เนื่องจากแขกในงานเลี้ยงของเซียวอ๋องล้วนเชิญแต่ผู้ใต้บังคับบัญชาคนสนิท ทั้งยังสั่งอาหารฝีมืออวี้ฉือเฟยเยี่ยนด้วยตนเอง ดังนั้นวันรุ่งขึ้นอวี้ฉือเฟยเยี่ยนจึงลุกขึ้นไปเตรียมตัวทำอาหารแต่เช้า หลังจากเข้ามาในห้องครัวใหญ่ก็ได้เห็นวัตถุดิบวางอยู่ละลานตา เซียวอ๋องสร้างสายสัมพันธ์อันดีไม่น้อยที่หมู่บ้านชิงเขอไจ้ บรรดาญาติพี่น้องถวายของป่าจำนวนมากให้ ไก่บ้านกับกระต่ายอ้วนบรรจุอยู่เต็มตะกร้า แล้วยังมีไข่ไก่ป่าลายพร้อยด้วย เพื่อเป็นการรับรองเซียวอ๋อง หัวหน้าหมู่บ้านจึงเชือดหมูหนึ่งตัว ไส้หมูสดใหม่ยังเหลืออยู่อีกยาวเหยียด
หัวหน้าเว่ยมองเห็นวัตถุดิบสดใหม่พวกนี้แล้วกล่าวตำหนิคนครัวของจวน “เอาอาหารธรรมดาพวกนี้มาวางไว้ตรงนี้ได้อย่างไร”
แต่อวี้ฉือเฟยเยี่ยนกลับยิ้ม อดนึกถึงครั้งแรกที่เข้าวังไม่ได้ ภาพเหตุการณ์ฮ่องเต้แห่งต้าฉีนำทุกคนในครอบครัวย่างไส้กินกัน ในเมื่อต่างเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเก่าตั้งแต่สมัยอยู่ซินเหยี่ย คิดดูแล้วน่าจะชื่นชอบรสชาติของบ้านเกิดมากกว่าเช่นเดียวกัน…ดังนั้นจึงเอ่ยห้ามหัวหน้าเว่ย “แม้ไม่ใช่วัตถุดิบที่ดูดีอะไร แต่ถ้าเอาไปทำอาหารอย่างเหมาะสมก็จะให้รสชาติอร่อยไปอีกแบบ”
พูดจบแล้วนางก็บอกให้เป่าจูยกไส้หมูกับวัตถุดิบอื่นๆ กลับห้องครัวเล็กของตนเอง หลังจากจัดเตรียมวัตถุดิบอื่นเรียบร้อยแล้ว อวี้ฉือเฟยเยี่ยนก็ล้างไส้ให้สะอาด ตามด้วยสับเนื้อแล้วปรุงรสด้วยกานพลูกับผงเครื่องเทศ ก่อนกรอกลงในไส้ จากนั้นรมควันด้วยหญ้าหอม นำลงย่างในกระทะอีกที ปิดท้ายด้วยราดน้ำกระเทียมแล้วจัดใส่จาน
ในเมื่อมีแต่ขุนนางบู๊มาที่นี่ ต่างฝึกฝนกันทั้งวันทั้งคืน เสียเหงื่อเยอะ น่าจะเป็นคนชื่นชอบรสชาติจัดจ้านกันทั้งนั้น อาหารอื่นที่เหลือจึงใช้น้ำพะโล้เป็นรสหลัก ช่วงที่อยู่ไหวหนานนี้นางอยู่ว่างไม่มีอะไรทำ อีกทั้งในมือก็มีตำราอาหารลับเล่มนั้น จึงเข้าครัวไปฆ่าเวลาบ่อยๆ ฝีมือทำอาหารของอวี้ฉือเฟยเยี่ยนก้าวกระโดดขึ้นพรวดพราดจริงๆ บางครั้งเวลาว่างยังอดเย้ยหยันตนเองไม่ได้ ฝีมือระดับนี้ไม่เป็นรองยวนยางแล้วด้วยซ้ำ อนาคตเปิดร้านอาหารได้สบายๆ
เมื่ออาหารร้อนๆ ที่ชายารองทำเองกับมือถูกจัดวางขึ้นโต๊ะ กลิ่นหอมลอยอบอวลไปทั่วทั้งห้อง เดิมทีเซวียเฟิงกับโต้วหย่งมีเรื่องในใจ รู้สึกผิดอยู่เต็มอกแล้วจะกินอะไรลงได้อย่างไร แต่เมื่อได้กลิ่นอาหารเหล่านี้ทั้งสองยังคงหยิบตะเกียบเงินขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว รอเซียวอ๋องขยับตะเกียบก่อนแล้วจึงกินอย่างตะกละตะกลาม แม้แต่เซี่ยวชิงยังเลิกระแวง กินอย่างเรียกได้ว่าตั้งอกตั้งใจมาก
โดยเฉพาะไส้กรอกย่างจานนั้นอร่อยอย่างที่ไม่อาจพรรณนา เอามากินเป็นกับแกล้มคู่สุราจะยอดเยี่ยมที่สุด
เซวียเฟิงอดกลั้นไม่ได้เอื้อมมือคีบชิ้นสุดท้าย เดิมตั้งใจยกให้เซียวอ๋อง แต่นึกไม่ถึงว่าเซี่ยวชิงจะไร้มารยาท ยื่นตะเกียบไปคีบชิ้นสีเหลืองกรอบชิ้นสุดท้ายเข้าปากตนเอง นี่ทำให้ทั้งเซวียเฟิงกับโต้วหย่งต่างถลึงตาใส่เซี่ยวชิงอย่างอำมหิต
“นึกไม่ถึงว่าฝีมือทำอาหารของชายารองจะยอดเยี่ยมเพียงนี้ วันนี้กระหม่อมได้รับความช่วยเหลือจากองค์ชายรอง ทั้งยังมีลาภปากอีก ช่างโชคดีจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ” เซวียเฟิงเอ่ยชมอย่างอดไม่ได้หลังจากวางตะเกียบลง
เซียวอ๋องจิบสุราพลางยิ้มเอ่ย “ชายารองคนนี้ของพวกเจ้ามีความทะนงตนสูงมาก ไม่ว่าเรื่องใดก็เรียกร้องความสมบูรณ์ไร้บกพร่อง อย่างกับข้าวของวันนี้มองดูคล้ายมีแต่อาหารของชาวบ้านทั่วไป ทว่าฟ้ายังไม่ทันสว่างก็ลุกไปลงมือทำแล้ว ยุ่งอยู่หลายชั่วยามถึงเสร็จเรียบร้อยดีหมด”
เดิมทีเซวียเฟิงไม่มีการไปมาหาสู่อะไรกับชายารองของเซียวอ๋อง บอกตามตรงว่าชายารองคนหนึ่งก็แค่ของเล่นฆ่าเวลาในห้องของท่านอ๋องเท่านั้น ถึงแม้จะได้ยินว่าชายารองผู้นี้ถูกเซียวอ๋องอุ้มเข้าจวนด้วยตนเองตอนพิธีแต่งงาน แต่นั่นก็แค่เพราะเพิ่งโปรดปราน แค่ความรักใคร่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
แต่เมื่อวานนางกลับเกลี้ยกล่อมเซียวอ๋องที่เดือดดาลให้ละเว้นพวกเขาสองคนได้ วันนี้ยังเป็นคนเข้าครัวทำอาหารในงานเลี้ยงที่เซียวอ๋องเชิญพวกเขามา นี่ก็มากพอจะเห็นได้ว่าชายารองผู้นี้มีตำแหน่งอย่างไรในจวนอ๋องแล้ว