ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก
ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 141-143
ขันทีประคองพระราชโองการอ่านประกาศเสียงดัง “ด้วยโองการสวรรค์ ฝ่าบาทมีพระราชบัญชา ในบ้านไม่อาจขาดเจ้านาย องค์ชายรองของข้าปักหลักอยู่ยาวที่ชายแดนเหนือเพื่อตอบแทนแว่นแคว้น ภายในจวนว่างเปล่าไร้ทายาทสืบทอด จึงแต่งตั้งบุตรสาวสกุลเฉิงนามอู๋ซวงมาเป็นภรรยาขององค์ชายรองแห่งต้าฉี อู๋ซวงอ่อนหวานมีคุณธรรม ความสามารถโดดเด่น เป็นคู่ครองที่ดีของบุตรข้า ให้เข้าอยู่จวนแบ่งเบาภาระในจวนก่อน รอบุตรข้ากลับมาแล้วค่อยจัดพิธีแต่งงาน จบพระราชโองการ”
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนฟังพระราชโองการจบแล้วตอบเสียงเบา “ขอบพระทัยฝ่าบาท!” ก่อนลุกขึ้นยืนสั่งให้หัวหน้าเว่ยมอบค่าตอบแทนแก่บรรดาข้ารับใช้สูงศักดิ์จากวังหลวงที่มาถ่ายทอดพระราชโองการ มอบเงินก้อนไม่น้อยให้กับทุกคนแทนน้ำใจไมตรี
ขันทีรับเงินมาแล้วเผยรอยยิ้มเอ่ย “ขอบคุณชายารอง เพียงแต่รถม้าของชายาเอกอยู่ด้านหลังนี้เอง ประมาณสองชั่วยามก็จะมาถึงแล้ว รบกวนชายารองรีบเตรียมตัวต้อนรับชายาเอกด้วย หากเสียมารยาทไปจะทำให้ชายาเอกตำหนิเอาได้”
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนเอ่ยขอบคุณคำเตือนของขันที ก่อนเอ่ยกับหัวหน้าเว่ย “ชายาเอกเดินทางมากะทันหัน ในเวลาสั้นๆ ไม่อาจเตรียมเรือนพักที่เหมาะสมให้ได้ ไปเก็บกวาดห้องของข้าให้เรียบร้อย ให้ชายาเอกพักที่นั่น ข้าเปลี่ยนห้องก็พอ”
หัวหน้าเว่ยเงยหน้ามองอวี้ฉือเฟยเยี่ยนที่ดูใจเย็นปราดหนึ่งอย่างเป็นห่วง ก่อนก้มหน้าขานรับ
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนกลับเข้าห้องด้วยใบหน้าซีดเผือด เป่าจูมองหัวหน้าเว่ยสั่งบ่าวรับใช้ขนย้ายข้าวของในห้อง ก่อนมองอวี้ฉือเฟยเยี่ยนอย่างเป็นห่วงพร้อมเอ่ยเสียงเบา “ชายารองจะทูลบอกเซียวอ๋องสักคำหรือไม่เจ้าคะ”
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนยิ้มขื่นเอ่ย “เซียวอ๋องแทบจะเดินทางไปชายแดนเหนือตัวเปล่า รับช่วงต่อกองทัพของติ้งเป่ยโหว มีกิจธุระมากมาย หากทูลบอกเซียวอ๋องเวลานี้มิใช่เป็นการเพิ่มปัญหาให้พระองค์หรือ มิหนำซ้ำนี่เป็นสมรสพระราชทานจากฝ่าบาท พระราชโองการมาถึงแล้ว ทั่วทั้งราชสำนักต่างรับรู้ องค์ชายรองยังจะ…ทำสิ่งใดได้อีก…”
เป่าจูเอ่ยด้วยสีหน้าจืดเจื่อน “เช่น…เช่นนั้นควรจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ”
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนเอ่ยเรียบๆ “ฝ่าบาททรงไม่มีทางปล่อยให้ตำแหน่งชายาเอกของท่านอ๋องว่างเว้นเป็นเวลานาน นี่เป็นเรื่องที่จะต้องเกิดขึ้น แค่ว่าช้าหรือเร็วเท่านั้น”
