บทที่ 174
เซวียนหมิงมองพวงแก้มแดงระเรื่อของนางแล้วคลี่ยิ้ม ก่อนใช้ผ้าอุ่นร้อนวางบนศีรษะน้อยๆ ของนางอย่างแผ่วเบา ตอนนั้นเองข้างนอกประตูมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เซวียนหมิงเหลือบตามองตรงหน้าต่าง ที่แท้เป็นชิวเทียนกลับมาแล้ว
“เรียนจิ้นอ๋อง ทหารไล่ตามของเซียวอ๋องมาถึงเมืองฝานเฉิงแล้วขอรับ!”
เซวียนหมิงได้ยินแล้วนิ่งเงียบไปสักพัก “ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องคิดหาวิธีแก้ปัญหาทหารที่ไล่ตามมา หากปล่อยให้ไล่ตามไปจนถึงซีอวี้จะกลายเป็นภัยแฝงได้…”
ชิวเทียนได้ยินแล้วเอ่ยตอบรับเสียงทุ้ม “ขอรับ ข้าน้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!”
เซวียนหมิงพูดจบก็เงยหน้ามองไปทางภูเขาห่างไกล ที่ตรงนั้นเป็นผืนป่าไร้ขอบเขต…
ตอนที่เซียวอ๋องพูดขึ้นว่าจะเขียนหนังสือหย่า อวี้ฉือเฟยเยี่ยนเงยหน้ามองเซียวอ๋องอย่างแปลกใจ
ถึงแม้ฮองเฮาจะบอกกล่าวเรื่องนี้ก่อนแล้วล่วงหน้า แต่อวี้ฉือเฟยเยี่ยนคิดว่าเรื่องนี้แค่ทำพอเป็นพิธีเท่านั้น ไม่ว่าอย่างไรการจะสยบปากของผู้คนจำเป็นต้องทำพอเป็นพิธีเท่านั้น
นางย่อมไม่เคยคิดว่าเซียวอ๋องจะจริงจังเพียงนี้ แม้แต่หนังสือหย่ายังเขียนแล้ว ต่อให้รู้มาก่อนแต่จู่ๆ ได้เห็นตัวอักษรดำบนกระดาษขาว ในใจนางยังคงรู้สึกแย่อย่างมาก
ทว่าอวี้ฉือเฟยเยี่ยนตั้งใจอ่านเหตุผลปลดชายารองของเซียวอ๋องอย่างละเอียดรอบหนึ่ง กลับเขียนได้ดูดียิ่ง ไม่ได้อยู่ใน ‘กฎเจ็ดออก’* แต่เป็นเพราะ ‘ให้กินผลไม้ไม่แกะเมล็ด ความคิดอ่านไม่รอบคอบ’…เหตุผลเรียกว่าฉาบฉวยเข้าใจง่ายมาก นั่นคือเวลาปรนนิบัติท่านอ๋องกินผลไม้ไม่แกะเมล็ดให้ เกือบจะทำให้คานหลักแห่งต้าฉีติดคอตาย
ใคร่ครวญดูให้ดีกลับมีเรื่องเช่นนี้จริงๆ ก่อนหน้านี้นางกินผลไม้เปรี้ยว ชั่วขณะนั้นกินลื่นคอหยุดไม่อยู่ เซียวอ๋องกลัวนางกินเยอะเกินไปจะไม่ดีต่อกระเพาะอาหาร จึงบังคับบีบใบหน้านาง ใช้ลิ้นเกี่ยวลูกหนึ่งออกจากปากนาง ผลปรากฏว่าเขารีบกลืนเกินไป เมล็ดเลยติดคอเข้าให้ ต้องดื่มน้ำชาตามลงไปสองถ้วยถึงดีขึ้น…
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนนั่งอยู่ในห้องหนังสือ อ่านแล้วพูดไม่ออกอยู่ครึ่งค่อนวัน เอาแต่ถือหนังสือหย่าฉบับนั้นอ่านดูซ้ำๆ
