บทที่ 7
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนฝืนยิ้มเอ่ย “เซียวอ๋องเสด็จมาผิดเวลา โจ๊กในร้านขายหมดไปนานแล้วเพคะ”
เซียวอ๋องติดกระดุมคอเสื้อ ริมฝีปากบางเม้มเล็กน้อย ก่อนเอ่ยนิ่งๆ “คุณหนูหมายถึงอยากให้ข้ามาวันพรุ่งนี้อีกที?”
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนไม่ได้อยากให้ตัวซวยผู้นี้แวะเวียนมาทุกวันจนสร้างความตกใจแก่น้องๆ จึงรีบเอ่ย “แต่ว่าผู้น้อยเก็บบางส่วนไว้ให้ตนเอง เดิมทีตั้งใจจะห่อกลับไปให้คนที่บ้านกิน หากท่านอ๋องไม่ทรงรังเกียจอาหารชาวบ้าน ผู้น้อยจะไปอุ่นมาให้ท่านอ๋องเพคะ”
นางพูดจบแล้วเปิดกล่องอาหารที่วางอยู่ด้านข้าง เทโจ๊กชามใหญ่กลับลงหม้อเล็กใหม่อีกครั้งอย่างฉับไว ก่อนเติมน้ำ อาศัยสะเก็ดไฟในเตาที่เหลือต้มจนเดือด ผุดฟองสีขาวขึ้นมา…
ในช่วงเวลานั้นภายในร้านโจ๊กเงียบสงบจนได้ยินแต่เสียงปะทุของหญ้ากับฟืน กลิ่นหอมของข้าวลอยมาเป็นระลอก
เซียวอ๋องนั่งตัวตรงอยู่ที่โต๊ะ หยิบกาน้ำชาขึ้นมารินชาดื่มด้วยตนเอง นัยน์ตาเข้มมองไล่ตามขอบถ้วยชา สำรวจไปถึงสตรีที่ทำงานอยู่ริมเตาไฟอย่างเชี่ยวชาญผู้นั้นเงียบๆ…
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนกลับไม่มีเวลาสนใจสายตาละลาบละล้วงของบุรุษด้านหลัง นางในทุกวันนี้ไม่ใช่คุณหนูตระกูลสูงศักดิ์เมื่อห้าปีก่อนผู้นั้นนานแล้ว ถึงแม้ตอนที่อยู่บนภูเขาไป๋ลู่จะมียวนยางคอยปรนนิบัติ แต่ความลำบากยามเดินทัพไม่อาจเทียบเคียงกับความสุขสบายในห้องหอ การก่อไฟทำอาหารไม่นับเป็นปัญหาอีก เพียงแต่สถานการณ์อย่างในตอนนี้ แม้แต่ตัวนางเองยังแอบรู้สึกว่าโชคชะตากลั่นแกล้งคน
หากย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน ตีให้ตายอวี้ฉือเฟยเยี่ยนก็ไม่มีทางนึกถึงว่าจะมีสักวันหนึ่งที่ตนเองอุ่นโจ๊กให้กับองค์ชายรองเซียวอ๋องด้วยตนเอง นึกถึงสมัยก่อน มีครั้งหนึ่งเซียวอ๋องนำกำลังทหารมาโอบล้อมภูเขาไป๋ลู่ เลือกใช้กลยุทธ์ปิดล้อมโดยไม่สู้ ตีโอบภูเขาลูกนั้นจนไม่เหลือช่องโหว่ ตั้งใจจะทำให้กองทัพผดุงธรรมบนภูเขาหิวตายทั้งเป็น เวลานั้นเสบียงบนภูเขาเหลืออยู่ไม่มาก ทั้งยังตรงกับฤดูหนาวที่บนภูเขาไม่มีพืชพรรณงอกเงย กระทั่งจะขุดรากผักป่าขึ้นมากินยังทำไม่ได้ ส่งผลให้ทุกครั้งที่บรรดาทหารหิวโหยกันมากๆ จะมองไปทางค่ายทหารของเซียวอ๋องที่ตีนเขาด้วยสายตาอำมหิต อยากจะฉีกทึ้งเนื้อของฮั่วจวินถิงผู้นี้มาต้มเป็นน้ำแกงเนื้อกลิ่นหอมแก้หิวจริงๆ
ภายหลังนางคิดกลยุทธ์ ‘ให้สัมผัสความรู้สึกแบบเดียวกัน’ ขึ้นมาได้ หลังจากได้รับรายงานจากนกพิราบสื่อสาร และอาศัยช่วงพายุหิมะสามวันในตอนนั้น ส่งทหารกล้าซึ่งสวมรองเท้าเดินหิมะตัดจากแผ่นไม้คู่หนึ่ง ไถลตัวลงจากเนินเขาที่เดิมทีไม่อาจลงไปได้ ทะลวงผ่านจุดโอบล้อมที่อ่อนแอที่สุดของศัตรูอย่างรวดเร็ว ลงมือฉับไวอ้อมไปยังเส้นทางที่เสบียงของกองทัพต้าฉีจะต้องผ่าน ราดน้ำลงไปบนถนนหลวงสายนั้น ในช่วงฤดูหนาวจัด หยดน้ำกลายเป็นน้ำแข็ง เปลี่ยนถนนสายนี้มาเป็นลานน้ำแข็งลื่นวาววับทันที
