ต่อให้เป็นบัณฑิตอ่อนแอก็มีช่วงเวลาที่ถูกบีบคั้นจนตรอก เพียงนึกว่าอวี้ฉือเฟยเยี่ยนเองก็ได้ยินข่าวลือน่าขายหน้าพวกนั้น เขาก็แทบอยากกัดลิ้นฆ่าตัวตายเสียเดี๋ยวนี้ หวังอวี้หล่างกำหมัดแน่นต่อยใส่กำแพงอิฐในตรอกซ้ำๆ หลายหมัด เนื้อหลังมือขวาแตกเละ
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนตื่นตกใจยกใหญ่
นางไม่รู้ว่าเหตุใดหวังอวี้หล่างถึงทำตัวผิดปกติเช่นนี้ แต่หากมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับราชบุตรเขยของราชวงศ์ใหม่คงไม่ดีแน่ จึงรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งจากสาบเสื้อออกมาให้หวังอวี้หล่างห้ามเลือดที่มือ ทั้งเอ่ยปลอบลวกๆ สั้นๆ แล้วหันตัวกลับจากไป
เมื่อวานตอนย่ำค่ำ หลงเจินส่งบ่าวรับใช้มาบอกว่าโต้วหย่งผู้นั้นโดนส่งตัวไปทำงานต่างเมือง ไม่อยู่เมืองหลวง อยากชวนอวี้ฉือเฟยเยี่ยนไปนั่งสนทนาแก้เบื่อที่เรือนของนาง วันนี้เพราะว่ามาส่งน้องชายเข้าเรียน ร้านโจ๊กหยุดกิจการหนึ่งวัน ดังนั้นหลังออกจากสำนักศึกษาในยามที่นางเดินทางกลับบ้านก็เรียกยวนยางที่อยู่ทำอาหารให้ท่านลุงเรียบร้อยแล้วไปยืนรอหน้าปากตรอก รอรถม้าของเรือนหลงเจินมาแล้วขึ้นรถม้าไปด้วยกัน
เรือนแยกของหลงเจินอยู่บริเวณรอบนอกของเมืองหลวง ไม่นับเป็นเรือนหลังใหญ่โต แต่ดีที่ค่อนข้างใหม่ อิฐกระเบื้องกำแพงล้อมรอบต่างเป็นรูปแบบที่นิยมในตอนนี้ ภูเขาจำลองและดอกไม้ใบหญ้าในลานเรือนล้วนผ่านการตกแต่งด้วยฝีมือหลงเจิน ดูไม่ธรรมดา เป็นสถานที่พำนักเงียบสงบแห่งหนึ่งจริงๆ
เมื่อเข้าเรือนไปพบหลงเจิน สองสหายพูดคุยเรื่อยเปื่อยกันสักพัก หลงเจินตาแหลมเห็นว่าตรงแขนเสื้อชุดกระโปรงผ้าเนื้อหยาบสีน้ำเงินของอวี้ฉือเฟยเยี่ยนเปรอะเลือดเล็กน้อยก็ร้อง “ตายแล้ว” ออกมาเบาๆ รีบดึงแขนเรียวของอวี้ฉือเฟยเยี่ยนมาตรวจสอบดูว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนถึงได้รู้ตัวว่าตอนที่ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้กับหวังอวี้หล่างโดนเลือดของเขาเข้า จึงยิ้มบอกว่า “เป็นเลือดหมูที่กระเด็นโดนตอนหั่นเนื้อ”
หลงเจินได้ยินว่าอวี้ฉือเฟยเยี่ยนต้องหั่นเนื้อด้วยตนเองก็ถอนหายใจยาว “ที่แท้ต้องทำงานใช้แรงพวกนี้ด้วย? ถ้าทำให้มือคู่งามหยาบกระด้างเข้าจะทำอย่างไร สุดท้ายก็เพราะในอดีตท่านแม่ทัพอาวุโสอวี้ฉือตัดใจให้เจ้าแต่งงานเร็วไม่ลง ถ้าหากแต่งงานตั้งแต่ก่อนหน้าสงคราม ต่อให้สกุลหวังไร้ยางอายมากกว่านี้ก็ไม่อาจทำเรื่องอัปลักษณ์อย่างฉีกสัญญาแต่งงานหลังจากว่าที่พ่อตาเสียชีวิตออกมาได้หรอก หากมีลูกสักคน ตอนนี้เจ้าก็สุขสบายไปแล้ว…”
แม้อวี้ฉือเฟยเยี่ยนได้ยินแล้วจะไม่เห็นด้วย แต่ก็เพียงยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ตอบคำ กลับเป็นหลงเจินหลงนึกว่าตนเองขุดบาดแผลในใจสหายขึ้นมา จึงรีบเอ่ยแก้สถานการณ์ “แต่สกุลหวังที่ปรับหางเสือตามลมก็ไม่ได้พบจุดจบที่ดีอะไรเช่นกัน เพราะเรื่องทดลองเข้าหอขององค์หญิงเล่อผิง สกุลหวังเลยขายหน้าหมดสิ้นแล้ว…”
ได้ยินถ้อยคำเช่นนี้อวี้ฉือเฟยเยี่ยนก็เงยหน้าขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ พร้อมกับถามอย่างแปลกใจ “ทดลองเข้าหอ?”
