บทที่ 175
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนกลับไม่สนใจ เอาแต่ปิดตาแกล้งหลับ เซียวอ๋องโน้มตัวคร่อมทับ ก้มลงหอมแก้มที่อวบอิ่มขึ้นของนางเสียเลย
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนจับผ้าห่มขึ้นมาบังมิดหน้า ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่คิดสนใจบุรุษด้านหลัง
สุดท้ายเซียวอ๋องอุ้มอวี้ฉือเฟยเยี่ยนมากอดถามว่า “อันใดกัน นี่ไม่สนใจสามีเจ้าแล้ว? จะก่อกบฏจริงๆ หรือไร”
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนถูกเขารบกวนจนนอนต่อไม่ได้อีก จึงหลุบตาลงเอ่ย “ทุกวันนี้หม่อมฉันกับพระองค์แยกทางกันแล้ว หม่อมฉันเองก็กลับคืนสู่ฐานะยังไม่ออกเรือน หวังว่าท่านอ๋องจะสำรวมพระองค์ รีบปล่อยพระหัตถ์ออกเถิดเพคะ ทุกวันนี้พวกเราไม่เกี่ยวข้องอันใดกัน โอบกอดกันเช่นนี้จะทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด…”
ยังไม่ทันพูดจบ ริมฝีปากอวี้ฉือเฟยเยี่ยนก็ถูกเซียวอ๋องปิดสนิท หลังจากจุมพิตอยู่สักพักถึงปล่อยริมฝีปากที่เอ่ยวาจาเย็นชานั้น “ช่วงนี้ที่เจ้าไม่อยู่ที่จวน ข้าทั้งกินไม่ได้นอนไม่หลับ วันนี้รีบทำงานให้เสร็จมาหาเจ้า แต่เจ้ากลับใจจืดใจดำ อยากปัดความสัมพันธ์กับข้าเช่นนี้? ไหนจะพูดอีกว่ายังไม่ออกเรือน ทั้งที่ในท้องของเจ้าก็อุ้มเลือดเนื้อเชื้อไขของข้าอยู่เลย!”
ทางนี้ยังไม่ทันพูดจบคนในอ้อมกอดก็ขอบตาแดงระเรื่อแล้ว “ท่านอ๋องกลับตรัสวาจาดุร้ายเพียงนี้…”
เซียวอ๋องเลิกคิ้วเข้ม “ยังทำตัวเป็นคนผิดชิงฟ้องก่อนอีก? ข้าดุเจ้าที่ใดกัน”
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนนึกถึงตนเองที่ออกจากจวนพร้อมเป่าจูแค่สองคนในวันนั้นก็กลั้นน้ำตาไม่ไหวอีก หยดน้ำไหลลงมา ชั่วขณะนั้นบนดวงหน้าเล็กเปรอะเปื้อนน้ำตา ประหนึ่งกระเบื้องเคลือบสีขาวเนื้อเนียนที่เปรอะหยาดน้ำค้าง ชวนให้คนเห็นแล้วรู้สึกสงสารจับใจ
เซียวอ๋องก้มหน้าเห็นภาพนี้แล้วรู้สึกปวดใจจริงๆ
ตลอดมาเวลาสตรีผู้นี้อยู่ต่อหน้าผู้อื่นล้วนฝืนทำตัวเข้มแข็ง ไม่เคยเห็นนางเป็นเหมือนสตรีในเรือนหลังทั่วไปที่ออดอ้อนแย่งชิงความโปรดปรานทุกสามวันห้าวัน ต่อให้เป็นสมัยที่ถูกเขาบังคับแต่งเข้าจวน นางก็มีท่าทีเย็นชา รักษาเปลือกนอกที่เข้มแข็งเอาไว้ เพียงแต่ภายหลังทั้งสองคนผ่านอุปสรรคด้วยกัน นางถึงค่อยๆ ปลดปราการป้องกันตัวออก เปิดเผยความขวยเขินที่สตรีวัยสิบแปดปีควรมีต่อหน้าเขา
ทุกวันนี้การเลี้ยงดูทะนุถนอมนับว่าบังเกิดผลแล้ว นึกไม่ถึงว่าเดี๋ยวนี้แค่ได้รับความไม่เป็นธรรมเล็กน้อยนางก็อ่อนนุ่มเป็นก้อนแป้ง ฟุบตัวสะอื้นไห้อยู่บนอกของเขา สภาพเช่นนี้ไม่ว่ามองอย่างไรก็ไม่มากพอ! เซียวอ๋องทั้งปวดใจทั้งมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เยี่ยนเอ๋อร์ของเขามีแค่เวลาอยู่ในอ้อมกอดถึงจะแสดงความอ่อนแอเช่นนี้!
