อวี้ฉือรุ่ยได้ยินแล้วรู้สึกว่ามีเหตุผลมากเช่นเดียวกัน จึงโบกมืออย่างเสียดาย “เจ้าตัวโรคระบาดนั่นกินอาหารเลิศรสโอชาจนเบื่อแล้วหรือไร กินอิ่มไม่มีอะไรทำถึงได้แวะมากินโจ๊ก! ลุงเจ้าทุ่มสุดตัวถึงได้ขอร้องใต้เท้าหลี่สำเร็จเชียวนะ เฮ้อ! เสียดายกล่องเครื่องประทินโฉมลงรักทองฝังอัญมณีปี้สี่ ใบนั้นของข้าจริงๆ ในเมื่อพูดว่าจะให้ใต้เท้าหลี่แล้ว ก็ไม่สะดวกจะขอคืนกลับมา…”
คราวนี้อวี้ฉือเฟยเยี่ยนกระจ่างแจ้งขึ้นมาทันใด พอจะเดาเหตุการณ์ทั้งหมดออกแล้ว เดิมทีนางได้ยินคำพูดของท่านลุงยังนึกสงสัย ไม่คิดว่าจะยังมีขุนนางภักดีไม่กลัวตายเพียงนี้อยู่อีก ที่แท้หาใช่ความนับถือต่อแม่ทัพอวี้ฉือเต๋อแห่งราชวงศ์ก่อน แต่เป็นเพราะว่าท่านลุงควักสมบัติก้นหีบใต้เตียงออกมา คงโอ้อวดทรัพย์สมบัติส่วนตัวมหาศาลให้ใต้เท้าหลี่ฟัง ใต้เท้าหลี่ผู้นั้นจึงโอ้อวดแบบเติมน้ำมันใส่ไฟเพิ่ม ส่งผลให้ผู้อื่นหลงคิดว่าอดีตตระกูลโหวของราชวงศ์ก่อน ถึงแม้จะอยู่อย่างถ่อมตนทว่าความจริงมีทรัพย์สมบัติอู้ฟู่ เป็นคหบดีที่ซ่อนเร้นตัวอยู่ จึงอยากจะดูตัวด้วยจริงหรือไม่!
คิดแล้วหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก เพียงทำเป็นไม่ได้ยินเสียงบ่นตลอดทางกลับบ้านของท่านลุง
ตอนนั้นเองยวนยางหิ้วเนื้อหมูห่อด้วยใบบัว รวมถึงสุราไหเล็กไหหนึ่งกลับมา ก่อนเข้าห้องครัวไปยุ่งง่วนกับการเตรียมอาหารเย็น ในเวลานั้นกลิ่นหอมเข้มข้นของเนื้อช่วยชะล้างความกลุ้มใจของท่านลุงในที่สุด คนทั้งครอบครัวลิ้มรสมื้ออาหารอุดมสมบูรณ์มื้อหนึ่งอันหาได้ยาก
หลังจากเปิดร้านโจ๊กโดยราบรื่น อวี้ฉือเฟยเยี่ยนก็ยุ่งกับเรื่องจัดแจงน้องชายเข้าเรียนในสำนักศึกษาต่อ หลายวันมานี้อาจารย์ของสำนักศึกษาข้างเคียงเคยแวะมากินโจ๊กอยู่หลายครั้ง นางล้วนให้ความสนใจ ตั้งใจดูแลรับรองเป็นพิเศษ ไม่คิดเงินค่าโจ๊กของอาจารย์ รวมถึงพูดเรื่องที่น้องชายของตนเองต้องการเข้าเรียนให้ฟังด้วย
สำนักศึกษาแห่งนี้คือ ‘สำนักศึกษาจงหลิง’ ป้ายชื่อติดหน้าสำนักศึกษาเป็นฝีมือของมหาปราชญ์ราชวงศ์ก่อน ถึงแม้ยุคสมัยจะผลัดเปลี่ยน แต่ชื่อเสียงโด่งดังของสำนักศึกษากลับไม่ลดลงสักนิดเดียว บัณฑิตในสำนักศึกษาถ้าเบื้องหลังครอบครัวไม่ได้พอมีพื้นฐานอยู่บ้างก็ไม่อาจเข้าร่วมสำนักศึกษาได้
แต่ว่าอาจารย์หวังผู้นั้นเป็นคนมีนิสัยสบายๆ ตอนอยู่ที่ร้านโจ๊กเคยลองทดสอบความรู้ของเสียนเกอเอ๋อร์ อวี้ฉือจิ้งเสียนได้รับการศึกษาส่วนตัวที่จวนโหวมาตั้งแต่เด็ก โดยมีท่านลุงเชิญอาจารย์ชื่อดังมาสอน รวมกับเขาเป็นคนหัวไว เดิมทีความรู้พื้นฐานไม่ได้ด้อย แค่หลายปีมานี้ร้างราห่างเหินไปบ้าง แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ก็ทำให้อาจารย์หวังผงกศีรษะติดต่อกัน รู้สึกว่าเป็นศิษย์ที่สั่งสอนได้!
