใต้หมัดเท้าของเพื่อนบ้านชั่วร้ายมาหลายครั้ง ในใจมีความไม่พอใจอัดแน่นอยู่เต็มอก แค่ได้ยินกิจการของผู้ซื้อเขาก็เต็มใจขายในราคาถูกให้นางแล้ว ถึงเวลานั้นอักษร ‘เตี้ยน’ ตัวใหญ่ถูกแขวนอยู่หน้าประตู รวมกับวางวัวกระดาษเด็กกระดาษ* ดูซิว่าใครจะทนความอัปมงคลไปซื้ออาหารเช้าร้านข้างๆ กินได้บ้าง
แค่คิดก็สาแก่ใจนักเชียวแล้ว ดังนั้นเถ้าแก่ร้านจึงยอมให้อย่างง่ายดายมาก
กว่าหลิ่วเหมียนถังจะลงนามในสัญญาเสร็จดวงอาทิตย์ก็เอียงไปทางทิศตะวันตกแล้ว นางกลัวว่าสามีจะกลับมากะทันหันเหมือนเมื่อคืนอีก ดังนั้นระหว่างทางกลับบ้านจึงซื้อหมูสามชั้นสามชั่ง** ครึ่งมาจากร้านขายเนื้อ แล้วกลับไปบอกให้หลี่มามาเอาไปทำอาหาร
ทว่ารอจนดึกดื่นก็ยังไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้น นอกจากความผิดหวังแล้ว หลิ่วเหมียนถังก็สั่งให้หลี่มามานำเนื้อพะโล้ไปแขวนไว้ในบ่อน้ำ อย่าได้วางทิ้งไว้จนเสีย รอวันอื่นสามีกลับมาบ้านค่อยนำมากิน
ส่วนอาหารเย็นของหลิ่วเหมียนถังยังคงเป็นหัวไช้เท้าแห้งกินกับข้าว แต่เนื่องจากว่านางกระหายมากจึงตักน้ำแกงเนื้อมาคลุกข้าวกินด้วย ผลปรากฏว่าหัวไช้เท้าแห้งยิ่งอร่อยมากขึ้นกว่าเดิมอีก
ผ่านไปอีกสองสามวัน ตอนที่ไม่อาจเก็บเนื้อไว้ได้อีกนั้น ก็ยังไม่เห็นเงาของสามีชุยจิ่วจะกลับมา
ในขณะนั้นข่าวว่าร้านแป้งทอดขายร้านให้กับกิจการเกี่ยวกับคนตายพลันแพร่กระจายไปทั่ว ทำเอาเถ้าแก่ร้านข้างๆ สบถด่าร้านแป้งทอดที่ขนย้ายข้าวของออกไปจนหมดอยู่ทุกวัน
วันนี้หลิ่วเหมียนถังพาหลี่มามาออกจากบ้านอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้นางแต่งกายดูดี เดินตรงเข้าไปในร้านชุยปิ่งข้างๆ
หลังเข้าไปนางกวาดตามองไปรอบๆ ร้านก่อนถามว่า “ท่านต้องการจะขายร้านหรือไม่”
เถ้าแก่ร้านเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ร้านข้างๆ ไม่ใช่ร้านข้า ทั้งยังขายออกไปแล้วด้วย หากเจ้าไม่คิดซื้ออะไรก็อย่ามาบังหน้าร้าน!”
หลิ่วเหมียนถังได้ยินกลับไม่หงุดหงิดแต่อย่างใด เพียงแค่เอ่ยอย่างเสียดาย “หมอดูดูตำแหน่งที่ตั้งของร้านแห่งนี้แล้วบอกว่าสนับสนุนดวงสามีข้า เหตุใดจึงถูกผู้อื่นซื้อไปเสียแล้วเล่า…ถ้าอย่างนั้นไม่ทราบว่าเถ้าแก่สามารถขายร้านของท่านได้หรือไม่”
เพื่อนบ้านนิสัยไม่ดีผู้นั้นเผยสีหน้าหงุดหงิด เดิมคิดอยากไล่คนออกไป แต่หลังดวงตากลอกหมุนไปรอบหนึ่งก็นึกเปลี่ยนใจ “หากเจ้าซื้อจะเสนอราคาที่เท่าไร”
หลังหลิ่วเหมียนถังประเมินดูร้านค้าที่ขนาดพอๆ กันแล้วก็เสนอราคาที่ต่ำยิ่งกว่าราคาที่นางซื้อร้านแป้งทอดเสียอีก
เพื่อนบ้านนิสัยไม่ดีได้ยินแล้วเอ่ยอย่างไม่พอใจ “แม่นางมาล้อเล่นหรือไร! ราคานี้ไม่ขาย!”
