คราวนี้อวี้ฉือเฟยเยี่ยนพูดไม่ออกแล้วจริงๆ คิดเพียงว่ามิน่าวันนี้ในตรอกตนเองแค่พูดถึง ‘คู่ครองที่ดี’ ขึ้นมา คุณชายหวังผู้นั้นถึงได้ทั้งอับอายทั้งโกรธจนต่อยกำแพง…
แต่เรื่องเกี่ยวพันถึงเรื่องส่วนตัวของเชื้อพระวงศ์ เหตุใดกระทั่งอนุที่เลี้ยงไว้ข้างนอกยังได้ยินข่าวเล่า
หลงเจินหยิบขนมซิ่ง ในจานพลางเล่าต่อ “สุดท้ายเป็นเพราะหวังเยี่ยนถิงขาดคุณธรรมของขุนนางสูงศักดิ์ มีอดีตขุนนางราชวงศ์ก่อนหลายคนเก็บหางรับตำแหน่งอยู่ในราชสำนักต่อ แต่มีใครที่ใดทำตัวโอ้อวดเยี่ยงเขาบ้าง ทุกคนยังจดจำถ้อยคำชื่นชมประจบประแจงฮ่องเต้พระองค์ก่อนของเขาได้ ตอนนี้กลับอดรนทนไม่ไหวแซ่ซ้องสรรเสริญฮ่องเต้พระองค์ใหม่แล้ว คนที่รออัครเสนาบดีหวังโชคร้ายมีอยู่ถมเถไป!”
ประโยคนี้นับว่าจริง อวี้ฉือเฟยเยี่ยนถอนหายใจเบาๆ รู้สึกว่าหวังเยี่ยนถิงไร้ศีลธรรม ยังพลอยเดือดร้อนถึงคุณชายบัณฑิตอ่อนแอผู้นั้นที่เป็นบุตรชายของเขาแล้ว
ความจริงเรื่องลับของราชวงศ์เรื่องนี้ยังมีอย่างอื่นซ่อนอยู่อีกมาก ถึงแม้หวังอวี้หล่างจะเป็นคนสบายๆ ไม่ชอบแก่งแย่งชิงดี แต่ตอนที่วังหลวงส่งนางกำนัลมาทดลองเข้าหอ ต่อให้มารดาจะเอ่ยโน้มน้าว เกลี้ยกล่อมให้เขายอมทำตามเพียงใด แต่ความทะนงตนของบัณฑิตนั้นไม่อาจแปดเปื้อนมลทิน
เขาถูกบิดาบังคับให้แต่งงานเป็นเรื่องหนึ่ง หากจะต้องถูกคนบังคับจับจูงให้ทำเรื่องไร้ยางอายเฉกเช่นสัตว์เดรัจฉานก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว
ในคืนทดลองเข้าหอ เขาที่ถูกขังอยู่กับนางกำนัลผู้นั้นทำตัวเหมือนกับหลิ่วเซี่ยฮุ่ย ที่นิ่งไม่ไหวติง ไม่ว่านางกำนัลจะปลดเปลื้องอาภรณ์อย่างไรก็ไม่เคยเหลือบแลมอง เมื่อนางกำนัลปีศาจผู้นั้นมานั่งพิงซบอ้อมอกเขาก่อนเอง เขายังตวาดตำหนิออกมาอีกด้วย
นางกำนัลผู้นั้นเองก็นึกโมโห วันรุ่งขึ้นหลังจากกลับวังหลวงจึงบอกกับองค์หญิงว่าราชบุตรเขยท่านนี้เกรงจะใช้ไม่ได้ ดีไม่ดีอาจเป็นหมันแต่กำเนิดผู้หนึ่ง คราวนี้องค์หญิงเล่อผิงไม่ยอมแล้ว น่าเสียดายที่องค์หญิงผู้นี้หลงลืมว่าบิดาของนางไม่ใช่ขุนนางตัวเล็กๆ ของซินเหยี่ยอีกต่อไป นางเองก็ไม่ใช่สตรีทั่วไปในจวน ตอนนี้ฮ่องเต้ร้อนใจอยากเอาชนะใจคน ให้ขุนนางมีความสามารถของราชวงศ์ก่อนทำงานเพื่อตนเอง ถ้าหากเพราะความเหลวไหลของบุตรสาวทำให้ตระกูลอัครเสนาบดีอับอาย มิใช่จะกลายเป็นเรื่องตลกในประวัติศาสตร์หรอกหรือ ฮ่องเต้นึกหงุดหงิดเสิ่นฮองเฮาด้วยซ้ำ ทว่าเสิ่นฮองเฮามีนิสัยแสบสันมาแต่ไหนแต่ไร ต่อให้เขาเป็นฮ่องเต้ ความกลัวภรรยาก็ยังคงอยู่ ทำได้เพียงตำหนิบุตรสาวและบอกว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่มีทางเปลี่ยนแปลง หลังจากองค์หญิงไปโวยวายกับบิดาไม่ประสบผล จึงไปหาบรรดาพี่ชายที่จวนแต่ละคนต่อ หวังให้พี่ชายช่วยออกหน้าโน้มน้าวบิดา ผลกลับกลายเป็นโวยวายจนทุกคนรู้กันถ้วนหน้า ทำให้คุณชายสูงศักดิ์ผู้รักษาขนบประเพณีกลายเป็นบุคคลไร้ความสามารถเรื่องสตรีไปแทน
