ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก
ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 137-138
เมื่ออยู่ห่างจากสนามรบของชายแดนเหนือ เวลาหนึ่งวันก็ผ่านไปอย่างยาวนานเป็นพิเศษ…
จุดพักม้าของเมืองต้าฝู่ ทางฝั่งหอตะวันตกที่ก่อสร้างหรูหรา ราชบุตรเขยหวังอวี้หล่างนั่งอยู่ตรงโต๊ะหนังสือ มือขวายกขึ้นลูบรอยแผลเป็นตรงหางตาเบาๆ สายตามองเหม่อไปยังจันทร์เต็มดวงที่ลอยสูงเด่นกลางผืนฟ้ามืดมิดภายนอกหน้าต่าง
รอยแผลเป็นลากยาวจากหน้าผากมาถึงหางตา อีกแค่นิดเดียวก็จะโดนดวงตาแล้ว นี่เป็นบาดแผลที่หวังอวี้หล่างโดนลูกหลงตอนตรึงกำลังอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ทางเหนือ โชคดีที่ตอนธนูมาถึงหน้าผากหมดกำลังลงแล้ว ถึงไม่ได้ทะลุกะโหลกศีรษะของเขา เพียงแฉลบผ่านหน้าผากคาดผ่านดวงตาตกลงพื้น ถ้าหากเป็นหวังอวี้หล่างคนก่อนเกรงว่าจะตกใจกลัวจนรีบลงจากหลังม้า ล้มลุกคลุกคลานหนีกลับเมืองหลวง ไม่กล้ามายังสถานที่อันตรายเพียงนี้อีก
แต่ตัวเขาตอนนั้นกลับหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งจากร้านเชียนซิ่วออกมาจากสาบเสื้ออย่างนิ่งเฉย เช็ดใบหน้าแล้วมุ่งไปข้างหน้าต่อท่ามกลางเสียงนกหวีดม้าและลูกธนูปลิวว่อน หน้าที่ที่เรียกว่า ‘ผู้สังเกตการณ์กองทัพ’ ความจริงไม่ได้มีอะไรให้น่าจับตา ชายแดนทุรกันดาร ชาวบ้านในหมู่บ้านที่หนีไหวต่างหนีไปกันหมด เหลือไว้แต่เด็กกำพร้า คนแก่และคนพิการที่ไม่มีที่ให้ไป เมื่อวานหลังชนต่างเผ่าบุกมาแล้วชาวบ้านก็ล้วนถูกสังหาร ในหมู่บ้านเหลือแค่เพียงซากปรักหักพัง ศพนอนเกลื่อนพื้นกับสุนัขบ้านเสียเจ้านายที่ครางหงิงเป็นบางครั้ง พอเห็นใครมาก็จะรีบวิ่งหนี
สถานการณ์เช่นนี้ช่วงแรกๆ ยังทำให้เขาตวัดกายลงจากหลังม้าไปอาเจียนอย่างทนไม่ไหว แต่พอเห็นนานเข้าก็ค่อยๆ ด้านชาไปแล้ว
มิน่าถึงมีคำว่า ‘มีบัณฑิตผู้ใดได้เป็นโหวศักดินาหนึ่งหมื่นไร่บ้าง’! สีหน้าดูแคลนของเซียวอ๋องยามเห็นเขาทุกครั้งก็มีเหตุผล ขอแค่เป็นคนที่เคยผ่านความเป็นความตายบนสนามรบมาก่อน จะเห็นบัณฑิตอ่อนแอที่อยู่ในราชสำนักว่างๆ พึ่งพาบุญบารมีของบิดาอย่างเขาอยู่ในสายตาได้อย่างไร มีเพียงการผ่านประสบการณ์เป็นตายจากชายแดนเหนือ เขาถึงยิ่งเคียดแค้นตนเองในอดีตที่เคยคล้อยตามผู้คนและอ่อนแอไร้ความสามารถ
ความกลัวต่างๆ นานาบนโลกใบนี้น่าจะเริ่มต้นจาก ‘การกลัวสูญเสีย’ สมัยก่อนเขากลัวบิดาผิดหวัง กลัวชื่อเสียงของสกุลหวังเสียหาย กลัวตนเองทำผิดต่อความคาดหวังของบรรพบุรุษสกุลหวัง แต่ความเกรงกลัวยอมประนีประนอมต่างๆ นี้ สุดท้ายพอจับมารวมกันแล้วได้อะไรกลับคืนมา
ฝืนใจเชื่อฟังคำสั่งบิดา ถูกบังคับให้ตัดใจจากสตรีในดวงใจ ทว่าแต่งสตรีแพศยาดุร้ายคนหนึ่งเข้ามาแทน เดิมทีคิดว่าตนเองยอมอดทนอดกลั้นจะแลกกับความสงบสุขของครอบครัวมาได้ แต่พฤติกรรมทำตัวตามอำเภอใจอย่างไร้ความเกรงกลัวแต่ละครั้งของสตรีนางนั้นกลับทำให้เขากับบิดาสูญเสียเกียรติและศักดิ์ศรีของขุนนางในราชสำนักไปจนสิ้น ภายใต้สายตาเวทนาเย้ยหยันของสหายร่วมงาน หวังอวี้หล่างเกิดความรู้สึกเหมือนค่อยๆ สูญเสียบางอย่างออกไปจากร่างกายตนเอง
