ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก
ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 141-143
บทที่ 143
เส้นทางสู่ทะเลทรายเหนือทั้งยาวไกลและเชื่องช้า ผู้ติดตามนอกจากสาวใช้อย่างเป่าจู ยังมีองครักษ์อีกสิบกว่าคน เส้นทางที่ใช้เดินทางล้วนมอบหมายให้องครักษ์กลุ่มนี้จัดแจง เนื่องจากเพื่อความเหมาะสม ทุกเส้นทางจึงเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก ไม่เลือกเดินทางอันตรายเพื่อไปให้ถึงเร็วขึ้น
ตอนที่ผ่านทางน้ำ ผ่านด่านมาถึงนอกประตูด่านจินเหมิน ทัศนียภาพของทะเลทรายก็เริ่มเปิดเผยให้เห็น ตามทิวเขาทอดยาว สีสันทรายเหลืองราวกับรอยแผลเป็นที่เปิดเผยอยู่ข้างนอก พืชพรรณโหรงเหรง กระแสลมแรงหอบหมุนอยู่นอกม่านหน้าต่างรถม้า ส่งเสียงดังหวีดหวิว
ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งที่อวี้ฉือเฟยเยี่ยนคุ้นชิน ภายในรถม้านางสั่งให้เป่าจูหยิบขี้ผึ้งหอมไป่เหอออกมาจากกล่องเครื่องประทินโฉม ควักเนื้อออกมาทาบนผิวที่เปิดเผยสู่ภายนอกของตนเอง จากนั้นเอ่ยกับเป่าจู “เจ้าเองก็ทาหน่อยเถิด ทะเลทรายเหนือช่วงฤดูกาลนี้ร้อนแห้งมากที่สุด ถ้าหากตากแดดผิวไหม้ ตอนกลางคืนจะแสบผิวจนนอนไม่หลับ”
เป่าจูรีบตอบรับ หลังจากช่วยชายารองทาทั่วตัวอย่างสม่ำเสมอก็ทาให้ตนเองบ้างเล็กน้อย แต่ภายในใจกลับลอบชื่นชม นึกไม่ถึงว่าชายารองจะเข้าใจวิถีชีวิตที่ทะเลทรายเหนือมากเพียงนี้ อ่านเจอจากในตำราหรือ
หลังจากผ่านประตูออกมานอกด่าน ฟ้าก็ใกล้ย่ำค่ำแล้ว ไม่เหมาะเดินทางต่อ ดังนั้นรถม้าจึงจอดหยุดพักค้างคืนที่โรงเตี๊ยมอวี้เฉวียน…โรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ที่สุดข้างนอกด่านจินเหมิน
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา อวี้ฉือเฟยเยี่ยนจึงแต่งกายเป็นบุรุษมาตลอดทาง เดิมทีนางก็ตัวสูงโปร่ง รูปโฉมยังงามสบายตาไม่ใช่งามจัดจ้าน เมื่อสวมชุดบัณฑิตสีครามก็ดูคล้ายบัณฑิตเจียงหนานผู้งามสง่าจริงๆ
เนื่องจากดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ตอนที่พวกอวี้ฉือเฟยเยี่ยนเข้ามาในโรงเตี๊ยมจึงไม่ได้สะดุดตาคน ก่อนเลือกห้องพักชั้นดีห้าห้องเข้าพักอยู่
หัวหน้าองครักษ์ไฉจิ้นสอบถามอวี้ฉือเฟยเยี่ยนว่าจะให้ส่งนกพิราบสื่อสารไปแจ้งกับเซียวอ๋องล่วงหน้า จะได้ให้ค่ายใหญ่ส่งทหารมารอต้อนรับดีหรือไม่
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนกลับลังเลขึ้นมา
ครั้งนี้นางเดินทางมาทะเลทรายเหนือเป็นการลงมือก่อนค่อยรายงาน เซียวอ๋องไม่ได้รู้เรื่อง แต่ไปถึงที่นั่นแล้วตนเองควรพูดกับเซียวอ๋องอย่างไรเป็นเรื่องน่าปวดหัวอีกเรื่องหนึ่ง มิหนำซ้ำ…หากเขารู้เรื่องที่ฮ่องเต้พระราชทานชายาเอกให้ ในใจเขาจะคิดอย่างไร
ตอนที่ออกเดินทางมาอาศัยโทสะนำพาเพียงอย่างเดียว ตอนนี้มาถึงถิ่นหนาวเย็นกันดารอย่างทะเลทรายเหนือแล้ว หัวนางกลับค่อยๆ เย็นลง พิจารณาดูแล้วลอบรู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะสม พฤติกรรมหึงหวงเช่นนี้จะรอดพ้นสายตาเฉียบแหลมของเซียวอ๋องได้อย่างไร ถึงอย่างไรก็ขาดคุณธรรมของสตรีออกเรือน…ควรจะไปที่ค่ายใหญ่หรือไม่กันแน่ ในเวลาสั้นๆ นางไม่อาจตัดสินใจได้