ความจริงอวี้ฉือเฟยเยี่ยนยังมีคำพูดที่ไม่ได้พูดออกมา ก็เหมือนกับที่องค์หญิงเล่อผิงพูด คุณหนูเฉิงอู๋ซวงผู้นั้นไม่ใช่คุณหนูสูงศักดิ์ธรรมดา…ตอนนี้เซียวอ๋องไม่อยู่ที่จวน คุณหนูเฉิงผู้นั้นรับพระราชโองการมา ‘ทำงาน’ ก็เท่ากับแขวนป้ายทองคำอภัยโทษ กระบี่อาญาสิทธิ์เอาไว้ หลังจากปิดประตูจวนจะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็พูดได้ยากแล้ว…
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนคิดถึงตรงนี้ก็นำเป่าจูเดินไปที่ห้องหนังสือของเซียวอ๋อง ค้นจดหมายที่เซียวอ๋องเคยเขียนในอดีตออกมาแล้วไล่คัดลอก
เป่าจูไม่เข้าใจ แต่ในเวลาเช่นนี้ก็ไม่สะดวกถาม ได้แต่มองดูอวี้ฉือเฟยเยี่ยนเขียนกระดาษจนร่วงหล่นลงพื้นทีละแผ่นๆ ราวกับเกล็ดหิมะ
ทุกครั้งที่อวี้ฉือเฟยเยี่ยนคัดลอกหนึ่งชุด ก็จะเอาที่ตนเองเขียนกับกระดาษต้นฉบับของเซียวอ๋องมาเปรียบเทียบ จนกระทั่งแยกแยะลายมือตนเองไม่ออกถึงได้หยุดมือ นางปิดตาพักผ่อนสักพักแล้วหยิบกระดาษขาวมาอีกแผ่น อิงตามลายมือกับเอกลักษณ์การพูดของเซียวอ๋อง เขียนว่า
‘เขียนถึงภรรยาข้าเยี่ยนเอ๋อร์ ข้าเดินทางถึงชายแดนเหนือแล้ว กำลังจัดระเบียบกองทัพติ้งเป่ยโหว อย่างไรก็ตามติ้งเป่ยโหวเสียชีวิต จิตใจคนแตกระแหง อาวุธในกองทัพเป็นของเก่าเสียส่วนมาก จำเป็นต้องรีบปรับเปลี่ยน ขอให้เยี่ยนเอ๋อร์เร่งเดินทางมาชายแดนเหนือ ช่วยปรับปรุงอาวุธยุทโธปกรณ์’
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนรอน้ำหมึกแห้งแล้วพับเก็บใส่ซองจดหมายอย่างนุ่มนวล รอเขียนจ่าหน้าซองด้วยลายมือของเซียวอ๋องเสร็จนางก็เก็บเอกสารในห้องหนังสือให้เรียบร้อย ก่อนสั่งคนไปเรียกหัวหน้าเว่ยมา ให้เขาเตรียมรถม้า เงินทอง และองครักษ์ฝีมือดีจำนวนหนึ่ง ประเดี๋ยวตนเองต้องใช้
หัวหน้าเว่ยไม่กล้าถามมากความ รีบร้อนไปเตรียมให้ทันที
ตอนนั้นเองรถม้าคันใหญ่ประดับตกแต่งสีทองคำลากด้วยม้ารูปงามสีขาวหิมะตัวหนึ่งแล่นมาถึงหน้าประตูจวนอ๋องช้าๆ ขันทีอายุน้อยคนหนึ่งตะโกนเสียงแหลม “ชายาเอกที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งมาถึงแล้ว จวนเซียวอ๋องรีบออกมาต้อนรับด้วย”
รออยู่ครู่หนึ่งจึงได้ยินเสียงฝีเท้าวุ่นวายดังมาจากข้างในจวน ประตูใหญ่ของจวนเซียวอ๋องเปิดออกท่ามกลางเสียงเอี๊ยดอ๊าด อวี้ฉือเฟยเยี่ยนนำหัวหน้าเว่ยกับบ่าวรับใช้ทุกคนออกมาต้อนรับชายาเอกของเซียวอ๋องที่ข้างนอกประตู
