เซียวอ๋องลอบสะทกสะท้อนใจ ได้โฉมงามฉลาดเฉลียวเช่นนี้มาครองคู่ หากยังคิดปิดบังต่อคงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเปลืองแรงจริงๆ การต่อสู้ทางลับในราชสำนักครั้งนี้เกี่ยวพันถึงรัชทายาท เซียวอ๋องจำเป็นต้องทุ่มสุดกำลัง เวลานี้เยี่ยนเอ๋อร์ตั้งครรภ์อยู่ แต่อิงจากนิสัยของนาง หากได้ล่วงรู้ความสำคัญที่ซ่อนอยู่จะต้องเหนื่อยกายเหนื่อยใจแน่นอน ร่างกายที่หนักเพียงนี้จะมีเรี่ยวแรงให้สิ้นเปลืองเพียงนั้นที่ใดกัน
ยามนี้เขายิ่งแน่วแน่กับการตัดสินใจส่งนางออกจากจวนมากกว่าเดิม จึงก้มลงจุมพิตปลายจมูกนางเอ่ย “รีบส่งเจ้าออกจากจวน ข้าถึงจะแต่งภรรยาใหม่เข้ามาได้! เป็นเด็กดี ข้าจะไปเยี่ยมเจ้า…”
พูดจบก็ไม่รอให้อวี้ฉือเฟยเยี่ยนถามต่ออีก อ้างว่าต้องไปทำงานที่กรมปกครองแล้วออกจากจวนไป
ข่าวเซียวอ๋องหย่ากับชายารองแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ชายารองผู้นี้ไม่ได้ครองตำแหน่งชายาเอก แต่อย่างไรก็เป็นคนที่ฮ่องเต้แต่งตั้งเข้าจวนอ๋องด้วยตนเอง สมัยก่อนยึดครองความโปรดปรานหนึ่งเดียวมาตลอด เหตุใดทุกวันนี้ตั้งครรภ์แล้วกลับยังถูกหย่าออกจากจวนได้อีกเล่า อย่างไรเสียคนที่รู้เบื้องหลังก็มีแค่ฮองเฮาผู้เดียว คนที่ไม่รู้เรื่องราวเบื้องหลังจึงยังจับต้นชนปลายไม่ถูกจริงๆ
เซียวอ๋องให้หัวหน้าเว่ยจัดแจงรถม้าส่งอวี้ฉือเฟยเยี่ยนไปพักอยู่กับบิดามารดาบุญธรรมชั่วคราวตั้งแต่เช้าตรู่ ตอนที่อวี้ฉือเฟยเยี่ยนออกจากจวนก็ไม่ได้พบหน้าเซียวอ๋อง สภาพนางที่มีแค่สาวใช้เป่าจูติดตามมาคนเดียวขณะเดินออกจากประตูรองยังสะท้อนให้เห็นความอ้างว้างของภรรยาที่ถูกหย่าอยู่หลายส่วนจริงๆ
เซียวอ๋องยื่นหนังสือหย่าให้ศาลบรรพชนแล้ว บางคนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านและบังเอิญเดินทางผ่านถนนหินในตรอกหลังประตูจวนอ๋องพอดีจึงเลิกม่านรถม้าออกดูสักพัก
ชั่วขณะนั้นเรื่องท่านอ๋องเลือดเย็นหย่าขาดชายารองที่กำลังตั้งครรภ์ก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง ต่างคนต่างความคิด บางคนพูดจามั่นอกมั่นใจว่าเมื่อหลายวันก่อนเห็นเซียวอ๋องในหอสังคีตชื่อดังที่สุดของเมืองหลวง ดื่มสุราทั้งคืนขณะโอบสตรีงามล้ำผู้หนึ่ง กิริยาวาจากรุ้มกริ่มมาก ดูท่าแล้วอนุรักจวนอ๋องผู้นี้ยังคงรูปโฉมโรยราเพราะตั้งครรภ์ ทำให้ความรักของท่านอ๋องไม่เหลืออยู่อีก ตำแหน่งสตรีคนโปรดของจวนอ๋องเกรงว่าใกล้จะเปลี่ยนคนแล้ว…
แต่ว่าข่าวลือเหล่านี้ไม่ได้ล่องลอยไปถึงเรือนที่ชานเมืองแห่งนี้ ตวนมู่ฮูหยินเก็บกวาดห้องที่รับแดดดีที่สุดออกมาให้อวี้ฉือเฟยเยี่ยนล่วงหน้าแล้ว ถึงแม้เรือนแห่งนี้จะไม่กว้างขวางสะดวกสบายเท่าจวนอ๋อง ขนาดเล็กกว่าทว่ามีสิ่งต่างๆ ครบครัน รวมกับฝีมือไม่ธรรมดาของตวนมู่เซิง ข้าวของแต่ละอย่างในห้องนี้ล้วนประณีตอย่างมาก
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนมองเปลเด็กสร้างจากไม้สนเปลนั้นแล้วยิ้มแย้มเอ่ย “ท่านแม่ ข้าไม่เคยเห็นเปลแบบนี้มาก่อน เหตุใดถึงโยกด้วยตนเองได้ด้วยเล่าเจ้าคะ”
ตวนมู่ฮูหยินกำลังตัดเย็บรองเท้าผ้าหัวเสือสำหรับเด็กทารก นางยิ้มเอ่ย “ข้างล่างเปลโยกติดตั้งบานพับเอาไว้ พอใส่น้ำมันกับลงแรงมากพอก็จะโยกเองได้สักพักหนึ่ง สบายขึ้นบ้าง…แต่ว่าท่านพ่อเจ้าเหนื่อยไปเสียเปล่าแล้ว ในจวนอ๋องของพวกเจ้ามีทั้งแม่นมและสาวใช้ ยังต้องการเปลโยกนี้ที่ใดกัน”
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนช่วยตวนมู่ฮูหยินจับผ้าพลางยิ้มเอ่ย “ลูกต้องเลี้ยงดูด้วยตนเองถึงจะดีกว่าบ้าง…ข้าไร้มารดาตั้งแต่เด็ก แต่ยังพอจดจำภาพที่ท่านแม่อุ้มข้าได้ ไม่อาจปล่อยให้เด็กในท้องข้าไม่มีกระทั่งความทรงจำนี้กระมังเจ้าคะ เปลโยกของท่านพ่อวิเศษยิ่ง วันหน้าข้าจะต้องเอากลับไปที่จวนด้วยแน่นอนเจ้าค่ะ”
ตวนมู่ฮูหยินยิ้มแย้มมองอวี้ฉือเฟยเยี่ยน รู้สึกว่ายิ่งมองก็ยิ่งชอบสะใภ้คนนี้จริงๆ เดิมทีนางกังวลว่าทุกวันนี้อาเฉิงเป็นเชื้อพระวงศ์ จะให้ความสำคัญกับอำนาจจนเหินห่างสายสัมพันธ์ครอบครัว อีกทั้งเขายังมีนิสัยเย็นชาตั้งแต่เด็ก คบหากับผู้อื่นไม่เก่ง ฮ่องเต้กับฮองเฮาเองก็ไม่ใช่คนที่คบหาด้วยง่าย อนาคตในจวนอ๋องกว้างใหญ่มีภรรยาและอนุมากมาย ต่างคนต่างชิงไหวชิงพริบกัน เกรงว่ามีแต่จะทำให้อาเฉิงเย็นชาลงกว่าเดิม