รถม้าขนส่งเสบียงหลายสิบคันเคลื่อนตัวโงนเงนอยู่บนถนน กีบเท้าเหล็กของม้ายิ่งกลายมาเป็นจุดถึงแก่ชีวิต หลังจากรถม้าคันแรกๆ พากันกลิ้งตกเนินเขาข้างถนน บรรดาทหารที่มัดเชือกป่านกันลื่นอยู่ที่เท้าก็กรูกันเข้าไปสังหารทหารคุ้มกันเสบียง หลังจากชิงเสบียงอาหารมาได้หลายสิบคันรถก็ลงมือเผาที่เหลือทั้งหมด
มิหนำซ้ำวิธีขนเสบียงขึ้นภูเขายิ่งละเอียดประณีต ช่างทหารบนภูเขาติดตั้งคานล้อไว้บนหน้าผาฝั่งหนึ่ง ยามวิกาลวันนั้น นางสั่งการทหารกลุ่มใหญ่แสร้งบุกโจมตีด้านหน้า ดึงดูดความสนใจของกำลังหลักกองทัพต้าฉี ตีบูรพาส่งเสียงประจิม* ลักลอบใช้ตะกร้าแขวนขนย้ายเสบียงขึ้นภูเขาทางด้านหลังของภูเขาได้อย่างแยบยล
กว่ากองทัพต้าฉีจะได้รับข่าวว่าเสบียงแนวหลังของตนเองถูกเผาไหม้จนหมดก็สายไปแล้ว รวมกับพายุหิมะมืดฟ้ามัวดินที่ตามมาติดๆ ถนนถูกปิดตาย ยากจะส่งเสบียงสนับสนุนมาอีกครั้ง ความหิวโหยยังคงอยู่ ทว่ากลับเปลี่ยนเป็นฝั่งกองทัพต้าฉีแทน พวกเขาได้แต่เสี่ยงถอนกำลังทหารท่ามกลางพายุหิมะ ทั้งยังถูกนางส่งทหารไล่ตามไปซ้ำเติม เล่นงานอย่างรุนแรงแสนสาหัสอีกครั้ง
หลังจากแก้ปัญหาถูกปิดล้อมในฤดูหนาวครั้งนั้นได้ นางเสนอกับฝานจิ่งให้พยายามขยับขยายพื้นที่ อย่าเอาแต่กระจุกตัวรวมกำลังหลักของกองทัพอยู่บนภูเขาไป๋ลู่ ป้องกันไม่ให้ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก โดนปิดตายอยู่บนภูเขาอีก ส่วนเซียวอ๋องผู้นั้นเองก็เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นผู้หนึ่ง คอยเกาะติดไม่ปล่อยประหนึ่งปลิงดูดเลือด หลายปีมานี้ต่างผลัดกันแพ้ชนะ ถึงแม้ระยะนี้เพราะปัญหาทหารทางใต้จึงไม่มีเวลาไปสนใจทางเหนืออีก แล้วก็ไม่ไปบุกทลายรังครั้งใหญ่ แต่ก็กดดันขัดขวางกองทัพของฝานจิ่งเอาไว้อีกฝั่งของแม่น้ำอย่างเข้มงวด ยากที่จะขยายอาณาเขต…
ตอนนี้ดูแล้วข้าวที่ติดเอาไว้จะอย่างไรก็ต้องชดใช้คืน สมัยนั้นเคยทำให้เซียวอ๋องผู้นี้หิวท้องกิ่ว โดยไม่รู้ตัวก็ต้องชดใช้คืนให้ทีละชามๆ ดูท่าเครื่องเคียงฝีมือยวนยางจะช่วยกระตุ้นความอยากอาหารดีจริงๆ หลังจากเซียวอ๋องกินเสร็จหนึ่งชามอย่างไม่รีบร้อนก็ยังขอเติมอีก นางต้องฝืนขูดก้นหม้อถึงเติมให้ได้อีกหนึ่งชาม
โจ๊กในกล่องอาหารถูกกินหมดแล้ว อวี้ฉือเฟยเยี่ยนได้แต่เปิดไหข้าวสารตักข้าวใหม่ที่ล้างแล้วมาต้มหม้อใหม่ บังเอิญตอนนั้นเองท่านลุงอวี้ฉือรุ่ยก้าวเดินเร็วรี่มาจากอีกตรอกด้วยสีหน้ายินดี เขาเพิ่งดื่มสุรากลับมาจากจวนของใต้เท้าหลี่ ฤทธิ์สุราบนใบหน้ายังไม่เลือนหาย ฝีเท้าแอบโซซัดโซเซ ตัวคนยังไม่ถึงร้านโจ๊กก็ตะโกนเสียงดังแล้วว่า “เฟยเยี่ยน ลุงจัดการเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งให้เจ้าได้แล้ว การแต่งงานของเจ้ามีที่ไปแล้ว!”