กระทั่งว่ากลางดึกคืนหนึ่งเขาเดินเข้าเรือนหลังของจวนโดยไม่เจตนา ได้ยินเสียงมั่วโลกีย์ขององค์หญิงกับคนเลี้ยงม้าอายุน้อยหล่อเหลาในจวนเข้า ฟังเสียงหอบหายใจหนาหนักและเสียงหัวเราะคิกคักพวกนั้นแล้วประหนึ่งมีมีดคมกริบนับไม่ถ้วนแทงทะลุหัวใจของเขาแล้วคว้านซ้ำไปมาอีกที ครั้งนั้นเขาถึงขั้นคิดตายเพื่อหลักการของตน ถึงจะชำระล้างความอัปยศที่สตรีแพศยานางนั้นมอบให้กับสกุลหวังได้
แต่ตอนที่เขาฉีกผ้าผืนหนึ่งมาแขวนบนกิ่งไม้ ยื่นศีรษะเข้าไป เขาพลันเกิดความรู้สึกไม่เต็มใจมากมายขึ้นมา เขาไม่เต็มใจที่สกุลหวังถูกคนเหยียดหยาม ไม่เต็มใจที่ตนเองถูกดูหมิ่น ไม่เต็มใจที่ตนเองไม่อาจปกป้องและครอบครองคนที่รักจริงๆ เขาไม่เต็มใจ…ชั่วขณะนั้นเองจิตใจเขาที่หดหู่ดุจคนตายกลับฟื้นคืนชีพมาอีกครั้ง คนเราถ้าแม้แต่ความตายยังไม่กลัว จะมีอะไรที่ปล่อยวางไม่ลงอีก เมื่อเขาไม่กังวลก็ไม่กลัวอีกต่อไป เขาเชื่อว่าตนเองจะต้องใช้ชีวิตในแบบที่แตกต่างออกมาได้อย่างแน่นอน
นับตั้งแต่นั้นเขาก็ไม่สนใจไยดีในพฤติกรรมขององค์หญิงเล่อผิง แม้บางครั้งจะบังเอิญเจอก็จะแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น รวมถึงไม่กังวลกับอาการตอบสนองและคำติฉินนินทาลับหลังของเหล่าขุนนางในราชสำนักอีก ถือเสียว่าตนเองเหมือนตายไปแล้ว ทุกชั่วขณะที่มีชีวิตอยู่คือการเกิดใหม่
การเดินทางมาไหวหนานครั้งนี้ได้รับการฝากฝังจากฮ่องเต้ หลังจากหนานลู่กงล้มลง เสิ่นกั๋วจิ้วเกิดความคิดหมายตาไหวหนานที่มั่งคั่ง อยากพึ่งพาเสิ่นฮองเฮาโดยหวังว่าฮ่องเต้จะส่งเขามาปกครองไหวหนาน ฮ่องเต้กลับเสมือนไม่ได้ยิน แต่งตั้งหวังอวี้หล่างให้มาที่ไหวหนาน รับช่วงต่อเรื่องราวมากมายของที่นี่แทน ยิ่งไปกว่านั้นยังต้องการให้ตนแอบสืบข่าวชื่อเสียงของเซียวอ๋องในหมู่ชาวบ้านที่นี่ แล้วกราบทูลกับฮ่องเต้เป็นการลับ
หวังอวี้หล่างเก็บความคิดกลับมา จุดตะเกียงบนโต๊ะแล้วหยิบฎีกาเปล่าฉบับหนึ่งออกมา จับพู่กันขนหมาป่า ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วฉวัดเฉวียนเขียนลงไป
‘ช่วงแรกเซียวอ๋องกวาดล้างโจรตามทาง ทลายรังโจร ฟื้นฟูนาเกลือ ซ่อมบำรุงทางน้ำ เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตชาวบ้าน ตามด้วยปรับเปลี่ยนการปกครอง สังหารหนานลู่กง กระหม่อมมาถึงไหวหนานเห็นชาวประชาต่างชื่นชมเซียวอ๋อง ไม่ว่าจะไปที่ใดต่างคุกเข่าหมอบกราบ หนานลู่กงดำเนินกิจการอยู่ที่นี่นานสามสิบปี ชื่อเสียงในหมู่ปวงประชาสู้เซียวอ๋องที่มาอยู่เพียงหนึ่งปีไม่ได้ เพียงโบกมือส่งเสียง บริวารทั่วทุกสารทิศล้วนตอบรับ สั่นคลอนโอรสสวรรค์…’
หวังอวี้หล่างเขียนไปได้สักระยะก็หยุดพู่กัน อ่านประโยค ‘บริวารทั่วทุกสารทิศล้วนตอบรับ สั่นคลอนโอรสสวรรค์’ แล้วรู้สึกไม่เหมาะสม เขาเงยหน้ามองภาพวาดที่เพิ่งแขวนติดผนังห้องพัก เป็นภาพที่ตนเองมักพกติดตัวอยู่เสมอ ภาพนี้เป็นตัวอักษรเก่าแก่พยางค์เดียวว่า…‘ทึ่ม’!
