ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก
ทดลองอ่าน ซ่อนแผนร้ายชิงบัลลังก์รัก บทที่ 71-72
บทที่ 71
คำพูดของเซี่ยวชิงเรียกได้ว่าขาดความเคารพ แต่อวี้ฉือเฟยเยี่ยนไม่ได้ถือสามากมาย นางจับจ้องดวงตาของเซี่ยวชิงแล้วถาม “เกิดเหตุไม่คาดฝันบางอย่างกับองค์ชายรองใช่หรือไม่” ในตอนที่เซี่ยวชิงเตรียมอ้าปากตอบ อวี้ฉือเฟยเยี่ยนเอ่ยเน้นทีละคำอีกครั้ง “รบกวนแม่ทัพเซี่ยวอย่าได้ตอบส่งๆ การซ้อมรบครั้งนี้สำคัญมาก องค์ชายรองจะทรงเข้าร่วมไม่ได้ได้อย่างไร เจ้ารู้หรือไม่ว่าหากการซ้อมรบครั้งนี้ล้มเหลวจะเกิดผลกระทบที่ร้ายแรงเพียงใดต่อพระองค์”
เดิมทีเซี่ยวชิงตั้งใจจะตอบนางส่งๆ แล้วไล่กลับจวนอ๋องไป แต่ได้ยินประโยคจริงจังตอนหลังของนางแล้ว ชั่วขณะนั้นกลับพูดไม่ออก สุดท้ายเขาจึงกัดฟันเอ่ยในที่สุด “ตอนที่เซียวอ๋องทรงลาดตระเวนตามหมู่บ้าน เนื่องจากโดนดินถล่มลงมาปิดทาง จึงถูกขังอยู่ที่หมู่บ้านชิงเขอไจ้…มิหนำซ้ำแม่ทัพหลักในการซ้อมรบอย่างแม่ทัพเซวียกับแม่ทัพโต้วยังถูกพบว่าหมดสติอยู่ในหอคณิกา…เมื่อใดที่เสียงแตรยาวดัง ในสนามฝึกการซ้อมรบจะขาดผู้บัญชาการหลัก…”
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนได้ยินแล้วหัวใจหนักอึ้งลง ค่อยๆ เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ ถึงแม้นางจะรู้แก่ใจว่าจะต้องเกิดเรื่องไม่คาดฝันกับเซียวอ๋องแน่นอน แต่เมื่อได้ยินเซี่ยวชิงบอกความจริงออกมา นางยังคงสูดลมหายใจเย็นเข้าลึกอย่างช่วยไม่ได้
ถึงแม้เซี่ยวชิงจะเป็นแม่ทัพเก่งกล้าผู้หนึ่ง ทว่าไร้ความสามารถในการบัญชาการ ถ้าหากปล่อยให้เขาเป็นคนสั่งการในการซ้อมรบ ผลลัพธ์ชวนให้คนไม่ค่อยวางใจจริงๆ อวี้ฉือเฟยเยี่ยนนั่งเงียบอยู่สักพักแล้วเอ่ยปาก “แม่ทัพเซี่ยว เจ้ารู้ภาษาธงสั่งเปลี่ยนขบวนทัพในการซ้อมรบของเซียวอ๋องหรือไม่”
เซี่ยวชิงตอบอย่างอึดอัด “ข้าน้อยคอยสังเกตอยู่ด้านข้างมาตลอด ย่อมทราบขอรับ ไม่ทราบว่าชายารองวางแผนเช่นไร”
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนค่อยๆ เงยหน้าขึ้น “แผนการนั้นมีอยู่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าแม่ทัพเซี่ยวจะยอมร่วมมือด้วยหรือไม่…”
