เซียวอ๋องเองก็คร้านจะฟังเรื่องราวจุกจิกในจวนจำพวกนั้น คล้ายหมดความสนใจต่อน้องเขยขี้กลัวผู้นี้เช่นกัน เปิดปากเอ่ย “ถ้าราชบุตรเขยไม่มีเรื่องอะไรอีกก็เชิญกลับไปได้แล้ว ข้ายังมีธุระอื่นให้จัดการต่อ…”
หวังอวี้หล่างได้ยินแล้วรีบลุกขึ้นคารวะ จากนั้นเดินออกไป รอเขาออกจากค่ายทหารก้าวขึ้นรถม้า เหงื่อบนใบหน้ายังคงไม่หยุดไหล ดวงหน้าสะท้อนความมันวาว
แต่เมื่อเขาเข้าไปนั่งในรถม้า ปล่อยม่านประตูปิดลงมา สีหน้าถ่อมตนถึงนับว่าค่อยๆ เลือนหาย
ผ้าเช็ดหน้าที่เลอะน้ำจิ้มเครื่องเทศถูกโยนทิ้งด้านข้าง ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นระคายเคืองมาก แค่แตะถูกผิวตรงลำคอเล็กน้อยก็แสบร้อนจนเหงื่อชุ่มหน้าผาก
ถึงแม้จะเตรียมตัวมาพร้อมสรรพ แต่จังหวะเมื่อครู่นี้เขาถูกสายตาคมกริบของเซียวอ๋องมองจนหมดความมั่นใจไปเล็กน้อยจริงๆ…โชคดีที่เตรียมตัวมา มิฉะนั้น ‘การทำตัวอ่อนหัด’ ต่อหน้าเซียวอ๋องผู้เก็บงำประกายล้ำลึกมากคนนี้ยังเปลืองแรงอยู่บ้างจริงๆ…
หวังอวี้หล่างคิดมาถึงตรงนี้ก็ยิ้มน้อยๆ ส่งผลให้แผลเป็นที่หางตาบิดเบี้ยวขึ้นมา…
หลังจากเซียวอ๋องจากไป ภาระงานทุกอย่างของไหวหนานถูกย้ายไปอยู่ในมือของราชบุตรเขยหวัง ตอนแรกบรรดาขุนนางของไหวหนานยังเป็นห่วงว่าราชบุตรเขยเพิ่งมารับตำแหน่งจะรีบร้อนแสดงความสามารถ แต่ที่ชวนให้คนแปลกใจคือราชบุตรเขยหวังกลับทำตัวดั่งเซียวเหอตั้งกฎเฉาชานทำตาม กฎหมายกับแผนการปกครองล้วนอิงตามของเซียวอ๋อง วิธีการค่อนข้างนุ่มนวล สถานการณ์ขุนนางของไหวหนานมั่นคงอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างค่อยๆ มีแนวโน้มเงียบสงบลง
หลังจากองค์หญิงเล่อผิงไปอยู่ที่จวนราชบุตรเขย นึกถึงเหตุการณ์ที่หลายวันก่อนถูกอวี้ฉือเฟยเยี่ยนข่มขวัญก็รู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก นางกับอวี้ฉือเฟยเยี่ยนรู้จักกันมานานแล้ว แต่เดิมนึกมาตลอดว่าอวี้ฉือเฟยเยี่ยนเป็นสตรีสำรวมอ่อนหวานแต่นิสัยอ่อนแอ นอกจากครั้งที่สนามล่าสัตว์ทำให้นางเปิดหูเปิดตากับตัวตนอีกด้านของอวี้ฉือเฟยเยี่ยนบ้าง แต่โดยปกติอีกฝ่ายล้วนดูอ่อนหวาน
องค์หญิงเล่อผิงไม่เคยเห็นอวี้ฉือเฟยเยี่ยนเป็นผู้อาวุโสมาก่อน คำพูดคำจาเองก็ไม่เคยเกรงใจเท่าไร ครั้งก่อนเอ่ยปากขอให้อวี้ฉือเฟยเยี่ยนยอมรับลูกของนาง องค์หญิงเล่อผิงรู้สึกว่าตนเองอ้อมค้อมมากแล้ว ผลปรากฏว่ากลับถูกพี่รองเข้ามายุ่ง หลังจากพี่รองไม่อยู่ เดิมหลงนึกว่าตนเองจะตัดสินใจเรื่องในจวนเซียวอ๋องได้ นึกไม่ถึงว่าจะถูกอวี้ฉือเฟยเยี่ยนขัดขวางด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องพวกนี้องค์หญิงเล่อผิงก็จะโมโหหงุดหงิด
วันนี้องค์หญิงเล่อผิงกำลังนั่งอยู่ในจวนว่างๆ พลันได้รับจดหมายด่วนแปดร้อยหลี่จากมารดาที่ถูกส่งมาจากจุดพักม้า เมื่อเปิดอ่านก็เจอกับประโยคด่าทอมืดฟ้ามัวดินก่อนเป็นอันดับแรก เสิ่นฮองเฮารู้จากทางเซียวอ๋องว่าองค์หญิงเล่อผิงออกจากจวนเซียวอ๋อง กลับจวนราชบุตรเขยไปกับหวังอวี้หล่างด้วยตนเอง ก็โมโหจนเหมือนเผชิญด่านเคราะห์ตายแล้วกลับมาเกิดใหม่จริงๆ
ทางเสิ่นฮองเฮาพยายามทำทุกวิถีทาง ใช้แผนการนับไม่ถ้วนมาช่วยปกปิดให้บุตรสาว หวังเพียงว่าจะปิดบังหูตาของฮ่องเต้กับขุนนางได้ กำจัดลูกชู้ทิ้งอย่างราบรื่น บุตรสาวตนเองกลับดีนัก แบกท้องโตตามราชบุตรเขยกลับไป กลัวราชบุตรเขยจะไม่รู้ว่าตนเองท้องลูกชู้ สวมหมวกที่ทั้งเขียวทั้งใบใหญ่ให้กับสกุลหวังของเขา
ต่อให้เป็นคนผยองอวดดีมาจนชินอย่างเสิ่นฮองเฮายังรู้สึกว่าวันหน้าเงยหน้าต่อหน้าอัครเสนาบดีหวังไม่ขึ้นแล้ว
จดหมายทั้งฉบับมีแต่คำด่าทอบุตรสาวไร้สมองของตนเองจากใจจริง ท้ายจดหมายกลับฝากฝังความลับบางอย่าง บอกให้องค์หญิงเล่อผิงเก็บนิสัยอารมณ์ร้ายลงบ้างก่อนที่ ‘คนผู้นั้น’ จะมา
องค์หญิงเล่อผิงกวาดตาอ่านผ่านข้อความต้นจดหมาย ซึ่งไม่ได้อ่านเข้าสมองเลยแม้แต่คำเดียว ตอนที่เห็นประโยคสุดท้ายดวงตานางก็เป็นประกาย รู้สึกว่าช่วงเวลาสบายใจได้คลายโทสะกำลังจะมาถึงแล้ว
คิดถึงตรงนี้แล้วองค์หญิงเล่อผิงจึงเรียกพ่อบ้านมาเตรียมรถม้าทันใด ตนเองจะแวะไปที่จวนเซียวอ๋อง
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 17 เม.ย. 68