“เมื่อสองวันก่อนแม่ทัพโต้วตามสืบพบเบาะแสของเซวียนหมิงกับลูกน้องที่เมืองฝานเฉิง…แต่ว่าเซวียนหมิงดูเหมือนจะพาเด็กหญิงคนหนึ่งไปหาหมอซื้อยา ภายหลังแม่ทัพโต้วตามสืบยาที่เขาซื้อไปคล้ายว่าจะ…เหมือนพิษประหลาดที่ท่านอ๋องถูกมาก่อนหน้านี้พ่ะย่ะค่ะ…”
เซียวอ๋องได้ยินแล้วเลิกคิ้ว “เซวียนหมิงถูกพิษอย่างนั้นหรือ”
“ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ…หลังจากไต่สวนหมอท้องถิ่นที่รักษาให้พวกเขา ได้ยินว่าเป็นเด็กหญิงคนนั้นถูกพิษพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวอ๋องได้ยินแล้วลอบประหลาดใจ เซวียนหมิงทำอะไรแนบเนียนไร้ช่องโหว่เสมอมา เว้นแต่ว่าจะจงใจเปิดเผยร่องรอยเอง ไม่รู้ว่าเด็กหญิงผู้นี้มีความเป็นมาอย่างไร นึกไม่ถึงว่าจะทำให้เซวียนหมิงยอมเสี่ยงถูกจับได้ก็ต้องมาช่วยนางหาหมอซื้อยาให้
“บอกให้โต้วหย่งตามสืบถึงที่สุด จะต้องตัดรากถอนโคนให้ได้!”
เซียวอ๋องไม่ได้เดินไปทางเรือนของอวี้ฉือเฟยเยี่ยน เขาคิดแล้วเรียกหัวหน้าเว่ยมาสั่งการบางอย่าง พายุลูกหนึ่งกำลังจะปะทะใส่จวนอ๋อง เดิมทีเตรียมให้อวี้ฉือเฟยเยี่ยนกลับจวนอวี้ฉือโหวรอวันแต่งงานใหม่อยู่แล้ว ตอนนี้หนังสือหย่าใบหนึ่งกลับช่วยเยี่ยนเอ๋อร์หลีกเลี่ยงการรบกวนของลมพายุพวกนี้ได้พอดี
เพียงแต่จะไปที่จวนอวี้ฉือโหวไม่ได้แล้ว…สถานที่เดียวที่จะไม่ถูกอำนาจเชื้อพระวงศ์รบกวน…เกรงว่าจะมีแค่ทางมารดาบุญธรรม
เพื่อลูกในท้องของเยี่ยนเอ๋อร์ เขาต้องกำจัดพวกมดปลวกที่ไม่รู้จักประเมินกำลังตนเองพวกนี้โดยเร็วที่สุด!
ตอนที่เซียวอ๋องออกคำสั่งนั้น เมืองฝานเฉิงก็ล่วงสู่ราตรีกาลแสนอ้างว้างแล้ว หมู่บ้านเล็กๆ ทางเหนือแห่งนี้มักจะมืดลงตั้งแต่หัวค่ำ
บนถนนภูเขาที่มืดมิดมากมีคนสวมชุดคลุมยาวหนังสัตว์เร่งรีบเดินทางอยู่ การแต่งกายของเขาเป็นเครื่องแต่งกายที่ชาวบ้านท้องถิ่นนิยมใส่กันมากที่สุด บนใบหน้าพันผ้าพันคอผืนหยาบกันหนาว แต่ดวงตากับคิ้วที่เผยออกมากลับหล่อเหลามาก ตอนที่มาถึงกระท่อมฟางหลังหนึ่งบริเวณสันเขาเขาสะบัดหิมะบนร่างออกแล้วผลักประตูเปิดเข้าไป
ในกระท่อมฟางมีตั่งดินขนาดไม่ใหญ่อยู่ตัวหนึ่ง เด็กหญิงใบหน้าซีดเซียวคนหนึ่งนอนอยู่บนนั้น ริมฝีปากที่ซีดและแตกระแหงบ่งบอกว่านางไม่ได้ดื่มน้ำมาสักพักหนึ่งแล้ว
“เซวียนเฉ่า ข้ากลับมาแล้ว” ได้ยินคนผู้นี้พูด เซวียนเฉ่ากลับไม่ได้ลืมตา เพียงแค่ขยับริมฝีปากน้อยๆ อย่างไร้กำลัง
เซวียนหมิงไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่นอีก เขาถอดเสื้อตัวนอก รีบไปตักน้ำร้อนกระบวยหนึ่งจากในหม้อบนเตาดินด้านข้างที่ฟืนยังไม่ดับ นำมาวางบนพื้นหิมะให้เย็นลงเล็กน้อย จากนั้นยกเข้าห้อง โอบตัวเด็กหญิงที่ไข้ขึ้นจนตัวร้อนขึ้นมา แล้วป้อนน้ำใส่ปากเด็กหญิงคนนั้นอย่างระมัดระวัง
เซวียนเฉ่าดื่มน้ำไปเล็กน้อย นับว่าพอมีแรงลืมตาในที่สุด แต่บนดวงหน้าเล็กยังคงไม่มีสีเลือดอะไร นางเพียงหอบหายใจเอ่ยเสียงเบา “อยากกินเป็ดแปดสมบัติ…”
จิตวิญญาณที่ต่อให้ตายก็ไม่ยอมพลาดอาหารเลิศรสเช่นนี้ช่างชวนให้คนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกจริงๆ
เซวียนหมิงล้วงห่อผ้าห่อหนึ่งออกมาจากสาบเสื้อ หลังจากเปิดออกข้างในยังมีกระดาษน้ำมันอยู่อีกชั้น รอเปิดออกหมดแล้ว ในนั้นก็คือเนื้อเป็ดพะโล้ส่งกลิ่นหอมโชยเข้าจมูก
เซวียนหมิงล้างมือ จากนั้นฉีกเนื้อเป็ดเป็นชิ้นเล็กป้อนเข้าปากเด็กหญิง ตามด้วยเช็ดคราบน้ำเป็ดที่มุมปากนางให้อย่างใส่ใจ “ป่วยถึงขั้นนี้แล้ว แต่ของที่อยากกินมีแต่ของมันเลี่ยน…กินอีกชิ้นแก้อยากก่อน ประเดี๋ยวกินข้าวต้มบ้างเล็กน้อยดีหรือไม่”
แต่เซวียนเฉ่าได้ยินแล้วกลับน้ำตาคลอ “เซวียนเฉ่าไม่อยากกินข้าวต้ม ยังอยากกินขนมพุทรา สามชั้น หมูกรอบด้วย…เซวียนเฉ่ามีอะไรที่อยากกินอีกเยอะมาก ถ้าเกิดอีกเดี๋ยวตายไปก็จะไม่มีโอกาสกินอีกแล้ว…”