ทุกวันนี้ต้าฉีเปิดรัชสมัยรุ่งโรจน์ ฮ่องเต้แข็งแกร่ง ขุนนางเองก็เข้มแข็ง เดินเตร่อยู่ในนี้ต้องเป็นเหมือนปุยฝ้าย อ่อนนุ่มพัวพันคมดาบ แต่ห้ามเปิดเผยประกายออกมาเด็ดขาด…
คิดถึงตรงนี้เขาก็ขยำฎีกาเป็นก้อนวางลงด้านข้าง ก่อนกางกระดาษเซวียนจื่อสีขาวเนื้อเนียนแผ่นใหม่ จุ่มน้ำหมึกเบาๆ แล้วสมองพลันรู้สึกเหนื่อยล้า ไม่อาจคิดเรียบเรียงคำพูดใหม่ จึงลากเส้นต่อเนื่องวาดลงบนกระดาษเซวียนจื่อแผ่นนั้นแทน
ชั่วประเดี๋ยวต่อมาเส้นสายพู่กันถักทอโฉมงามในชุดพลิ้วไสวดั่งเทพเซียนออกมาบนกระดาษเซวียนจื่อ
หลังจากวาดเสร็จ เขาวางพู่กันลงเบาๆ สตรีในภาพวาดใช้ปิ่นหยกสามขาเกล้ามวยหางม้า เปลือกตาหลุบลง กิริยาสง่างาม เป็นสตรีที่เห็นยามกลางวันผู้นั้นพอดี
หวังอวี้หล่างมองสำรวจสตรีในภาพวาดโดยละเอียด นิ้วมือลูบไล้บนกระดาษเซวียนจื่อสีขาวนวลเบาๆ คิดถึงทุกสายตาทุกรอยยิ้มของโฉมงามที่พบในวันนี้
สักพักต่อมา แสงไฟวูบไหวอยู่ในตะเกียง หวังอวี้หล่างคล้ายสะดุ้งตื่นจากฝันที่ไกลเกินเอื้อม ค่อยๆ หยิบกระดาษภาพวาดกับฎีกาเมื่อครู่นี้ขึ้นมาย้ายไปยังกระถางเครื่องหอมข้างมือ มองดูพวกมันถูกสะเก็ดไฟลามเลีย ค่อยๆ กลายเป็นขี้เถ้า ปลิวหล่นลงบนพื้นอิฐเงียบๆ…
หลังจากพักผ่อนสักพัก หวังอวี้หล่างก็หยิบฎีกาเปล่าอีกแผ่นมาเขียนใหม่
‘สมัยหนานลู่กง ผลผลิตข้าวและธัญพืชของไหวหนานมีมากกว่าที่จงหยวนหลายเท่า อย่างไรก็ตามราษฎรกินไม่อิ่มท้อง สวมใส่ไม่อบอุ่น ไหวหนานกลับสู่การปกครองของฮ่องเต้ได้ไม่นาน ทั้งกวาดล้างโจร ซ่อมบำรุงทางน้ำ ทุกครัวเรือนต่างมีข้าวสารเหลือ ชาวประชาต่างพูดถึงต้าฉี ล้วนเป็นความดีความชอบของฮ่องเต้ กระหม่อมด้อยความรู้ เพิ่งมาถึงที่นี่รู้สึกหวาดหวั่น เกรงจะทำผิดต่อคำสั่งของฝ่าบาท มิอาจสืบทอดคุณูปการของเซียวอ๋อง…’
กว่าจะเขียนเสร็จฟ้าก็สว่างเรืองรอง แว่วเสียงไก่ขันดังมาแล้ว เขาเหลือบสายตามองแสงสีแดงที่กำลังโผล่ขึ้นจากขอบฟ้า ในใจหัวเราะเสียงเย็น ถึงเวลาแวะไปเยี่ยมภรรยารักที่เจ็บป่วยผู้นั้นของเขาแล้ว
ในเมื่อไม่ว่าอย่างไรตอนนี้เซียวอ๋องก็ไม่อยู่ที่จวน ข้าสามารถทำได้…
Comments