หลงเจินโบกมือบอกให้สาวใช้ที่ปรนนิบัติอยู่ในห้องทุกคนออกไป ถึงได้เล่าความเป็นมาเป็นไปให้ฟัง
เพราะว่านางมีฐานะเป็นอนุของแม่ทัพผู้ใต้บังคับบัญชาเซียวอ๋อง ปกติแล้วไปมาหาสู่กับอนุที่เลี้ยงไว้ข้างนอกของจวนอื่นอยู่บ่อยครั้งเหมือนกัน เรื่องซุบซิบนินทาที่น่าสนใจเช่นนี้ย่อมสืบมาได้ไม่น้อย รวมกับในใจนางนึกขัดเคืองสกุลหวังอยู่แต่เดิม จึงใส่ใจมากเป็นพิเศษ
ต้องรู้ว่าบิดาของนางกับอัครเสนาบดีหวังผู้นั้นเคยเป็นคนรู้จักเก่ากัน ที่สมัยนั้นเส้นทางขุนนางของอัครเสนาบดีหวังราบรื่น ไม่อาจขาดการสนับสนุนจากบิดานาง ช่วงแรกที่นางประสบเคราะห์ถูกจับตัวอยู่ในจวนแม่ทัพ มีชีวิตแบบอยู่ไม่สู้ตาย เคยพยายามฝากคนส่งจดหมายให้กับสหายเก่าของบิดาผู้นี้ พร่ำพรรณนาความทุกข์ทรมานของตนเอง หวังว่าเขาจะช่วยพูดให้ต่อหน้าเซียวอ๋อง ให้โต้วหย่งยอมปล่อยตนเองกลับเจียงหนานไปอยู่กับมารดาได้
แต่ท่านลุงอัครเสนาบดีผู้เคยใจดีในอดีตกลับตอบจดหมายมาฉบับเดียว โดยเขียนแบบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตนเองว่า
‘เรื่องในครอบครัวยากจะสอดมือเข้ายุ่ง ข้าไม่อาจช่วยอะไรได้’
ความแล้งน้ำใจเพียงนี้ชวนให้คนหนาวเหน็บไปถึงหัวใจจริงๆ
หลงเจินคิดถึงตรงนี้แล้วยิ้มเย็นเอ่ย “น้องหญิงไม่รู้ว่าอัครเสนาบดีหวังมีใจอยากเกาะสายเลือดฮ่องเต้ อุตส่าห์หาการแต่งงานที่ดูสูงศักดิ์มาให้บุตรชายตนเองได้อีกแล้ว ตั้งใจจะเป็นราชบุตรเขยขององค์หญิงเล่อผิงผู้นั้น แต่ว่าพฤติกรรมขององค์หญิงเล่อผิงเรียกได้ว่าแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร หลังจากได้ยินว่าฝ่าบาททรงเห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ กลับไปขอร้องให้ฮองเฮาส่งนางกำนัลผู้หนึ่งไปที่จวนอัครเสนาบดี สั่งให้นอนร่วมเตียงกับคุณชายหวังผู้นั้นหนึ่งคืน ทดลอง ‘สั้นยาว’ ดูแล้วถึงจะยอมลดเกียรติอภิเษกด้วย!”
ถึงแม้อวี้ฉือเฟยเยี่ยนจะยังไม่ได้แต่งงาน ทว่ามีความรู้กว้างขวาง คำใจกล้าจากปากคอเราะรายของหลงเจินทำให้หน้านางแดงระเรื่อขึ้นมาทันที เอ่ยเสียงเบา “พี่หญิงช่างกล้าพูด! ไฉนเลยจะมีเรื่องเหลวไหลปานนี้”
หลงเจินเลิกคิ้วเรียว ยิ้มอย่างสาแก่ใจยิ่งนัก “เป็นอย่างไร องค์หญิงแห่งต้าฉีพระองค์นี้ชวนให้คนเปิดหูเปิดตาจริงหรือไม่ คนสกุลหวังเองก็ไร้ความรู้ รับพระราชเสาวนีย์ประเภทนี้แล้วน่าจะทำอะไรไม่ถูก ก็ไม่รู้ว่าคุณชายในตระกูลผู้นี้เคยได้รับการสั่งสอนหรือยัง จู่ๆ รีบร้อนลงสนามถูกขังอยู่ในห้องกับนางกำนัลผู้นั้น อาจเพราะไม่ได้เตรียมตัวพร้อมพอ จึงขาดกลิ่นอายของบุรุษ พอวันรุ่งขึ้นนางกำนัลกลับวัง องค์หญิงเล่อผิงก็โวยวายจะถอนหมั้นด้วย!”