เซียวอ๋องเขียนเอกสารทางการหน้าสุดท้ายเสร็จพอดี เห็นอวี้ฉือเฟยเยี่ยนนั่งเงียบไม่พูดจาอยู่ด้านข้างก็ขยับเข้ามาใกล้ จุมพิตบนริมฝีปากผลอิงของนางเบาๆ “เหม่อลอยอะไรอยู่ตั้งนาน ระวังสายตาจะเสีย ไปกัน ตามข้าเข้าไปงีบในห้องสักพัก ให้ข้าได้วัดเองกับมือว่าเยี่ยนเอ๋อร์ของข้าทรวงอกอวบอิ่มขึ้นอีกแล้วใช่หรือไม่”
นับแต่โบราณมาถึงปัจจุบัน คนที่เพิ่งยื่นหนังสือหย่าให้แล้วเอ่ยคำพูดไร้ยางอายมาวอแวอดีตภรรยาเช่นนี้ ก็มีแค่เพียงองค์ชายรองแห่งต้าฉีผู้นี้คนเดียวแล้วเท่านั้น
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนขืนตัวออกจากอ้อมกอดเขาเล็กน้อย ก่อนย่อกายคารวะเอ่ย “หม่อมฉันเป็นคนไม่ละเอียดอ่อน เกรงว่ามือไม้งุ่มง่ามจะทำร้ายร่างกายล้ำค่าของท่านอ๋องเข้าเพคะ”
เซียวอ๋องเห็นท่าทางแง่งอนของอวี้ฉือเฟยเยี่ยนก็หรี่ตาลงเอ่ย “แค่ทำเป็นพิธีเท่านั้น เหตุใดหงุดหงิด ขึ้นมาจริงๆ เสียเล่า”
ยังไม่ทันพูดจบก็เห็นโฉมงามขอบตาแดงระเรื่อขึ้นมา
อาจเพราะว่าตั้งครรภ์ หลายวันมานี้อารมณ์ของอวี้ฉือเฟยเยี่ยนค่อนข้างแปรปรวน ขนาดแค่อ่านตำราอ่านเล่นยังหลั่งน้ำตาได้ บัดนี้มาเห็นหนังสือหย่าสีขาวตัวอักษรสีดำ ตราประทับไม่ขาดตกไปสักอย่าง กลับสวมบทบาทกลายเป็นเหมือนสตรีน่าสงสารที่เฝ้ารออย่างโดดเดี่ยวในถ้ำหนาวเหน็บมานานหลายสิบปีพวกนั้น เกิดความรู้สึกว่าถูกเซียวอ๋องทอดทิ้งขึ้นมาจริงๆ…
“นึกว่าท่านอ๋องจะแค่ทำพอเป็นพิธี ทว่าที่แท้ยังมีหนังสือหย่าฉบับหนึ่งจริงๆ ทั้งยังส่งไปให้ศาลบรรพชนประทับตราเรียบร้อยแล้วด้วย…ไม่อาจบิดพลิ้วได้แล้ว ถ้าอย่างนั้นตั้งแต่วันนี้เยี่ยนเอ๋อร์ก็เป็นอิสระ ขอให้องค์ชายรองรักษาตัวดีๆ เยี่ยนเอ๋อร์ขอตัวก่อนแล้ว…”
ทันทีที่เซียวอ๋องได้ยินประโยคเลยเถิดขึ้นเรื่อยๆ ก็โอบตัวเยี่ยนเอ๋อร์ที่ทำตัวแง่งอนเข้ามาในอ้อมกอดทันที “จะขอตัวไปที่ใด อยู่ที่นี่ให้ดีๆ วันพรุ่งนี้หัวหน้าเว่ยจะส่งเจ้าไปหาท่านพ่อที่ชานเมืองหลวง”
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนค่อยๆ เงยหน้าขึ้น ในใจกลับลอบรู้สึกไม่สบายใจ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเพคะ เหตุใดต้องรีบร้อนไล่หม่อมฉันไปด้วย”