คืนนั้นกลับถึงจวนแล้ว เซียวอ๋องไม่แม้แต่จะกินอาหารเย็นก็รีบร้อนอาบน้ำแล้วเข้าไปในห้องของชายารองทันที
เดิมทีเซวียเฟิงกับโต้วหย่งเพิ่งฟื้น กำลังก้มหน้าคุกเข่าอยู่ในห้องโถงใหญ่ของจวนเซียวอ๋อง รอเซียวอ๋องมาต่อว่า แต่นึกไม่ถึงว่าเซียวอ๋องกลับมาแล้วจะหายไปที่เรือนหลัง ตอนที่หัวหน้าเว่ยมาแจ้งว่าดึกเกินไป ท่านอ๋องพักผ่อนแล้ว พวกเขานึกโล่งอกขึ้นมา รู้สึกว่าพ้นเคราะห์ไปชั่วคราว ถึงอย่างนั้นก็ยังคุกเข่ารออยู่ที่เดิม
ส่วนเซี่ยวชิงเดิมทีก็กังวลว่าสหายทั้งสองคนจะถูกลงโทษจึงตามมาด้วย แต่เมื่อได้ยินว่าเซียวอ๋องกลับถึงจวนก็ตรงไปตระกองกอดหญิงงามทันที ความรู้สึกดีอันน้อยนิดต่ออวี้ฉือเฟยเยี่ยนที่เพิ่มขึ้นจากการซ้อมรบสลายหายไปในชั่วพริบตา
นางปีศาจผู้นี้! วางยาเสน่ห์ใส่ท่านอ๋องจริงๆ หรือไร
ฮั่วจวินถิงรู้สึกเช่นกันว่าตนเองถูกพิษ แค่แยกจากกันไม่กี่วันก็กระหายจนร้อนใจ หลังจากรีดเค้นหยาดพิรุณจนหยดสุดท้าย เหงื่อร้อนออกท่วมร่างถึงได้กอดสตรีบอบบางในอ้อมแขน จุมพิตปลายจมูกที่มีเหงื่อผุดพรายของนางอย่างพึงพอใจ
เนื่องจากเมื่อครู่นี้รีบร้อนมาปลดปล่อยความปรารถนา จึงไม่ได้สนใจบุรุษป่าเถื่อนสองคนที่โดนวางยาหญ้าตามฝันเลยสักนิด สมควรทิ้งพวกเขาให้กระสับกระส่ายอยู่ตรงนั้นสักพักเช่นกัน
ทั้งสองคนตระกองกอดกันสักพัก เซียวอ๋องเรียกคนให้ยกน้ำอุ่นเข้ามาข้างใน หลังจากอาบน้ำเสร็จ หัวหน้าเว่ยยืนสอบถามอย่างระมัดระวังอยู่ตรงประตู “ท่านแม่ทัพเซวียกับท่านแม่ทัพโต้วยังไม่กลับไป ตอนนี้เปลือยท่อนบนรัดหนามคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูจวนขอรับ”
เซียวอ๋องสวมเสื้อผ้าไปพลางแค่นเสียง “ปล่อยให้พวกเขาคุกเข่ากันต่อไป”
หัวหน้าเว่ยฟังออกถึงน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ ไม่กล้าเกลี้ยกล่อมต่อ เพียงถอยออกไปอย่างนอบน้อม
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนกลับรู้สึกว่าเซียวอ๋องใจแคบกับแม่ทัพทั้งสองเกินไป อยากจะเกลี้ยกล่อมแต่ก็ไม่อาจยุ่งเกี่ยวกับกิจทหาร มีท่าทีอยากพูดแต่ก็ไม่ยอมพูด
เซียวอ๋องหันมาเอ่ยกับอวี้ฉือเฟยเยี่ยน “เยี่ยนเอ๋อร์คิดเห็นต่างออกไปหรือ”
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนเห็นเซียวอ๋องถาม จึงตอบตรงๆ “แม่ทัพทั้งสองท่านพลาดไปโดยไม่เจตนา เติ้งไหวโหรววางแผนใส่คนที่ไม่ทันตั้งตัว ขนาดท่านอ๋องยังตกหลุมพรางอยู่ที่หมู่บ้านชิงเขอไจ้ แล้วจะสร้างความลำบากให้แม่ทัพทั้งสองท่านอีกไปไย มิหนำซ้ำขณะนี้เป็นช่วงซ้อมรบที่สำคัญ เป็นเวลาที่ต้องใช้งานคน หวังว่าท่านอ๋องจะทรงไตร่ตรองให้ดีด้วยเพคะ”
เซียวอ๋องหน้าเคร่งขรึมลง ดูแล้วไม่อาจทนฟังคนอื่นตำหนิเขา
ในตอนที่อวี้ฉือเฟยเยี่ยนลอบหัวเสียที่ตนเองพูดมาก เซียวอ๋องกลับแสดงสีหน้าระรื่นเอ่ย “เยี่ยนเอ๋อร์พูดถูก รบกวนเจ้าไปเชิญแม่ทัพทั้งสองกลับไปแทนข้าแล้วกัน”
อวี้ฉือเฟยเยี่ยนเห็นสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มของเซียวอ๋องก็นึกแปลกใจ ก่อนจะเข้าใจเจตนาของเขาโดยพลัน ตั้งใจให้นางเป็นคนออกหน้า ซื้อน้ำใจจากคนสนิทของเซียวอ๋องพวกนี้
ในการซ้อมรบครั้งนี้อวี้ฉือเฟยเยี่ยนย่อมมองออกว่าเซี่ยวชิงเก็บความเป็นอริต่อนางเอาไว้ไม่น้อย ทว่าก็สมเหตุสมผลเข้าใจได้ ในเมื่อต่างก็เคยเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน จะลดความระแวงลงในเวลาสั้นๆ ได้อย่างไร
ทว่าอย่างเซียวอ๋องเขาไม่รู้สึกระแวงฐานะกบฏในอดีตของนางสักนิดเลยจริงๆ หรือ เหตุใดอยากให้นางกับคนสนิทของเขาปรองดองกันประหนึ่งพี่สะใภ้กับน้องชายอย่างไรอย่างนั้น!
“รีบไปเถิด แล้วก็บอกพวกเขาด้วยว่าวันพรุ่งนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยงในจวน เรียกพวกเขาสองคนรวมถึงเซี่ยวชิงมาดื่มสุราด้วยกัน ปรึกษาเรื่องศึกทางน้ำในวันมะรืน…ถึงเวลาต้องรบกวนชายารักเข้าครัวทำอาหารด้วยตนเองอีก!”
“…”
หลังจากคุกเข่าท่ามกลางสายลมฤดูหนาวของไหวหนานอยู่หนึ่งชั่วยาม ต่อให้เป็นบุรุษร่างเหล็กก็ยังตัวสั่นอยู่ดี ยามเงาร่างสะโอดสะองของอวี้ฉือเฟยเยี่ยนปรากฏตัวท่ามกลางม่านราตรีที่เริ่มมีหมอกลง ถูกแสงเรืองรองของโคมด้านหลังปกคลุมทับ กลับให้ความรู้สึกลวงตาประหนึ่งพระโพธิสัตว์ลงมาโปรด…