สุดท้ายเขาบอกกับอวี้ฉือเฟยเยี่ยนว่าหากเสียนเกอเอ๋อร์อยากเข้าเรียน เขาช่วยแนะนำได้ แต่ว่าค่าเรียนปีละสี่สิบตำลึงนี้เป็นกฎของสำนักศึกษาหลวงไม่อาจลดราคา ไม่รู้ว่านางจะหามาได้หรือไม่
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนไร้ความลังเล ตอบกลับทันทีว่าจะจ่ายค่าเรียนได้อย่างแน่นอน แค่ไม่รู้ว่าจะขอแบ่งจ่ายสองงวดเป็นช่วงครึ่งปีแรกกับครึ่งปีหลังได้หรือไม่ อาจารย์รู้ว่าให้ครอบครัวเล็กๆ หาเงินจำนวนเท่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย จึงผงกศีรษะตอบตกลง บอกกำชับให้อวี้ฉือจิ้งเสียนเข้าเรียนเดือนหน้า
หลังจากอาจารย์กลับไปอวี้ฉือจิ้งเสียนถึงได้เอ่ยอย่างร้อนใจ “ญาติผู้พี่ ที่บ้านมีเงินมาจ่ายค่าเรียนแพงๆ เช่นนี้ที่ใดกัน ข้าไม่ไป!”
แต่อวี้ฉือเฟยเยี่ยนกลับเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “เด็กอย่างเจ้าไม่ต้องสนใจเรื่องเงินทองหรอก ขอแค่กลับไปตั้งใจทบทวนบทเรียน อ่านตำราบทกวีสมัยก่อน อย่าให้เข้าเรียนแล้วเรียนตามไม่ทันจนทำให้สกุลอวี้ฉือเสียหน้าโดยเปล่าก็พอ!”
เวลาญาติผู้พี่คนนี้ตีหน้าเคร่ง แม้ปราศจากโทสะก็ดูกดดันน่าเกรงขาม อวี้ฉือจิ้งเสียนสามารถโต้เถียงกับบิดาตนเองได้ ทว่าไม่เคยกล้าทะเลาะกับญาติผู้พี่ เขาได้แต่ปิดปาก กลับห้องไปค้นหาตำราสมัยก่อนแล้ว
ระยะนี้อวี้ฉือเฟยเยี่ยนกับยวนยางเร่งทำงานตลอดทั้งคืน ออกงานปักชุดใหม่อีกชุดส่งไปที่ร้านเชียนซิ่ว อวี้ฉือเฟยเยี่ยนเสนอเรื่องขอเงินมัดจำล่วงหน้าบางส่วน เถ้าแก่ร้านเห็นว่างานปักชุดก่อนขายได้ไม่เลวจริงๆ หากำไรได้อย่างเรียกว่าราบรื่น จึงผงกศีรษะตอบตกลง
ดังนั้นอวี้ฉือเฟยเยี่ยนจึงหาเงินมาได้ครบ อีกทั้งรู้สึกว่าเงินพวกนี้เป็นเศษกระจัดกระจายเกินไป กลัวว่าตอนที่จ่ายเงินจะทำให้คนของสำนักศึกษาดูถูกน้องชายเอาได้ จึงแวะไปชั่งน้ำหนักที่ร้านแลกเงิน ละลายเงินก้อนแล้วหล่อให้เป็นก้อนตำลึง หลังจากจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย วันเข้าเรียนนางรีบอาบน้ำแต่งตัวแต่เช้าตรู่ เอาถุงผ้าใส่ตำราใบใหม่ที่ยวนยางเย็บใส่ตำราเตรียมพร้อม ทั้งยังมอบเงินทองแดงบางส่วนให้เสียนเกอเอ๋อร์ สำหรับเอาไว้ซื้อของกินระหว่างคาบเรียน จากนั้นพาเขาไปยังสำนักศึกษา
ตอนที่เพิ่งเดินถึงหน้าประตูสำนักศึกษา บังเอิญเจอกับบัณฑิตท่าทางสุภาพ สวมชุดคลุมยาวหมวกครามผู้หนึ่งเข้า เดิมทีบัณฑิตผู้นั้นจะก้มหน้าหลบทางให้ แต่หลังจากเห็นดวงหน้าของอวี้ฉือเฟยเยี่ยนชัดเจนกลับเบิกดวงตางดงามกว้างขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับเอ่ยเรียกเสียงเบา “คุณหนูอวี้ฉือ?”
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนได้ยินแล้วเงยหน้า เมื่อมองสบตากับบัณฑิตผู้นั้นก็ตกตะลึงไปเล็กน้อยเช่นเดียวกัน นึกไม่ถึงว่าที่หน้าสำนักศึกษานางจะได้เจอกับหวังอวี้หล่าง…อดีตคู่หมั้นที่ถอนหมั้นกันไปแล้วผู้นั้นของนางเข้า