เดือดร้อนให้ช่วงนี้หวังอวี้หล่างเข้าร่วมงานเลี้ยงแล้วเงยหน้าไม่ขึ้น วันนี้ผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าแก่ของเซียวอ๋อง…บุตรชายของรองเสนาบดีกรมทหารหวงเจิ้นแต่งงาน ในฐานะแม่ทัพคนโปรดของเซียวอ๋อง อนาคตของหวงเจิ้นย่อมไร้ขอบเขต งานมงคลของผู้สูงศักดิ์คนใหม่เช่นนี้ จะขาดเงาร่างของอัครเสนาบดีหวังไปได้อย่างไร
ดังนั้นหวังอวี้หล่างได้แต่ตามบิดาไปร่วมแสดงความยินดีด้วย แต่เขารู้สึกอยู่ตลอดว่าในกลุ่มคนมีสายตานับไม่ถ้วนลอบมองประเมินตัวเขาตั้งแต่บนจรดล่าง เสียงซุบซิบไม่เคยหยุดลง จึงอยู่ในห้องโถงใหญ่อย่างรู้สึกหายใจไม่ออก
เขาสบโอกาสอ้างมาเข้าห้องน้ำ แล้วหลบไปอยู่ในสวนดอกไม้ด้านข้างตามลำพัง พรูลมหายใจออกมา
ในตอนที่รอบข้างปราศจากผู้คน เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ซักสะอาดแล้วผืนนั้นออกมาจากสาบเสื้อ
รอยเลือดบนผ้าผืนนี้ถูกซักออกแล้ว ก่อนหน้านี้เขาเคยแอบหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ขึ้นมาชื่นชมนับครั้งไม่ถ้วน หวังอวี้หล่างเป็นคนใสซื่อ สมัยที่หมั้นหมายกับอวี้ฉือเฟยเยี่ยนก็ตกหลุมรักนางตั้งแต่แรกพบ ถึงแม้ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนจะไม่เคยพูดคุยเปิดอกกัน แต่แค่ได้ยินคุณหนูผู้นั้นสนทนากับคนในครอบครัวก็รู้แล้วว่าสตรีผู้นี้ศึกษาเล่าเรียนมีความรู้ ไม่ใช่บุคคลไร้ความสามารถที่ถูกเลี้ยงดูอยู่แต่ในห้องหอ นับตั้งแต่นั้นจิตใจของเด็กหนุ่มก็อยู่บนตัวว่าที่ภรรยาผู้อ่อนหวานทั้งหมด ถึงแม้จะไม่อาจอยู่ด้วยกันทุกวัน แต่ว่าภายในใจกลับดื่มด่ำกับความรู้สึกหวานล้ำนี้ตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้ว
ย้อนนึกถึงสีหน้ากังวลยามเห็นตนเองได้รับบาดเจ็บของคุณหนูอวี้ฉือในวันนั้น หวังอวี้หล่างสูดดมกลิ่นผ้าเช็ดหน้าอย่างห้ามไม่ได้ ทั้งยังยกขึ้นแนบริมฝีปาก ปลายนิ้วลูบไล้ฝีเข็มถี่ยิบบนผืนผ้า ระลึกถึงดวงหน้าดุจภาพวาดของสตรีในดวงใจอย่างลุ่มหลง ทั้งยังจินตนาการว่าตนเองกับคุณหนูอวี้ฉือทำเหมือนในบทละครงิ้ว ขัดขืนคำสั่งของบิดามารดา หนีตามกันไปท่ามกลางแสงจันทร์ หาสถานที่ซ่อนเร้นตัวตนใช้ชีวิตดั่งเทพเซียน สามีภรรยารักใคร่ปรองดอง เคารพซึ่งกันและกัน…
ฉับพลันนั้นตรงปลายอีกฝั่งของทางเดิน เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังมา “ลวดลายบนผ้าเช็ดหน้าของคุณชายหวังช่างแปลกใหม่เสียจริง ไม่รู้ว่าจะให้ข้าดูสักหน่อยได้หรือไม่”
หวังอวี้หล่างได้ยินแล้วตกใจ เมื่อเหลือบสายตาขึ้นก็เห็นบุรุษหล่อเหลาร่างสูงใหญ่ สวมชุดคลุมยาวสีดำผู้หนึ่งกำลังยืนมือไพล่หลังอยู่ นัยน์ตาลึกล้ำดุจศรแหลมคมจับจ้องมายังผ้าเช็ดหน้าที่ตนเองยกแนบริมฝีปากผืนนั้น
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 1 ก.พ. 68