ถึงแม้ภายในกระโจมผู้บัญชาการค่ายทหารจะยุ่งหัวหมุน แต่เวลาซ้อมรบมาถึงแล้ว แตรยาวสิบกว่าตัวดังกระหึ่มขึ้นมาตรงตามเวลา
ด้านหน้าที่นั่งบนหอสูงของสนามฝึกมีผู้คนมารวมตัวอยู่เนืองแน่น ขุนนางท้องถิ่น ผู้สังเกตการณ์กองทัพจากราชสำนักที่มาร่วมรับชมการซ้อมรบ รวมถึงทูตต่างแคว้นจากชายแดนข้างเคียงต่างก้าวขึ้นประจำที่นั่งกันหมดแล้ว
ได้เห็นว่าบนสนามฝึกกว้างใหญ่ หอไม้สูงสองแห่งถูกสร้างขึ้นมาล่วงหน้า หอไม้ทั้งสองนี้อยู่ห่างกันมาก เลียนแบบกำแพงเมืองสองที่
การซ้อมรบบนพื้นดินศึกแรกคือการโจมตีเมือง ผู้ที่ยึดเมืองสำเร็จก่อนจะเป็นฝ่ายชนะ
ทางด้านเซียวอ๋องทำได้เพียงส่งเซี่ยวชิงออกรบ เขานั่งอยู่บนแท่นบัญชาการด้านหลังหอไม้ ข้างหลังเก้าอี้ของเขาแขวนผ้าผืนหนึ่งเอาไว้อยู่
ทางด้านหนานลู่กงเองก็ส่งแม่ทัพใหญ่คนหนึ่งออกมารับศึก ส่วนตัวหนานลู่กงนั่งอยู่ด้านหลังหอไม้ฝั่งตนเอง มองดูแท่นบัญชาการที่ค่อนข้างว่างโล่งของฝั่งกองทัพเซียวอ๋องแล้วเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา ขณะที่เว่ยเซวียนซื่อนั่งอยู่บนที่นั่งรับชมด้านข้างกับเหล่าสตรีสูงศักดิ์ประจำท้องถิ่นไหวหนานจำนวนมาก ตอนที่นางนั่งลง ชำเลืองมองที่นั่งว่างด้านข้างแล้วถามอย่างแนบเนียน “ชายารองเซียวอ๋องไปที่ใดกัน”
คาดว่าบรรดาฮูหยินที่อยู่ด้านข้างน่าจะถกเถียงเรื่องนี้กันมาแล้ว เวลานี้ต่างมีเจตนาประจบเอาใจหนานลู่กงฮูหยิน จึงยกผ้าเช็ดหน้าปิดปากเอ่ยกลั้วหัวเราะ “ได้ยินว่าล้มป่วยเจ้าค่ะ โดนลมไม่ได้ เลยไม่มารับชมแล้ว แต่ว่าชายารองไม่มาก็เหมาะสมเข้าใจได้ เห็นว่าเซียวอ๋องทรงติดอยู่ที่หมู่บ้านชิงเขอไจ้ ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นแม่ทัพใหญ่สองคนเมามายหมดสติอยู่ที่หอคณิกาเมื่อคืนอีก…ผลลัพธ์การซ้อมรบนี้รับรู้ได้โดยไม่ต้องพูดอยู่แล้ว ต่อให้มาก็ไม่มีอะไรน่าดู…” พูดจบสตรีออกเรือนผู้นั้นก็หัวเราะคิกคักกับบรรดาฮูหยินสูงศักดิ์ด้านข้าง
เว่ยเซวียนซื่อไม่ได้เอ่ยตอบ แต่เคลื่อนสายตาไปบนแท่นบัญชาการฝั่งตรงข้ามด้วยรอยยิ้มสำรวมและสุภาพ…