หลิ่วเหมียนถังได้ยินก็เอ่ยอย่างไม่ยี่หระ “ไม่ขายก็ไม่เป็นไร ข้าเพิ่งย้ายมาที่นี่ แค่ฟังตามที่หมอดูดูดวงให้เท่านั้น หากท่านเสนอราคาที่เหมาะสมมาข้าก็จะซื้อโดยไม่ต้องเสียเวลา หาไม่ข้ายังต้องไปสืบข่าวต่ออีก อย่างน้อยก็ต้องรู้ว่าบนถนนแถบนี้มีกิจการอะไรอยู่บ้าง หากขัดกับกิจการข้าเข้ามิใช่ว่าอัปมงคลหรอกหรือ เกรงว่าต่อให้ขายต่อยังจะขายไม่ออก…”
เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ใบหน้าที่ดูดุร้ายของเพื่อนบ้านนิสัยไม่ดีพลันมีความลำบากใจเพิ่มเข้ามา “ข้าเห็นว่าแม่นางเป็นคนตรงไปตรงมา บอกตามตรงว่าเมื่อก่อนก็เคยมีคนมาเสนอราคา แต่ว่าไม่คิดซื้อจริงจัง ชวนให้คนรังเกียจนัก หากแม่นางตั้งใจจะซื้อจริงๆ ก็เชิญนั่งก่อน ข้าขอไปปรึกษากับภรรยาข้าสักครู่ ดูว่านางเต็มใจหรือไม่”
ประโยคที่คล้ายไม่เจตนาเมื่อครู่นี้ของหลิ่วเหมียนถังจี้ใจดำของเถ้าแก่เข้าเต็มๆ ตอนนี้ร้านข้างๆ ยังคงแขวนป้ายเก่าของร้านแป้งทอดอยู่ รอผ่านไปอีกไม่กี่วันกระดาษยมทูตหัววัวหน้าม้า* มาวางเมื่อใด ร้านของเขาได้รับผลกระทบไม่พูดถึง เกรงว่ากระทั่งคนซื้อต่อยังจะไม่มีด้วยซ้ำ อาศัยโอกาสตอนที่หญิงสาวต่างถิ่นผู้นี้ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวตั้งราคาขายให้นาง แล้วตนค่อยหาซื้อร้านใหม่อีกทีดีกว่า!
สุดท้ายหลี่มามาก็ได้แต่มองดูหลิ่วเหมียนถังผู้มีฝีปากฉะฉานซื้อร้านค้าแห่งนี้มาได้ในราคาที่ต่ำไม่ต่างจากร้านแป้งทอดมากเท่าไรนัก
มาถึงตอนนี้นางมองค่ายกลที่หลิ่วเหมียนถังวางไว้ออกแล้วเช่นกัน อีกฝ่ายตั้งใจจะซื้อร้านค้าสองร้านที่ตั้งอยู่ข้างกัน จากนั้นค่อยรวมเป็นร้านเดียวกันแต่แรกแล้ว
แม้จะซื้อมาถึงสองร้าน แต่เพราะว่าราคาถูกมาก เมื่อรวมราคาทั้งสองร้านแล้วก็ยังเหมาะสม ต่อให้เพิ่มค่าปรับปรุงเข้าไปด้วยก็ยังถูกกว่าราคาร้านค้าดีๆ ที่อื่น
ในตอนที่หลิ่วเหมียนถังได้สัญญาร้านค้าสองฉบับมาไว้กับมือในที่สุด นางก็ผ่อนลมหายใจยาวๆ แล้วยิ้มพลางเอ่ยกับหลี่มามา “โชคดีที่ไม่ผิดต่อหน้าที่ที่ได้รับมา ในที่สุดก็ซื้อร้านค้าได้ ข้าดูมาก่อนแล้ว เดิมทีร้านทั้งสองเป็นบ้านหลังเดียวกัน กำแพงกั้นน่าจะเติมเข้ามาภายหลัง เจ้าของเดิมแบ่งขายออกเป็นสองส่วน ดังนั้นตอนทุบกำแพงกั้นทิ้งก็น่าจะง่ายดาย หลังทาสีร้านแล้วตกแต่งใหม่ ท่านพี่ก็น่าจะใช้งานร้านได้แล้ว อีกอย่าง…”
นางชี้ไปยังคลองหลังร้านแล้วเอ่ยต่อ “วันนี้ได้ยินพวกเพื่อนบ้านพูดว่าช่วงนี้ไหวหยางอ๋องกำลังขุดสร้างทางน้ำ คลองหลังร้านพวกเราจะเชื่อมไปถึงแม่น้ำที่ขุดใหม่ วันหน้าเรือก็จะเดินทางไปมาสะดวกยิ่งขึ้น เวลาส่งสินค้าไม่จำเป็นต้องเสี่ยงโยกคลอนบนเกวียนอีก ป้องกันไม่ให้เครื่องเคลือบดินเผาแสนล้ำค่าถูกแรงสั่นสะเทือนจนแตกหักได้ด้วย”
หลี่มามารับฟังอยู่เงียบๆ แต่ในใจรู้สึกนับถือหญิงสาวผู้นี้จริงๆ แม้ฝีมือเย็บปักของนางจะดูไม่ได้เอาเสียเลย แต่ความรู้ด้านทำการค้านี้เป็นของจริง ทำเลของร้านค้าแห่งนี้ก็เลือกซื้อได้ยอดเยี่ยมนัก
น่าเสียดายที่สามีของนางไม่ใช่พ่อค้าตัวจริง…คิดมาถึงตรงนี้หลี่มามาพลันถอนหายใจออกมากะทันหัน นึกสงสารแม่นางที่แสนฉลาดเฉลียวทว่าไร้ที่พึ่งพิงผู้นี้ขึ้นมาจากใจจริง