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนคิดถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจน้อยๆ ก่อนเอ่ยกับไฉจิ้น “รอก่อน เอาไว้เข้าแถบภูเขาไป๋ลู่ค่อยบอกอีกทีก็ยังไม่สาย”
ไฉจิ้นได้ยินแล้วประสานมือถอยออกไปนอกห้อง กำชับให้องครักษ์เฝ้าประตูคุ้มกันชายารองให้ดี ก่อนเข้าไปพักผ่อนในห้องด้านข้าง
เมื่อครู่นี้เป่าจูลงไปจ่ายเงินให้ลูกจ้างข้างล่าง ดังนั้นลูกจ้างจึงส่งน้ำอุ่นมาเทใส่ถังอาบน้ำที่ขัดสะอาดสะอ้านอย่างขยันขันแข็ง ให้แขกสูงศักดิ์ได้อาบน้ำชำระล้างกายสลายความเหนื่อยล้า
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนถอดชุดก้าวลงแช่ในน้ำอุ่น ปล่อยให้ไอร้อนรมตัว ชั่วขณะนั้นนับว่าหายเหนื่อยไปหลายส่วน ระหว่างที่กำลังปิดตาพักผ่อน กลับได้ยินเสียงโวยวายดังมาจากชั้นล่าง เหมือนมีคนทำลายข้าวของ
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนลืมตาทันใด พร้อมเรียกหาเป่าจู “เจ้าลองไปดูซิว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
เป่าจูรีบออกไปเปิดประตู เพียงไม่นานก็วิ่งย้อนกลับมาเอ่ยเสียงเบาอย่างร้อนรน “ชา…ชายารอง ข้างนอกมีคนที่คล้ายกลุ่มโจรบุกเข้ามา บอกว่าจะมาจับตัวคนที่ชื่อ…ชื่อว่าบัณฑิตจูเก๋ออะไรสักอย่างเจ้าค่ะ…”
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนได้ยินแล้วดวงตาผลซิ่งเบิกกว้างทันควัน เอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก “บัณฑิตจูเก๋อ?”
เป่าจูผงกศีรษะ “ตอนนี้พวกเขากำลังไล่ตรวจสอบไปทีละห้อง เถ้าแก่ร้านที่ชั้นล่างขัดขวางไม่สำเร็จ โดนดาบพาดคอไปแล้ว เขาตกใจจนไม่กล้าขยับตัวอีก”
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนฟังจบแล้วขมวดคิ้วอย่างห้ามไม่ได้ จิตใจพลิกตลบทันควัน ถึงแม้สถานที่แห่งนี้จะอยู่นอกด่าน แต่เนื่องจากอยู่ใกล้กับด่านจินเหมินมาก นับว่าเป็นพื้นที่ที่สงบเรียบร้อยดี ยังถือว่าอยู่ห่างจากใจกลางพื้นที่อลหม่านไร้คนคุมอีกหลายร้อยหลี่ ไม่รู้ว่าผู้ที่อยู่ข้างล่างมีที่มาจากที่ใด เหตุใดถึงกล้าค้นหาอย่างเอิกเกริกในที่แห่งนี้
นางคิดแล้วรีบออกมาจากถังน้ำ เกล้าผมที่เปียกชื้นเล็กน้อยขึ้นบนศีรษะ ยึดด้วยปิ่นหยกขาวอันหนึ่ง จากนั้นสวมเสื้อคลุมตัวนอก
ตอนนั้นเองได้ยินเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดมาจากบันไดข้างนอก คนกลุ่มหนึ่งบุกขึ้นมาชั้นบนแล้ว ตามด้วยเสียงประตูถูกถีบเปิด เสียงกรีดร้องของบรรดาแขกผสานเสียงสบถด่าดังขึ้นเป็นระลอก
ในไม่ช้าคนกลุ่มนั้นก็ขยับมาถึงห้องพักของอวี้ฉือเฟยเยี่ยน แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกพวกไฉจิ้นขัดขวางเอาไว้ก่อน
“หยุดเดี๋ยวนี้!” ไฉจิ้นเป็นบุรุษสูงแปดฉื่อจากแดนเหนือ เวลาหน้าไม่ยิ้มมีแต่ก้อนเนื้อบนใบหน้า ดูแล้วไม่ใช่คนคุยง่ายเด็ดขาด
คนที่นำการค้นหาแต่งกายแบบชาวหูหรง หน้าตาดูไม่น่าคบหาเช่นเดียวกัน เขาเดินทางมาถึงตรงนี้โดยไร้อุปสรรคใดๆ อยู่ดีๆ กลับถูกคนออกมาขวาง ยามนั้นจึงถลึงตาอย่างอำมหิต หมัดเหล็กกำแน่นเหวี่ยงใส่ไฉจิ้นทันที เดิมทีไฉจิ้นผู้นี้เป็นทหารแนวหน้าในสังกัดของเซียวอ๋อง แม้จะไม่เก่งด้านบัญชาการทัพ แต่ถ้าเป็นเรื่องต่อสู้ตัวเปล่า ต่อยคนหักขาแล้วกลับเป็นยอดฝีมือโหดเหี้ยมอันดับต้นๆ ในกองทัพของเซียวอ๋อง
Comments