ความจริงไม่เพียงแต่บนที่นั่งรับชมฝั่งสตรีที่ซุบซิบนินทากัน บนที่นั่งรับชมฝั่งบรรดาทูตและขุนนางก็รวมตัวกันคอยกระซิบกระซาบอยู่ตลอดเวลา เพราะว่าข่าวฉาวโฉ่ของกองทัพเซียวอ๋องที่หลุดออกมาเมื่อวานน่าตกตะลึงเกินไปแล้วจริงๆ คืนก่อนซ้อมรบแม่ทัพทั้งสองกลับยังมีใจแวะไปเที่ยวหอคณิกา บุคคลที่เป็นถุงสุราห่อข้าว* เช่นนี้จะฝึกฝนทหารเก่งกล้าเช่นไรออกมาได้
ถึงแม้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเซียวอ๋องแต่ละคนจะองอาจ เก่งกาจด้านการรบ สร้างความดีความชอบทางการศึกให้ใต้หล้าของต้าฉี แต่ดั่งคำพูดที่ว่า ‘นารีงามคือหลุมศพของวีรบุรุษ’ อดีตทหารกล้าในวันวานเองก็ใช้ชีวิตสุขสบายในช่วงเวลาสงบสุขมาจนเคยตัว ไม่ได้ห้าวหาญดุดันเท่าเมื่อก่อนอีกต่อไป
การซ้อมรบครั้งนี้จะสามารถเล่นงานหนานลู่กงได้อย่างที่ฮ่องเต้ปรารถนาจริงๆ หรือ ในใจทุกคนล้วนไม่มีความมั่นใจ ต่างมีเรื่องในใจต่างกันไป บางคนรอดูเรื่องตลกของเซียวอ๋อง บางคนลอบส่ายหน้าด้วยความเสียดาย
ขณะนี้เมฆครึ้มบางส่วนเคลื่อนมาอย่างไม่คาดฝัน บดบังแสงแดดแรงกล้า สายฝนกำลังจะมาเยือน
ศึกแรกนี้ทั้งสองฝ่ายต่างทำตามกฎ จัดขบวนทัพแบบแบ่งสามกองพลตามธรรมเนียมกันทั้งคู่ โดยมีพลทหารทวนโล่อยู่แถวหน้าสุด พลทหารเท้ารับช่วงตรงกลาง ส่วนพลธนูอยู่แนวหลัง
เซี่ยวชิงสั่งให้ขบวนทัพสามกองพลเคลื่อนที่ไปข้างหน้าช้าๆ ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามอยู่เฉยไม่ขยับ แสดงท่าทีตั้งรับออกมา เซี่ยวชิงสั่งให้กองทัพฝ่ายตนเองเคลื่อนไปยังตำแหน่งนอกระยะยิงธนูของฝ่ายตรงข้าม หลังจากจัดทัพเสร็จสิ้น พลทวนโล่ก็ยกทวนไปข้างหน้า แสดงท่าบุกโจมตีศัตรูขึ้นมา
หลี่จิ้นของฝ่ายตรงข้ามรีบสั่งให้พลทวนโล่ป้องกันเอาไว้ พลทหารเท้าก้าวขึ้นหน้าสนับสนุน พลธนูยิงธนูโต้ตอบ
ขุนนางที่รับชมการแสดงอยู่มีหลายคนเคยผ่านสนามรบมาก่อน ต่างเป็นคนในแวดวงที่ดูเข้าใจ เพียงแค่เห็นการจัดขบวนทัพของทหาร ท่าเคลื่อนไหวคล่องแคล่ว ก็มองออกแล้วว่าในด้านกำลังรบกองทัพของเซียวอ๋องเหนือกว่าหนานลู่กงหนึ่งช่วงใหญ่อย่างเห็นได้ชัด นั่นเป็นทหารกล้าที่ฝึกฝนออกมาโดยไม่เคยหยุดพักผ่อน ไม่ว่าสภาพอากาศจะร้อนจัดหรือเหน็บหนาวอย่างไร ได้เห็นขบวนทัพของเซียวอ๋องไล่ต้อนไปข้างหน้า กดดันกองทัพของหนานลู่กงให้ก้าวถอยหลัง
Comments