ยามนี้เขาโอบนางอยู่ในอ้อมกอด เอ่ยปลอบนางเสียงอ่อนหวาน ถึงระงับน้ำตาโฉมงามได้ในที่สุด
ตวนมู่ฮูหยินเองก็เป็นคนเข้าอกเข้าใจผู้อื่น เห็นเซียวอ๋องมาแล้วจึงให้เป่าจูยกโต๊ะเล็กอีกตัวมาวางในลานเรือนของห้องหลักอวี้ฉือเฟยเยี่ยน สองสามีภรรยาจะได้ใช้เวลาพร้อมหน้าพร้อมตากันเป็นการส่วนตัวดีๆ
วันนี้ทำน้ำแกงไก่ดำตุ๋นตะพาบ อาหารที่ทำจากวัตถุดิบสดใหม่สองชนิดชูรสชาติซึ่งกันและกันให้ยิ่งอร่อยมากกว่าเดิม
นับประสาอะไรกับที่เดิมทีตวนมู่ฮูหยินก็ทำอาหารเก่งอยู่แล้ว อาหารเลิศรสจานหนึ่งมักมีความพิเศษซ่อนอยู่ รอเป่าจูยกน้ำแกงชามใหญ่มีฝาปิดมาวางแล้วเปิดฝาออก ก็เห็นพุทราสีแดงรวมถึงลำไยที่แกะเมล็ดออกแล้วลอยอยู่บนน้ำแกงเข้มข้น ทว่ามองไม่เห็นเงาของไก่ดำ รอเปิดกระดองตะพาบออกถึงเห็นเนื้อไก่ดำเราะกระดูกถูกยัดใส่เต็มท้องของตะพาบ รสชาติสดใหม่ของเนื้อสองชนิดผสมกัน หอมจนชวนให้คนลงมือขยับตะเกียบ
เซียวอ๋องคีบตะพาบเนื้อนุ่มชิ้นหนึ่งวางใส่ถ้วยของอวี้ฉือเฟยเยี่ยน อวี้ฉือเฟยเยี่ยนกัดไปคำหนึ่ง เนื้อนุ่มกลิ่นหอม ที่หาได้ยากคือต้มน้ำแกงแล้วแต่รสชาติของเนื้อตะพาบกลับไม่เสียหายไปสักนิดเดียว ที่เข้าคู่กันยังมีซานเย่าเชื่อมน้ำผึ้ง ซานเย่าถูกบดละเอียด เนื้อผสมนมก้อนเครื่องราชบรรณาการจากนอกด่าน แล้วราดน้ำผึ้งทับอีกชั้น เวลากินเข้าปากให้หอมหวานลื่นคออย่างยิ่ง
อาหารจานหลักเองก็ตั้งใจทำเป็นพิเศษ ในแป้งนึ่งผสมน้ำผึ้งและยังใส่ถั่วแดงลงไปด้วย เซียวอ๋องกัดแป้งนึ่งรสหวานไปคำ รู้ว่ามารดาบุญธรรมตั้งใจปรุงรสอาหารตามความชอบของอวี้ฉือเฟยเยี่ยน
หลังจากอวี้ฉือเฟยเยี่ยนตั้งครรภ์ก็ไม่ค่อยกินอาหารมื้อใหญ่ สนใจกินแต่พวกขนม ตอนนี้ดูไปแล้วส่งมาอยู่กับมารดาบุญธรรมนับว่าถูกต้อง นางได้รับการดูแลเอาใจใส่จากมารดาบุญธรรมแค่ไม่กี่วันดวงหน้าเล็กก็มีเนื้อหนังเพิ่มขึ้นมาแล้ว
พออาหารถูกปาก สตรีตั้งครรภ์ก็กินอย่างเต็มที่ นางดื่มน้ำแกงเข้มข้นไปสองถ้วยเล็ก เป่าจูอยู่ด้านข้างเอ่ยเสียงเบา “ตวนมู่ฮูหยินกำชับมาว่าช่วงที่สตรีเพิ่งตั้งครรภ์ ห้ามกินตะพาบเป็นอันขาด แต่ถ้าครรภ์แข็งแรงแล้ว โดยเฉพาะกินช่วงก่อนคลอด จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้สตรีตั้งครรภ์ นางใช้ไก่ดำมาช่วยปรับฤทธิ์เย็นของตะพาบเป็นพิเศษ แต่ต่อให้กินได้ก็ไม่อาจกินมากเกินไป จึงกำชับบ่าวว่าให้ชายารองดื่มน้ำแกงเล็กน้อยก็พอแล้วเจ้าค่ะ”