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนเดินถึงด้านหน้ารถม้าแล้วย่อกายคารวะอย่างนอบน้อม “เฟยเยี่ยนต้อนรับชายาเอก ขอเชิญชายาเอกลงจากรถม้าเจ้าค่ะ”
รอสักพักภายในรถม้าปราศจากเสียงความเคลื่อนไหว อวี้ฉือเฟยเยี่ยนกำลังนึกแปลกใจก็เห็นคนผู้หนึ่งตวัดกายลงจากหลังม้าศึกสีออกเทาตัวสูงใหญ่ผิดปกติ ก่อนก้าวไม่กี่ก้าวมาถึงตรงหน้าอวี้ฉือเฟยเยี่ยนเอ่ยว่า “ชายารองไม่ต้องมากมารยาท รีบลุกขึ้นเถิด”
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนลุกขึ้นเงยหน้ามอง ตรงหน้ามีสตรีผู้หนึ่งยืนอยู่ รูปโฉมนับว่าน่ามอง สวมชุดเกราะ เหน็บกระบี่คาดเอว ให้กลิ่นอายองอาจผ่าเผย ผู้ที่มาก็คือเฉิงอู๋ซวง ทว่านางกลับไม่ได้นั่งอยู่ในรถม้าพระราชทานของฮ่องเต้ฉีตี้ แต่ขี่ม้าล้ำค่าเร่งรีบเดินทางจากเมืองหลวงมาถึงไหวหนาน
พูดถึงเฉิงอู๋ซวงผู้นี้ เรื่องเล่ามากพอให้นักเล่านิทานแต่งม้วนไม้ไผ่เล่าออกมาได้สามวันสามคืน บิดาของนางเฉิงอวิ๋นหลงเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับฮ่องเต้ฮั่วอวิ่น สมัยหนุ่มขึ้นชื่อว่า ‘อวิ๋นหลงผู้บ้าดีเดือด’ ไม่เคยพ่ายสงครามที่เข้าร่วม ปกป้องฮั่วอวิ่นขึ้นเป็นผู้ว่าการท้องถิ่นอย่างราบรื่น หลังจากฮั่วอวิ่นก่อกบฏ อวิ๋นหลงผู้บ้าดีเดือดคนนี้ยังเป็นผู้นำในฐานะแม่ทัพแนวหน้า น่าเสียดายที่กาลเวลาไม่ปรานีคน เฉิงอวิ๋นหลงในวัยชราปราศจากความกล้าหาญในอดีต พ่ายแพ้ติดต่อกันหลายครั้ง
เฉิงอู๋ซวงสนใจวรยุทธ์กับพิชัยยุทธ์มาตั้งแต่เด็ก ตามติดบิดาศึกษาวรยุทธ์กับการจัดทัพ ร่วมออกศึกด้วยกันกับบิดา หลังจากพ่อลูกร่วมมือกันกลับเอาชนะศึกติดต่อกัน สร้างคุณูปการทางการทหารให้สกุลฮั่วในการสถาปนาต้าฉี เฉิงอู๋ซวงเองก็ได้ฮั่วอวิ่นแต่งตั้งเป็นแม่ทัพอวี้เฟิ่ง แม่ทัพอวี้เฟิ่งผู้นี้นับว่าโชคดีกว่าผู้เป็นบิดา ภายหลังนำทัพตามลำพัง ใช้ลูกไม้บางอย่างเอาชนะสงครามไม่เล็กไม่ใหญ่มาได้หลายครั้ง กลายมาเป็นเรื่องเล่าขานงดงามในช่วงหนึ่ง! แซ่ซ้องกันอยู่ในหมู่ชาวบ้าน แต่งเติมเรื่องเล่ามหัศจรรย์ให้กับแคว้น
แต่ถึงแม้เฉิงอู๋ซวงผู้นี้จะรูปงาม แต่อายุกลับไม่น้อยแล้ว อายุยี่สิบสองปีแต่กลับยังไม่แต่งงาน สตรีพยศดื้อรั้นเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าคนทั่วไปจะแต่งเข้าจวนไหว
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองเห็นแม่ทัพเฉิงผู้นี้พยุงตนเองลุกขึ้นด้วยรอยยิ้ม จากนั้นไม่มองตนเองอีก แต่เอ่ยกับหัวหน้าเว่ยเสมือนเป็นนายหญิงที่ใช้ชีวิตอยู่ในจวนอ๋องแห่งนี้มานานแล้ว “เจ้าคือหัวหน้าพ่อบ้านของจวนอ๋องใช่หรือไม่ ให้คนไปยกสินเจ้าสาวบนเกวียนลงมา เอาเข้าไปเก็บที่เรือนของข้าเสีย!”
Comments
